บท
ตั้งค่า

บทที่ 12 เปิดกิจการ "ร้านหงส์ทอเมฆา" 1/1

ตั้งแต่เริ่มฝึกฝนการต่อสู้จากการสั่งสอนของซูอัน หน่วยคุ้มกันรุ่นที่หนึ่งทั้งสิบคนล้วนมีความมุ่งมั่น เพื่อให้ตนเองกลายเป็นผู้พิทักษ์ของตระกูลจิน ที่มีทั้งความแข็งแกร่งด้านร่างกาย รวมไปถึงการต่อสู้ที่ใช้มือเปล่าหรือใช้อาวุธ และทุกเช้ามักจะมีซูอันมาร่วมฝึกด้วยเสมอ

หลังจากการฝึกร่างกายของตน ซูอันจะกลับมาพูดคุยกับบิดามารดาและพี่สาว เกี่ยวกับลายปักที่ครอบครัวของนาง ได้เริ่มลงมือปักลวดลายดอกไม้ต่าง ๆ เพื่อเพิ่มคุณค่าให้กับผ้าไหมแต่ละผืน

แต่ยังคงเป็นซูอันที่มีตัวอย่างของลายปัก ซึ่งมีความแตกต่างมาให้ครอบครัวได้ทำ ทั้งพัดที่สตรีชอบถือติดตัวหรือจะเป็นผ้าเช็ดหน้า ถุงใส่เครื่องหอม ฉากกั้นขนาดกลางไปถึงขนาดใหญ่

ไม่เพียงแค่คนในครอบครัวของซูอันที่ทำงานปักผ้า ลูกจ้างของนางจากหมู่บ้านซานอี๋ทั้งสี่คน ก็ได้มาเรียนรู้และปักตามลายที่ซูอันกำหนด ด้านผ้าไหมที่นางสั่งกับชาวบ้านไว้ จะมีหัวหน้าหมู่บ้านอย่างเลี่ยงหยาง นำใส่หีบอย่างดีมาส่งให้นางถึงจวนเมื่อครบหนึ่งเดือน

ยิ่งใกล้ถึงวันเปิดร้านผ้าของครอบครัว งานปักผ้าและตัดเย็บเป็นชิ้น ๆ ยิ่งต้องระมัดระวังอย่างมาก ซูอันสังเกตเห็นว่าชุดที่นางกับทุกคนใส่ประจำนั้น สีของมันดูจะซีดจางมองแล้วไม่สบายตา จึงบังเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมาทันที

ก่อนถึงวันเปิดร้านผ้าไหมสิบห้าวัน ซูอันเดินไปยังเรือนเล็กที่ใช้เก็บผ้าไหมจากหมู่บ้านซานอี๋ จากนั้นได้ปรึกษากับจี้หยกวิเศษของนางทันที “จีจี้ ข้ารู้สึกว่าผ้าไหมที่นำมาตัดเย็บเป็นเสื้อผ้า พอนานไปสีก็เริ่มซีดจาง ยามต้องแสงแดดก็ดูหม่นหมอง สีสันไม่สดใสอย่างที่ซื้อไปในครั้งแรก เจ้าพอจะมีวิธีทำให้ผ้าไหมของชาวบ้าน รวมถึงในโรงทอแห่งนี้มีความคงทน ไม่ซีดจางง่ายหลังจากใช้งานไปนาน ๆ หรือไม่”

[มีแน่นอนเจ้าค่ะนายหญิง เรื่องนี้สำหรับจีจี้แล้วก็แค่เรื่องเล็ก ๆ เท่านั้น ท่านอย่าลืมว่าโรงทอผ้าของท่าน ก่อนจะเริ่มขั้นตอนการทอ เส้นไหมทุกเส้นล้วนต้องผ่านการย้อมน้ำยา ที่ช่วยให้สีของผ้าคงทนไปหลายปี ฉะนั้นนายหญิงเลิกกังวลเถิดเจ้าค่ะ]

“ดีมากจีจี้ เช่นนั้นเอาผ้าทั้งหมดนี้แช่น้ำยา ทำตามขั้นตอนที่เจ้าพูดมาให้ข้าด้วยก็แล้วกัน อีกสิบห้าก็ถึงวันเปิดร้านผ้าไหมแล้ว ข้าจำเป็นต้องนำไปจัดวางที่ร้านบางส่วน” ซูอันสั่งงานจี้หยกของนาง เนื่องจากก่อนการเปิดร้านผ้า นางต้องมีตัวอย่างผ้าไหมไปวางให้ลูกค้าได้เลือกซื้อ

[ได้สิเจ้าคะ เมื่อจัดการเรียบร้อยข้าจะรายงานท่านทันทีเจ้าค่ะ]

“ขอบใจมากจีจี้ ประเดี๋ยวข้าไปดูท่านแม่กับพี่หญิงก่อน ไม่รู้ว่างานปักที่เตรียมเปิดตัวในร้านจะพร้อมหรือยัง อ้อ เจ้าช่วยเพิ่มผ้าไหมอีกสีละยี่สิบพับ เผื่อลูกค้าให้ความสนใจจะได้ขายให้ลูกค้าได้ทันที”

[รับทราบเจ้าค่ะนายหญิง]

เมื่อคลี่คลายความกังวลเรื่องสีของผ้าได้แล้ว ซูอันจึงกลับไปหามารดาและเยี่ยนหลิงยังห้องของเรือนข้าง ที่มีอุปกรณ์ปักผ้าวางเรียงรายอยู่หลายตัว และบนอุปกรณ์เหล่านั้นมีผ้าที่ขึงอยู่พร้อมลวดลายที่ปักลงไป ด้วยฝีมืออันประณีตของสตรีทั้งหกในห้องนี้

“ท่านแม่ พี่หญิง”

จือเหมยหยุดมือที่กำลังปักผ้าทันที เมื่อได้ยินเสียงของบุตรสาวคนเล็กเรียกตนเอง “ว่าอย่างไรเล่าอันเอ๋อร์ แม่คิดว่าเจ้าตามบิดาไปดูร้านค้าเสียอีก”

“นั่นสิอันเอ๋อร์หรือว่าที่มาพบท่านแม่กับพี่ มีเรื่องอันใดเกี่ยวกับการเปิดร้านผ้าไหมหรือไม่เล่า” เยี่ยนหลิงถามน้องสาวด้วยเกรงว่าจะเกิดปัญหาก่อนเปิดร้าน

ซูอันเห็นทั้งสองขมวดคิ้วด้วยกลัวจะเกิดปัญหา พานทำให้ลูกจ้างที่เหลือหยุดงานในมือไปด้วย นางจึงต้องรีบอธิบายให้ทุกคนเข้าใจ “หืม พวกท่านคิดอันใดกันเจ้าคะ ทุกอย่างเกี่ยวกับการเปิดร้านผ้าไหมเป็นไปด้วยดี ไม่มีปัญหาแต่อย่างใดเจ้าค่ะ ที่ข้ามาพบท่านแม่กับพี่หญิงที่นี่ เพราะอยากมาดูให้แน่ใจเท่านั้นเอง ว่าผ้าปักลวดลายต่าง ๆ พร้อมนำไปวางขายแล้วหรือไม่ มีข้าอยู่ทั้งคนกิจการของเราจะเกิดปัญหาได้อย่างไรเจ้าคะ”

“อันเอ๋อร์ถ้าพวกตระกูลหลิวรู้เข้า จะมาหาเรื่องพวกเราหรือไม่”

ซูอันได้ยินคำถามที่เยี่ยนหลิงกังวล ดวงตาของนางพลันเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวขึ้นมา “หึ พี่หญิงท่านทำงานที่ชอบให้สบายใจเถิด หากคนตระกูลหลิวยังอยากมีชีวิตที่สงบสุข พวกเขาควรคิดไตร่ตรองให้ดี ก่อนจะเดินเข้ามาหาเรื่องกับครอบครัวพวกเราเจ้าค่ะ ถ้าคำเตือนของข้ามันดูไม่น่ากลัวละก็ ถึงยามนั้นค่อยเชือดไก่ให้ลิงดูก็ยังไม่สายนะเจ้าคะ”

จือเหมยเองก็ใช่ว่าจะไม่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ในเมื่อปัญหายังมาไม่ถึง นางจึงทำตามที่บุตรสาวคนเล็กบอกเสมอ “หลิงเอ๋อร์เชื่อใจน้องของเจ้าเถิด เจ้าก็รู้ดีว่าคนตระกูลหลิวขี้ขลาดเพียงใด หากกล้ามาหาเรื่องพวกเรา ชื่อเสียงที่พยายามรักษามาหลายปี คงไม่มีเหลืออีกต่อไปแล้วล่ะ”

“เจ้าค่ะท่านแม่ ว่าแต่อันเอ๋อร์หน่วยคุ้มกันของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง พี่เห็นพวกเขาฝึกฝนอย่างหนัก ตั้งแต่เข้ามาอยู่ที่จวนของพวกเรา ฝีมือการต่อสู้พัฒนาไปถึงไหนกันบ้างแล้ว” เยี่ยนหลิงเปลี่ยนเรื่องพูดคุยไปเป็นเรื่องหน่วยคุ้มกันแทน

เมื่อพี่สาวถามถึงเรื่องนี้ สีหน้าของซูอันจึงกลับมาเป็นปกติ “ทั้งสิบคนนี้มีความมุ่งมั่นและความพยายามอย่างมาก ที่จะทำให้ร่างกายแข็งแกร่งเพื่อปกป้องตระกูลจินของเรา หากต้องเดินทางไปต่างเมืองพวกเขาสามารถจัดการคนที่ไม่หวังดีได้ทันทีเจ้าค่ะ”

เยี่ยนหลิงยิ่งชื่นชมน้องสาวคนนี้มากกว่าเดิม เพราะซูอันมีความกล้ามากกว่าตนเสมอ “พี่รู้อยู่แล้วว่าอันเอ๋อร์ต้องทำสำเร็จ”

หลิงเจินลูกจ้างปักผ้าผู้เป็นมารดาของหยิ่งเจา ยิ่งรู้สึกขอบคุณซูอัน ที่รับบุตรชายของนางเข้ามาฝึกเป็นหน่วยคุ้มกัน แม้จะไม่ค่อยได้พบหน้าเท่าใดนัก “ป้าขอบคุณคุณหนูเล็กมากนะเจ้าคะ ที่รับหยิ่งเจาเข้ามาทำงานกับท่าน ที่ผ่านมาเขาพยายามเรียนรู้ด้วยตนเอง แต่เพราะต้องช่วยครอบครัวทำงาน จึงไม่ค่อยมีเวลากับการฝึกต่อสู้นักเจ้าค่ะ”

“ท่านป้าอย่าได้พูดเช่นนั้นเลย พวกเราทั้งสองฝ่ายต่างได้รับผลประโยชน์ เมื่อทุกคนทำงานได้ดีข้าย่อมดูแลพวกเขาอย่างดี ต่อไปหน่วยคุ้มกันทุกคนจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น ไม่มีใครทำอันตรายทุกคนได้หากไม่ใช้วิธีลอบกัดนะ” ซูอันแทบจะทนไม่ไหวกับการได้ออกเดินทาง เพื่อไปทำการค้าตามเมืองต่าง ๆ

จือเหมยเห็นว่าบุตรสาวมีความมั่นใจนางย่อมไม่เอ่ยขัด
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel