ตอนที่4 การจากลาที่ไร้เหตุผล
“เราสองคนอะไรคะ? พี่ฟิสจะบอกอะไรเอยหรอ”
“เราสองคนตอนเที่ยงออกไปกินอาหารญี่ปุ่นที่เอยชอบกันไหม” ไม่ เขายังไม่กล้าพอ ขอให้เขามีความสุขกว่าเธอมากกว่านี้หน่อย อย่างน้อยก็เหลืออีกตั้งสองวันก่อนจะถึงกำหนด
“โถ่เรื่องแค่นี้เอง เอยก็ลุ้นแทบแย่ว่าพี่ฟิสจะบอกอะไรเอย นึกว่าจะบอกเลิกเอยเสียอีก คิกๆ เอยตกใจหมดเลยค่ะ” เจ้าเอยพูดเรื่องนั้นออกมาอย่างทีเล่นทีจริง โดยที่ไม่ได้รู้เลยว่าอีกคนที่ได้ตอนนี้ก็กลับทำอะไรต่อไม่ถูก แค่ได้ยินเธอพูดคำว่าเลิก ใจเขาก็ก็กระตุกแรงราวกับกำลังตกลงจากเหวลึกอย่างไงอย่างนั้น
“อย่าไปคิดถึงเรื่องนั้นเลย เอาเป็นว่าเที่ยงนี้เดี๋ยวพี่เลี้ยงอาหารที่หนูชอบชุดใหญ่เลยดีไหมครับคนสวย”
“ดีค่ะ ขอบคุณนะคะ ฟอด ฟอด จุ๊บๆๆๆ” เจ้าเอยหันไปยิ้มหวานขอบคุณก่อนจะกระโดดหอมแก้มทั้งสองข้างและจุ๊บเข้าที่ริมฝีปากหนาหยักได้รูปย้ำๆ อยู่หลายรอบจนพอใจ
วันเวลาล่วงเลยผ่านไปไวราวกับกระพริบตา วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เขาจะต้องอยู่ไทย และเป็นวันที่เขาจะต้องเคลียร์ทุกอย่างให้เสร็จทันเวลาตามที่พ่อของเขากำหนดไว้
สามวันที่ผ่านมาเขาพยายามกอบโกยสิ่งที่เรียกว่าความสุขทั้งชีวิตของเขาให้ได้มากที่สุด เวลานี้เขาขอเป็นคนเห็นแก่ตัว เขาขอเป็นคนเลว เขาพยายามแสดงสีหน้าที่ไม่มีพิรุธในทุกช่วงเวลาที่มีเธออยู่ด้วยกัน เก็บความขมขื่นเอาไว้ในใจเพื่อที่จะไม่ให้เธอต้องเห็นสิ่งที่เขาเปลี่ยนไปในตอนนี้
“อึก! ฮ๊า~” เสียงกลืนน้ำลายก้อนเหนียวใหญ่ลงในลำคอพร้อมกับพยายามกระพริบตาเพื่อไล่หยาดน้ำสีใสที่เอ่อคลออยู่รอบดวงตาสีน้ำข้าวของหนุ่งลูกครึ่งที่ยืนดูข้าวของทุกอย่างในห้องนอนที่เขาและเธอเคยใช้และมีความสุขร่วมกันตลอดเวลาที่ผ่านมา
แกร๊ก!
“พี่ฟิส เอยทำอาหารเสร็จแล้วค่ะ” เจ้าของเสียงใสเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับท่าทีร่าเริงซึ่งต่างจากอีกคนที่เพียงได้ยินน้ำเสียงของเธอก็พลอยที่จะทำให้หยาดน้ำตาไหลลงมาอีกรอบ
“เอยเอย” ฟิสซิสพยายามที่จะคุมน้ำเสียงของตัวเองไม่ให้สั่นไปมากกว่านี้ ก่อนจะค่อยๆ เอ่ยชื่อแฟนสาวสุดที่รักของตนออกไปช้าพร้อมกับให้หน้าเข้าไปประจันหน้ากับคนตัวเล็กที่ยืนทำหน้างงใส่เขาอยู่
“คะ พี่ฟิสมีอะไรหรือเปล่า มีอะไรเข้าตาพี่ฟิสหรอคะ ให้เอยดูให้ไหม เอยว่าตาของพี่ฟิสมันดูแดงๆ”
“ป…เปล่าหรอกครับ พี่ไม่ได้เป็นอะไรหรอก แต่พี่มีเรื่องสำคัญที่จะมาบอกเรา”
“ค่ะ ว่ามาเลยค่ะ เอยพร้อมฟังพี่ฟิสทุกอย่างเลย” เจ้าเอยยิ้มให้แฟนหนุ่มตัวเองอย่างอารมณ์ดีพร้อมกับตั้งตารอสิ่งที่เขากำลังจะพูดออกมา
“เราสองคนเลิกกันเถอะ”
“……!!!!!” เพียงแค่สิ้นสุดประโยคที่เขาต้องการจะบอกเธอ เหมือนทุกอย่างถูกหยุดเวลาเอาไว้ รอบข้างของเธอหยุดนิ่งราวกับว่าสิ่งที่ฟังเมื่อกี้นั้นไม่ใช่เรื่องจริง
“พ…พี่ฟิสพูดจริงหรอคะ”
“อืม” เขาตอบไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว ยิ่งเขาเห็นสีหน้าที่เหมือนจะร้องไห้ของเธอ เพียงแค่นั้นเขาก็อยากจะดึงร่างเล็กๆ ที่เขาเฝ้าถนุถนอมทุกวันเข้ามากอดปลอบ เขาไม่อยากที่จะมาเห็นน้ำตาของเธอแบบนี้ แต่เขาก็ไม่อยากจะให้เธอมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องของครอบครัวเขาเหมือนกัน
“ง..งั้นหรอคะ พี่ฟิสบอกเหตุผลเอยได้ไหมคะ เอยแค่อยากรู้เหตุผลค่ะ เอยไม่รั้งพี่ไว้แน่นอน”
“พี่บอกไม่ได้” เขาบอกเธอไม่ได้จริงๆ เพราะเรื่องที่ครอบครัวทำธุรกิจสีเทาเธอก็ไม่รู้ สิ่งที่เธอรู้มีเพียงแค่เขาเป็นนักลงทุนตลาดหลักทรัพทย์และอสังหาที่ไทยเท่านั้น
“เอยเอยพี่ไม่อยากทำแบบนี้ แต่มันมีเรื่องจำเป็นที่ต้องทำแบบนี้”
“แล้วพี่ฟิสจะให้เอยทำยังไงคะ”
“เอยเอยรอพี่หน่อยได้ไหมครับคนดี” เขาไม่รู้ว่าปัญหาเรื่องนี้มันจะยืดเยื้อหรือยาวนานไปอีกสักเท่าไหร่ กี่วัน กี่เดือน กี่ปี เขาอยากจะให้ปัญหานี้มันจบตั้งแต่เขายังไม่ทันได้บอกเลิกกับเธอเลยด้วยซ้ำ
“เอยต้องรอพี่ไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องราวอะไรเลยหรอคะ”
“……….” สิ่งที่เธอพูดมันก็ถูก แค่นี้มันก็ทำให้เขาเห็นแก่ตัวมากพอแล้ว แต่เขาไม่อยากที่จะเสียเธอไปยังไงล่ะ เขาอยากที่จะรั้งเธอไว้อยู่ในอ้อมกอดของเขาต่อไป
“เอยทำตามที่พี่ฟิสขอไม่ได้หรอกค่ะ เดี๋ยวเอยจะเก็บของออกไปจากห้องนี้เดี๋ยวนี้แหละค่ะ พี่ฟิสสบายใจได้เลย เอยรู้ตัวดีว่าเอยไม่สมควรที่จะมาอยู่เคียงข้างพี่ตั้งแต่แรกแล้ว”
“เอยเอยมันไม่ใช่แบบนั้นน่ะ เรื่องนี้พี่จำเป็นต้องทำอย่างนี้จริงๆ พี่แค่อยากจะลองขอร้องหนูดูเท่านั้นเองว่าหนูช่วยรอพี่หน่อยได้ไหม”
“แล้วเอยต้องรอพี่ฟิสนานเท่าไหร่ล่ะคะ”
“ร…เรื่องนี้พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน” เขาไม่สามารถตอบเรื่องนี้ได้จริงๆ แต่เขาก็อยากที่จะเคลียร์ปัญหาเรื่องนี้ให้มันจบเร็วๆ เหมือนกัน
“งั้นพี่ฟิสก็ไปทำเรื่องที่สำคัญนั้นเถอะค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงเอยหรอกค่ะ เอยดูแลตัวเองได้”
“งั้นแปลว่าเอยเอยจะรอพี่ใช่ไหมคนดี” ฟิสซิสถามคนตัวเล็กตรงหน้าออกไปอย่างมีความหวัง
“เอยก็ไม่รู้สิคะ ถึงวันนั้นจริงๆ พี่ฟิสอาจจะไม่อยากกลับมาหาเอยแล้วก็ได้” เจ้าเอยตอบเขาพลางหลุบสายตาหนีคนตัวโตเพราะเธอไม่ได้อยากจะมาร้องไห้ให้เขาเห็นหรอก อย่างน้อยก็ขอให้วันนี้เราจากกันด้วยดี
“เอยเก็บนี่ไว้นะครับคนดีของพี่ บ้านหลังนี้เป็นบ้านหลังที่พี่ฝันว่าสักวันเราจะได้เข้าไปอยู่ด้วยกัน เอยไปรอพี่ที่บ้านหลังนี้น่ะ พี่สัญญาว่าพี่จะกลับไปหาเอยแน่นอน พี่สัญญา จุ๊บ!” ฟิสซิสส่งซองเอกสารทั้งบัญชีธนาคารที่เขาฝากเงินไว้จำนวนมากและโฉนดที่ดินบ้านที่เขาตั้งใจจะเข้าไปอยู่อาศัยร่วมกันกับเธอไว้ในมือของเจ้าเอย พร้อมกับดึงเจ้าตัวมากอดและจุมพิตไปที่หน้าผากมนของคนตัวเล็กอย่างรักใคร่
เจ้าเอยไม่ตอบอะไรและค่อยๆ ดูตามแผ่นหลังของคนตัวโตที่ลากกระเป๋าเดินทางออกไปจากห้องที่ทั้งสองใช้อยู่ร่วมกันอย่างช้าๆ
หลังจากที่เขาออกไปจากห้องได้ไม่นานเจ้าเอยก็ค่อยๆ เดินราวกับร่างไร้วิญญาณมาที่เตียงนอนพร้อมกับพูดกับตัวเองเบาๆ ว่า
“หนูต้องเข้มแข็งนะลูก อย่างน้อยหนูก็มีแม่ พ่อหนูเขาไปทำธุระ อีกไม่นานพ่อเขาก็คงกลับมาหาหนูนะลูกแม่ ฮึก ฮืออออออ” ที่เธอเหงียบเหมือนคนไม่รู้สึกรู้สาอะไรในครั้งนี้เพราะเธอไม่รู้จะทำความเข้าใจกับเรื่องไหนก่อนดี แต่ตอนนี้เธอจะมาเอาแต่นั่งร้องไห้เป็นบ้าเป็นหลังไม่ได้ เพราะเธอไม่ได้อยู่คนเดียวแล้ว ถึงอย่างน้อยคนที่เธอรักจากไปเขาก็คงยังที่จะไม่ลืมทิ้งของขวัญไว้ให้เธอดูแลเหมือนเดิมอยู่ดีๆ จากกันก็เหมือนไม่ได้จาก
