ตอนที่2 ทุกอย่างต้องใช้เวลา
“ฉันให้เวลาแกแค่3วันเท่านั้น จัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย รู้น่ะถ้าไม่ทำตามที่ฉันบอกแล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับผู้หญิงที่แกรักบ้าง”
“อย่าให้ใครมายุ่งกับเธอ”
“งั้นก็ทำตามที่ฉันสั่งซะ อีกสามวันฉันต้องเจอแกที่รัสเซีย”
“ครับ”
ติ๊ด
“พี่ฟิส คุยกับใครอยู่หรอคะ”
“ตื่นแล้วหรอครับเจ้าหญิงของพี่” จากสีหน้าราบเรียบเมื่อกี้ก็ต้องแปรเปลี่ยนเป็นสีหน้ายิ้มแย้มให้กับคนอันเป็นที่รักอย่างรวดเร็ว จะให้มารับรู้เรื่องพวกนี้ไม่ได้
“งื้ออ เจ้าหญิงอะไรมาหัวฟูแบบเอยอย่างนี้ล่ะคะ”
“จะฟูเป็นยายเพิ้งก็สวยสำหรับพี่ครับ ขอแค่เป็นหนูก็พอ”
“ชิ ไม่ต้องทำมาเป็นชมเลยค่ะ แล้วตกลงเมื่อกี้คุยกับใครคะ เอยเห็นพี่สูบบุหรี่ด้วยหนิ ไหนว่าสัญญากับเอยแล้วไงคะว่าจะไม่แตะมันอีก”
“พวกเพื่อนเหี้ยนั่นแหละไม่มีอะไรหรอก มันโทรมาเล่าเรื่องเครียดให้พี่ฟังพี่เลยเครียดตามไปด้วยเลยต้องหาอะไรที่ทำให้สบายใจ พี่ขอโทษครับที่หยิบมันมาสูบอีก เอยเอยจะให้อภัยแฟนสุดหล่อของหนูคนนี้ไหมน่า”
“ถ้าให้อภัยแล้วก็ทำผิดสัญญาอีกหรอคะ” เจ้าเอยลุกขึ้นมานั่งขัดสมาธิบนเตียงพร้อมกับทำหน้ามุ่ยส่งมาให้คนตัวโตด้วยราวกับว่าน้อยใจเรื่องที่เขาหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบอีกครั้งหลังจากที่ห่างหายจากมันมาได้เกือบสามปีแล้ว
“โถ่ ให้อภัยพี่หน่อยนะครับ หรือหนูจะลงโทษพี่ก็ได้นะ เดี๋ยวพี่แก้ผ้ารอหนูบนเตียงเดี๋ยวนี้เลย”
“บทลงโทษอะไรกันคะ ฟังดูแล้วเหมือนหนูโดนลงโทษมากกว่าพี่ฟิสอีก ออกไปเลยค่ะไม่ต้องกอดเอยเลย เอยจะไปเข้าห้องน้ำ” เจ้าเอยผลักคนตัวโตที่ตอนนี้ทำตัวเล็กตัวน้อยกอดเธออยู่บนเตียงอย่างอ้อนๆ เธอไม่โกรธพี่เขาเรื่องนี้หรอก เพราะยังไงพี่เขาก็เลิกมันมานานแล้ว อีกอย่างพี่ฟิสอาจจะเครียดจริงๆ เลยต้องหาอะไรมาผ่อนคลายตามที่พูด
“แล้วเอยให้อภัยพี่ไหมครับ ถ้าไม่ให้พี่ไม่ปล่อยหรอก นั่งกอดกันอยู่อย่างนี้นี่แหละ”
“เอยไม่ได้โกรธพี่ฟิสสักหน่อย เอยแค่ถามพี่ฟิสเฉยๆ เอง”
“สัญญานะครับว่าจะไม่โกรธเรื่องที่พี่ทำไปเมื่อกี้” ฟิสซิสจ้องเข้าไปที่ดวงตาสุกใสของคนตรงหน้าอย่างสื่อความหมายก่อนที่จะเป็นสายตาของเขาเองที่รู้สึกหม่นหมองขึ้นมาทันที ราวกับว่าเรื่องราวภายภาคหน้านั้นเขาจะไม่ได้มีความสุขเหมือนช่วงเวลานี้อีกแล้ว ช่วงเวลาที่ทำให้เขามีความสุขราวกับว่าคนๆ นี้ไม่ใช่ตัวตนของเขาจริงๆ
“ค่ะ งั้นปล่อยเอยได้หรือยังคะ ถ้าพี่ฟิสปล่อยเอยช้ากว่านี้เอยจะฉี่แตกบนที่นอนแล้วนะคะ” เจ้าเอยบอกพร้อมกับแสดงสีหน้าถึงความทรมานที่ต้องมานั่งอั้นฉี่เพื่อให้เขากอดตัวเองอยู่แบบนี้
“ครับ พี่ปล่อยหนูก็ได้” เขายอมปล่อยคนตัวเล็กให้วิ่งเข้าไปในห้องน้ำแต่โดยดี
ปัง
เพียงแค่เธอปิดประตูใส่เขาเมื่อกี้มันก็ทำให้เขาเจ็บปวดใจขึ้นมาไม่น้อย ทำไมเรื่องนั้นต้องเข้ามาในตอนที่เขากำลังมีความสุข เขาต้องยอมเสียทุกอย่างในชีวิตไปหมดเลยหรอ แล้วความสุขของเขามันอยู่ตรงไหนล่ะ หรือมันหมดแล้วกันแน่เวลาแห่งความสุขของเขา ทำไมถึงมีเวลาน้อยขนาดนี้กันน่ะ เขาอยากต่อเวลาความสุขนี้ออกไปอีกเหลือเกิน แต่มันก็ไม่สามารถทำได้เพราะคำว่า ‘ครอบครัว’
“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะคะ อย่าขมวดคิ้วแบบนั้นสิคะ ยิ้มหน่อย ยิ้มให้หนูหน่อยเร็วค่ะ ยิ้มมมมม” เจ้ายอมเอามือมานวดแก้มให้แฟนหนุ่มของตัวเองพร้อมกับจับที่มุมปากของฟิสซิสไปแล้วดึงออกเพื่อให้เขาเลิกทำหน้าเคร่งเครียดแบบที่เป็นอยู่
เธอไม่รู้หรอกว่าตอนนี้เขากำลังคิดหรือเครียดเรื่องอะไรอยู่ เธอไม่อยากที่จะก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเขามากจนเกินไป เอาไว้ถ้าพี่ฟิสพร้อมเขาก็น่าจะบอกเธอเองนั่นแหละ
“หึหึ อ่อยพี่หรอ หรืออยากโดนพี่จับกินอีกสักรอบสองรอบก่อนไปกินข้าวเช้า” เขาเองก็ไม่อยากให้เธอเครียดเรื่องนี้ไปด้วยเลยต้องแสร้งทำเป็นอารมณ์ดีดั่งเดิมโดยที่ข้างในของเขาตอนนี้มันไม่เหมือนเดิมแล้ว
“อื้อออ ไม่ต้องเลยค่ะ พอแล้ว เอยเหนื่อยแล้ว เมื่อวานพี่ฟิสก็จับเอยกินตั้งแต่กลับมาจากดินเนอร์ ไม่เอาแล้ว ไปอาบน้ำเลยค่ะ เดี๋ยวเอยเตรียมเสื้อผ้าให้ จุ๊บ” เจ้าเอยเขย่งเท้าขึ้นไปจุ๊บที่สันกรามคมเข้มของฟิสซิสก่อนจะเดินเลี่ยงออกมาเพื่อเตรียมชุดให้เขาเหมือนทุกครั้งที่ตัวเธอชอบทำ อะไรเล็กๆ น้อยๆ ที่เธอพอจะทำให้เขาไม่ไม่ว่าอะไรเธอก็จะทำให้ไม่เคยเกี่ยง
เผื่อทุกคนสงสัยว่าทำไมฉันถึงมาอาศัยอยู่กับพี่เขาได้ พ่อแม่ไม่หวงลูกสาวอะไรเลยหรอ ฉันจะบอกว่าฉันไม่มีพ่อแม่เหมือนคนอื่นของเขาหรอกค่ะ แล้วก็ไม่เคยได้รู้เลยว่าพวกท่านหน้าตาเป็นยังไง ตั้งแต่จำคราวได้ฉันก็ได้รับรู้แค่ว่าตัวเองนั้นอาศัยอยู่ที่บ้านเลี้ยงเด็กกำพร้าเท่านั้น
ซ่าาาาาา~ ซ่าาาาา~ ซ่าาาาา~
เสียงของสายน้ำไหลผ่านร่างกายแกร่งลงกระทบที่พื้นเรื่อยๆ ราวกับว่าเจ้าของร่างนั้นไร้จิตวิญญาณ เขาปล่อยให้ตัวเองจมดิ่งอยู่กับสิ่งที่ปลายสายที่เขารับก่อนหน้านั้นพูดออกมา ทุกอย่างล้วนถูกกำหนดไว้ตั้งแต่แรก เขาไม่สามารถเปลี่ยนอะไรมันได้ นอกจากเขาเท่านั้นที่จะกลับไปเปลี่ยนแปลงมันเองกับมือ ทุกอย่างล้วนต้องใช้เวลา แล้วเวลานั้นมันจะรอเขาไหมล่ะ หรือเวลาจะเดินต่อไปเองได้โดยไม่ต้องมีเขา
