2 ซาจิ
“ซีคะ คุณไม่ไปทานดินเนอร์กับลีน่าจริง ๆ หรอ”
“อย่ามาเรียกชื่อนั่นของฉันตามอำเภอใจ ถ้าเธอยังอยากมีลมหายใจอยู่”
“ต…แต่ว่า ค..คุณป้าบอกให้เรียกคุณแบบนี้ได้นิคะ”
“ฉันไม่ได้อนุญาต เธอไม่มีสิทธิ์”
“ก็ได้ค่ะซาจิ แล้วเย็นนี้ล่ะคะ คุณตกลงไปทานดินเนอร์กับลีน่าไหม”
“ฉันไม่ว่าง เธอกลับไปได้แล้ว”
“แต่วันนี้คุณป้าบอกว่าซาจิว่างนะคะ คุณจะโกหกลีน่าหรอ”
“ฉันบอกไม่ว่างก็คือไม่ว่าง!!”
“อะ…โอ๊ยย! ซาจิลีน่าเจ็บค่ะ คุณปล่อยแขนลีน่านะคะ” สาวร่างบางใส่ชุดรัดรูปโดนกระชากแขนขึ้นมาอย่างรุนแรงจนกระดูกแทบหัก ใบหน้าสวยเหยเกไปด้วยความเจ็บปวดที่ได้รับจากผู้ชายตรงหน้า
ผลั่ก!
“โอ๊ยยย ซาจิคุณทำแบบนี้ได้ยังไง ลีน่าจะไปฟ้องคุณป้า!!”
“เชิญ!!”
“หึ๊ย!” สาวสวยรีบวิ่งให้ห่างจากชายหนุ่มเจ้าของนามว่าซาจิอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เธอจะไม่ได้มีลมหายใจอยู่จริงๆ ตามที่เขาพูด
“น่ารำคาญ” ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งสบถออกมาอย่างน่ารำคาญพร้อมกับล้วงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงออกมาและต่อสายหาใครบางคน
‘ฮัลโล ว่าไงจ๊ะลูกรัก’
“แม่เลิกให้ผู้หญิงทั้งหลายของแม่มาตามตอแยผมสักทีได้ไหม”
‘อะไรกันลูก แม่ก็แค่อยากได้ลูกสะใภ้ก็เท่านั้นเอง อีกอย่างหนูลีน่าก็น่ารักออกนะ ทำไมไม่ลองทำความรู้จักกับน้องดูหน่อยล่ะตาซี’
“แม่อยากรู้จักก็รู้จักไปคนเดียวสิ ผมไม่ได้อยากสักหน่อย อีกอย่างผมไม่เอาเธอมาทำพันธุ์แน่นอน”
‘ตายแล้ว ทำไมพูดไม่เพราะอย่างนี้ล่ะตาซี อย่างน้อยก็ไว้หน้าแม่บ้าง น้องลีน่าเป็นลูกของเพื่อนสนิทแม่น่ะ’
“จะให้ผมพูดอย่างอื่นทำไม ก็ในเมื่อผมไม่ได้ชอบเธออีกอย่างคู่รักของผม ผมมีปัญญาหาเองได้”
“มีปัญญาหาเองได้ แม่ก็นั่งรอแกมา28ปีแล้ว ไม่เห็นว่าปัญญาแกจะหาได้สักคน” ปลายสายเริ่มมีน้ำโหกับความดื้อรั้นของลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของตนเอง
“จะยังไงก็ช่าง แม่เลิกส่งพวกผู้หญิงน่ารำคาญพวกนั้นมาได้แล้ว ก่อนที่ผมจะไม่ไว้หน้าแม่อีก”
“เฮ้อ ก็ได้ แต่อย่าเกิน30ล่ะ แม่เริ่มรอแกไม่ไหวแล้วน่ะ”
“แม่จะรีบไปไหน”
“นี่แกแช่งแม่แกหรอตาซี”
“ไม่ได้แช่ง ก็แม่เป็นคนบอกเองนี่ว่ารอไม่ไหวแล้ว”
“โอ๊ยย แม่คุยกับแกแล้วปวดหัวไมเกรนจะขึ้น แค่นี้แหละ แม่ให้เวลาอีกสองปี ถ้ายังไม่มีการพาว่าที่ลูกสะใภ้มาทำความรู้จักกับแม่ แกก็ต้องแต่งงานกับคนที่แม่เลือกไว้ให้เข้าใจไหมตาซี”
“……..”
“ไม่พูดงั้นแม่วางแล้วน่ะ”
“ครับ”
ติ๊ด!
เฮ้อ~ น่าเบื่อจริงๆ ที่ต้องมาทนกับผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าของแม่ที่ส่งมาให้เขาในแต่ละวัน
เรามาแนะนำตัวกันสักหน่อยดีไหม เอาแบบสั้นๆ เลยก็แล้วกัน ผมชื่อ ‘ซาจิ’ คนสนิทให้เรียก ‘ซี’ โสด หล่อ รวย โจยใหญ่ จบการแนะนำตัว
“นายครับ กลับเลยไหมครับ” เสียงของลูกน้องคนสนิทโผล่งขึ้นมาหลังจากที่ผมวางสายของแม่ไปสักพัก
“ไม่ล่ะ กูว่าจะเดินอยู่แถวนี้สักพักก่อน มึงทิ้งรถไว้ให้กู ส่วนนี่เงินค่ารถกลับบ้าน” ผมรับกุญแจรถจากมันมาพร้อมกับยื่นเงินจำนวนหนึ่งให้มันไป แล้วเดินออกมาจากตรงนั้นทันที
นานแล้วน่ะเนี่ยที่ไม่ได้ออกมาเดินชิวๆ แบบนี้ เพราะธุรกิจที่ทำมันรัดตัวเกินที่จะออกมาเที่ยวเล่นได้ อีกอย่างก็ใช่ว่าจะเดินแบบชิวๆ อย่างจริงจังได้ และก็ต้องมีการระวังตัวระดับหนึ่งเผื่ออาจเกิดเจอเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้นได้เพราะธุรกิจสีเทาที่ทำ
ปึกกก!!
“เฮ้ยยย!”
ผมเดินเล่นไปสักพักก็รู้สึกถึงแรงกระแทกอย่างรุนแรงเข้าที่แขนของตัวเอง ก่อนจะเงยหน้าออกจากโทรศัพท์ขึ้นไปมองก็พบว่ามีผู้หญิงตัวเล็กคนหนึ่งวิ่งแบบไม่ดูทางแล้วตรงดิ่งมาชนผม แถมตอนที่เธอพูดขอโทษก็ไม่แม้แต่จะหันหน้ามาขอโทษดีๆ เลยด้วยซ้ำ แต่กลับตั้งหน้าตั้งตาวิ่งตรงไปที่ถนนแทน
‘จะฆ่าตัวตายงั้นหรอ ที่กลางถนนแบบนี้เนี่ยน่ะ จะบ้าไปแล้วหรือไง ท่าทางก็เป็นคนมีสติดีหนิ ทำไมถึงคิดสั้นแบบนั้นล่ะ’
ผมได้แต่มองผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนั้นวิ่งลงไปที่ถนน ก่อนที่จะเห็นความจริงว่าที่เธอบุ่มบ่ามวิ่งลงไปกลางถนนแบบนั้นก็เพราะว่า มันมีหมาตัวหนึ่งนั่งโง่อยู่กลางถนนนั่นเอง แค่หมาตัวเดียวถึงกลับเสี่ยงเอาชีวิตไปยืนอยู่กลางถนนแบบนั้นเลยหรอ
ปี๊นนนนน! ปี๊นนนนน! ปี๊นนนนน!
“เฮ้ยยัยบ้า ระวัง!!”
ไวกว่าความคิดนั่นก็คือการที่เขาเลือกวิ่งไปยังทิศทางที่มียัยผู้หญิงบ้าเมื่อกี้กับเจ้าหมาโง่ตัวหนึ่งที่กำลังยืนกอดกันอยู่กลางถนน
ซาจิวิ่งพุ่งลงไปที่ถนนอย่างรวดเร็วพร้อมกับเสียงเอะอะโวยวายจากคนรอบข้างที่ได้ยินและเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า ใครเห็นก็บอกว่าเขาไม่สามารถวิ่งเข้าไปช่วยทั้งสองที่อยู่กลางถนนได้ทันแน่ๆ
ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก
“เฮ้ยยยยยย”
“กรี๊ดดดดดดด!!!!!”
ปี๊นนนนนนนนน!!!!!
โครมมม!!!
‘ว๊ายยย ตายแล้ว สองคนนั้นจะรอดไหมเนี่ย’
‘นี่วิ่งเข้าไปดูสิ’
‘บ้าหรอ โทรแจ้งตำรวจสิ’
เสียงรอบข้างดังขึ้นมาไม่ขาดสายเมื่อได้ยินเสียงของแรงปะทะอย่างรุนแรงของรถบรรทุกที่หักหลบบุคคลที่วิ่งเข้ามาตัดหน้ารถ และโชคยังดีที่รถบรรทุกคันนั้นหักรถเข้าใส่เกาะกลางถนนเสียก่อนเลยทำให้เหลือช่องว่างที่ห่างจากสองคนกับอีกหนึ่งตัวอยู่พอสมควร
“แมร่งเอ๊ย อยากตายหรือไงวะถึงวิ่งลงมากลางถนนแบบนี้ โคตรเสียเวลาเลยวุ๊ย!” น้ำเสียงของคนขับรถบรรทุกเปิดประตูลงมาพร้อมกับด่าทอทั้งสองคนที่นอนกอดกันอยู่เกาะกลางถนน
“อึก! เอ๊ะ ไม่เจ็บนี่น่า หรือเราขึ้นสวรรค์แล้วหรอเนี่ย”
“อย่าเพ้อเจ้อยัยบ้า! ลุกออกไปได้แล้วฉันหนัก นู้น เจ้าของรถลงมาด่าแล้วนู้น” ซาจิขัดขึ้นมาเสียก่อนหลังจากที่เขาวิ่งเข้ามาถึงตัวเธอได้ทันก่อนที่รถบรรทุกจะขับมาถึง เขาพุ่งไปกอดรัดตัวเธอไว้พร้อมกับกระโดดหลบเบี่ยงจนกลิ้งไปอยู่บนพื้นหญ้าที่เกาะกลางถนนอย่างที่เห็นนั่นแหละ เขาจุกแทบตายยัยบ้านี่บอกว่าจะได้ขึ้นสวรรค์แล้ว ให้ตายเถอะบ้าจริงๆ บ้าตั้งแต่วิ่งลงมาอยู่กลางถนนแล้ว นั่นก็น่าจะรวมผมเข้าไปด้วยนั่นแหละที่บ้าจี้วิ่งตามเธอลงมาแบบนี้
“เอ๊ะ อ้าว อ่อค่ะๆ” เธอทำหน้างงก่อนจะรีบเด้งตัวขึ้นออกจากตัวผมไปพร้อมกับเดินไปคุยกับเจ้าของรถบรรทุกที่กำลังแสดงสีหน้าเดือดดาลอยู่
“ตกลงจะเอายังไงห๊ะ ฉันเสียเวลาน่ะเว้ย รถก็ต้องวิ่งส่งรอบยังมาเจอคนบ้าวิ่งตัดหน้ารถอีก” คนขับรถบรรทุกพ่นคำต่อว่าใส่เธอจนตอนนี้ยืนก้มหน้ากอดหมาโง่อยู่ท่าเดียว
“นี่ไอ้หนุ่ม เอ็งจะเอาไง ฉันเสียเวลาน่ะเนี่ย จะงอนกันก็ไปงอนที่อื่นไม่ได้หรือไง มันเสียเวลาชีวิตคนอื่น”
“ไม่ใช่นะคะเราไม่ได้…”
“ค่าเสียเวลาเท่าไหร่”
“รอบนี้ส่งของ180,000 แถมยังส่งช้าด้วย ใครจะรับผิดชอบ เอ็งรับผิดชอบไหวหรือไง”
“นี่เอาไป200,000 แล้วก็เลิกพูดมากได้แล้ว เงินแค่นั้นน่าจะพอซ่อมรถอยู่หรอกน่ะ แค่ไฟหน้าแตก” ซาจิยื่นเช็กเงินสดไปตรงหน้าให้กับคนขับรถบรรทุกก่อนจะเคลียร์ทุกอย่างให้เรียบร้อย
“คุณค่ะ นั่นมันเยอะเกินไปนะคะ อีกอย่าง..”
“เงียบไปเลย เธอน่ะตัวต้นเหตุ หรือมีปัญญาจ่ายให้เขาล่ะ ฉันจะได้เอาเช็กคืน”
“ม…ไม่ค่ะ ขอโทษด้วยค่ะ” เธอรีบเก็บปากแล้วยืนอยู่เงียบๆ ต่อทันที ส่วนผมก็คุยอะไรเล็กน้อยกับเจ้าของรถต่อ ก่อนจะแยกย้ายกันแต่โดยดี ส่วนเรื่องการจราจรก็ได้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้ามาทีหลังจัดการให้เลยทำให้ท้องถนนกลับมาเป็นปกติ
“นี่ยัยบ้า นั่งกอดแต่หมาอยู่ได้ เธอจะเอาไงกับเรื่องนี่ห๊ะ!” ผมมองไปที่ผู้หญิงคนนั้นที่เอาแต่นั่งก้มหน้ากอดหมาอยู่ริมฟุตบาท
“ค..คุณคะ คือเรื่องเงินนั่น มันเยอะมากๆ อีกอย่างฉันก็ไม่มีเงินชดใช้คืนคุณด้วย อย่างมากตอนนี้ฉันก็มีแค่หมื่นกว่าๆ” เธอพูดออกมาเสียงสั่นๆ ที่แท้เธอเงียบไปก็เพราะเรื่องเงินก่อนหน้านี้นี่เอง
“แล้วจะเอายังไงล่ะ”
“คือ..คุณจะให้ฉันชดใช้คุณแบบไหนคะ”
“เธอมีปัญญาหามาคืนฉันหรือไง”
“ม..ไม่ค่ะ” เฮ้อ~ เอาแต่ก้มหน้ามองหาเศษเหรียญอยู่นั่นแหละ
“คุยกับฉันก็มองหน้าฉันสิ”
“ค…ค่ะ” เธอตอบผมแบบกล้าๆ กลัวๆ ก่อนจะจะค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมาช้าๆ และสบตาเข้ากับผมอย่างจัง
“….!!!” เชี้ยยยยย
