1 บลูเบลล์
“ภายในหนึ่งสัปดาห์นี้คุณแม่ช่วยงดอาหารน้องก่อนนะคะ เพราะตอนนี้ลำไส้ของน้องยังไม่แข็งแรง”
“แล้วอย่างนี้ลูกฉันจะกินอะไรล่ะคะคุณหมอ”
“คุณหมอแนะนำให้คุณแม่ป้อนแค่นมถั่วเหลืองนี้ก่อนนะคะ ถ้าน้องกินไม่ไหวก็ให้คุณแม่ดึงใส่ไซริงค์แล้วค่อย ๆ ป้อนนะคะ และนี่คือยาที่น้องต้องกินร่วมค่ะ ก็จะมียาฆ่าเชื้อแบบน้ำ แล้วก็น้ำเกลือค่ะ กินร่วมกับอาหารชนิดละหนึ่งไซริงค์พร้อมกับนม ถ้าน้องเริ่มอาการดีขึ้นแล้ว ไม่ถ่ายเหลวหรือมีอาการซึม คุณแม่สามารถให้น้องกินข้าวได้ตามปกติเลยค่ะ”
“ขอบคุณค่ะคุณหมอ ขอบคุณมากจริง ๆ นะคะ”
“ไม่เป็นไรค่ะคุณแม่ ยังไงหมอก็ทำตามหน้าที่ค่ะ เชิญคุณแม่ชำระเงินที่หน้าเคาน์เตอร์ทางออกเลยนะคะ”
“ค่ะคุณหมอ ฉันไปแล้วนะคะ น้องอลิซลาคุณหมอสิลูก”
บ๊อก! บ๊อก! บ๊อก!
“บ๊ายบายน่าอลิซ อย่าป่วยมาอีกล่ะ” คุณหมอคนสวยประจำคลินิกรักษาสัตว์แห่งนี้กำลังยิ้มพร้อมกับโบกมือลาน้องหมาตัวน้อยที่เป็นคนไข้ของตนเมื่อกี้
“แหม๋ คุณหมอบลูเบลล์ ทั้งสวยทั้งเป็นมิตรกับสัตว์ทั่วโลกอีกนะคะ”
“พี่เพ็ญอ่า อย่าแซวบลูสิคะ อีกอย่างบลูก็ไม่ได้เป็นมิตรกับสัตว์ทุกชนิดขนาดนั้นสักหน่อย”
“ค่า ๆ ต่อไปคิวสุดท้ายของวันนี้คือน้องไซบีเรียนนะคะคุณหมอบลูเบลล์สุดสวยของคลินิกแห่งนี้ คิก ๆ ”
“ฮ่า ๆ พี่เพ็ญก็ ตัวหนูลอยหมดแล้วเนี่ย ชอบยอหนูอยู่เรื่อย ๆ เลย” บลูหรือบลูเบลล์ที่ทุกคนในที่นี้ชอบเรียกว่าหมอบลูเบลล์นั่นเอง
สวัสดีค่ะ ตอนนี้ก็น่าจะถึงคิวของฉันแนะนำตัวแล้วนะคะ ชื่อบลูเบลล์ค่ะแต่ชอบแทนตัวเองว่าบลูเฉย ๆ ถามว่าทำไมไม่แทนตัวเองว่าเบลล์ นั่นก็เพราะว่าชื่อนั่นคนตั้งเยอะแล้วค่ะ อีกอย่างชื่อนี้ก็ดูเก๋ดีด้วย เมื่อกี้คนที่แซวฉันไปคือพี่เพ็ญ แกเป็นพยาบาลผู้ช่วยของฉันเอง ที่มาทำงานที่นี่ก็เพราะว่าฉันมาฝึกงานค่ะ ตอนนี้เรียนอยู่ปี6แล้วคณะสัตวแพทย์ พึ่งเข้ามาทำงานได้ประมาณสามเดือน ส่วนกำหนดฝึกงานนั่นก็คือ1ปีถ้วน ฉันมีเพื่อนสนิทอยู่คนหนึ่งชื่อ ‘วีนัส’ แต่ไม่ได้เรียนอยู่คณะเดียวกันหรอกมันเรียนบัญชี ถ้าจะถามว่าเรียนบัญชี4ปีจบไม่ใช่หรอ บอกเลยว่านั่นไม่ใช่คติประจำใจของมันหรอก คนอย่างไอ้วีนัสมันเรียนพร้อมเพื่อนจบพร้อมแพทย์อยู่แล้ว แต่ปีนี้มันน่าจะจบจริงๆนั่นแหละ และเห็นว่าตอนนี้กำลังติดแฟนได้ที่เลยแหละ ถึงขั้นที่ฉันทักไปมันยังจะไม่ค่อยตอบเลย ส่วนเรื่องประวัติส่วนตัวอื่น ๆ ขอเอาไว้คราวหน้านะคะ ตอนนี้เจ้าไซบีเรียนคนไข้คนสุดท้ายของวันน่าจะเข้ามาแล้ว ฉันขอไปทำงานก่อนนะคะ
17.00น. เลิกงาน
“หนูไปก่อนนะคะพี่เพ็ญ หนูกลับแล้วนะคะทุกคน สวัสดีค่ะ”
“จ้า กลับดี ๆ นะคุณหมอบลูเบลล์” พี่เพ็ญหันมาโบกมือลาฉัน ก่อนที่ฉันจะวิ่งไปไหว้ลาพี่ ๆ คนอื่นในคลินิกต่อก่อนกลับ เพราะด้วยฉันอายุน้อยสุดในนี้และไม่อยากที่จะมีเรื่องกับใครเลยเลือกที่จะนอบน้อมไว้ก่อนเสียจะดีกว่า จะได้ไม่มีปัญหาอะไรในภายภาคหน้า
“เย็นนี้กินอะไรดีน๊า~” บลูเบลล์เดินแกว่งกระเป๋าเป้ไปพร้อมกับมองตามร้านอาหารข้างทางไปด้วยเรื่อย ๆ ที่เธอเลือกทำงานคลินิกนี้ก็เพราะว่ามันใกล้กับคอนโดที่เธอพักอยู่นั่นเอง ใกล้ชนิดที่ว่าเดินมาไม่ถึงกิโล อีกอย่างคือเธอชอบเดินอยู่แล้วด้วยเลยไม่ต้องได้ซื้อจักรยานให้เปลืองเงิน
เอาล่ะในเมื่อเลิกงานแล้วขอมาเล่าประวัติฉันต่อเลยนะคะ ฉันมาเรียนที่นี่แต่ฉันไม่ได้เป็นคนที่นี่หรอกค่ะ ฉันเป็นคนเชียงใหม่นั่นเองเจ้า แต่ที่มาเรียนที่นี่ก็เพราะว่าฉันอยากมาใช้ชีวิตแบบคนเดียวบ้าง ถึงจะไม่ใช่ลูกสาวเดียวแต่พ่อก็หวงฉันมาก ๆ กว่าจะขอมาเรียนที่นี่ได้ฉันกับพ่อก็งอนกันไปเกือบเดือนเลยทีเดียว แต่ดีที่แม่ไปช่วยพูดกับพ่อให้ เลยเป็นว่าให้ฉันมาเรียนที่นี่ได้แต่ต้องขึ้นไปหาพวกท่านในวันหยุดที่มีมากกว่าห้าวันทุกครั้ง ไม่งั้นพวกท่านก็จะย้ายลงมาอยู่ด้วยกันกับฉันเสียเลย ไม่รู้พ่อคิดอะไรอยู่ แต่ฉันก็ไม่ขัดพวกท่านหรอก แต่ถ้าวันหยุดนั้นฉันไม่ว่างจริง ๆ ก็จะบอกล่วงหน้า จะได้ไม่มีการงอนทางไกลกันเกิดขึ้น
ฉันมีน้องชายหนึ่งคนด้วยแหละ ตอนนี้น่าจะอยู่ม.5แล้วล่ะมั้ง จะบอกว่าน้องฉันนะหล่อมาก หล่อแบบวัวตายความล้ม ไม่รู้ว่าพ่อแม่ฉันลำเอียงหรือเปล่าทำไมเอาความหล่อไปให้น้องแล้วเอาความสวยไปโยนทิ้งลงถังขยะแบบนั้น ไม่คิดจะส่งมาให้ฉันเลย
แต่ว่าฉันก็สวยอยู่แล้วน่ะ คงสวยกว่านี้ไม่ได้อีกแล้วแหละ แค่ทุกวันนี้ก็ปวดหัวพออยู่แล้ว และไม่อยากปวดหัวไปมากกว่านี้
“ป้าค่ะ ขอกะเพราหมูกรอบพิเศษไข่ดาวสองฟองค่ะ” สุดท้ายเดินมาจนเกือบจะสุดทางก็ได้ร้านอาหารตามสั่งร้านประจำเหมือนเดิมนี่แหละ กินอะไรไปสุดท้ายมันก็อิ่มเหมือนกัน เลยเลือกที่จะกินอะไรแบบเดิมๆ ทุกวัน
“จ้าคุณหมอบลูเบลล์ เดี๋ยวป้าจัดแบบล้นกล่องให้เลยลูก” คิดดูว่าฉันมาบ่อยขนาดไหนป้าแกถึงชอบหยอกล้อแบบนี้กับฉัน
“จัดมาเลยค่ะป้าฮ่า ๆ ” ฉันตอบป้าแกกลับแบบทีเล่นทีจริงก่อนจะไปหาโต๊ะนั่งรอข้าวที่ด้านในร้าน
15นาทีผ่านไป
“คุณหมอ ข้าวได้แล้วจ้า”
“นี่ค่ะคุณป้า” ฉันยื่นแบงก์50ไปให้ป้าแกก่อนจะรีบเดินออกมาจากร้านเพราะตอนนี้ก็ใกล้มืดแล้วเลยว่าจะรีบกลับก่อนดีกว่า ถ้าช้ากว่านี้จะเกิดอันตรายได้
บลูเบลล์เดินลัดเลาะไปตามทางเท้าเรื่อย ๆ เพื่อตรงไปยังคอนโดที่ตัวเองอาศัยอยู่ ก่อนที่สายตาของเธอจะเหลือบไปเห็นก้อนอะไรบางอย่างสีดำๆขาวๆ ที่หางตา เมื่อหันไปมองอย่างเต็ม ๆ ตาบลูเบลล์ก็อ้าปากกว้างทันที พร้อมกับเปลี่ยนเส้นทางเดินอย่างรวดเร็ว
“ทำไมไปอยู่ตรงนั้นได้เนี่ย มันอันตรายนะ”
ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก
บลูเบลล์สับตีนแตกอย่างเร็วที่สุดเพื่อวิ่งไปหาสิ่งที่เธอเจอ จะปล่อยให้เป็นแบบนั้นไม่ได้หรอก ไม่รู้ว่าเป็นหมาของใครทำไมถึงไปนั่งอยู่กลางถนนตัวเดียวแบบนั้น ดีน่ะที่ตอนนี้ยังไฟแดงอยู่ ‘ยังทันน่าบลูเบลล์ เร็วเข้าสิ อีกนิดเดียวก็ถึงแล้ว’
ปึกก!!!
“ขอโทษค่ะ พอดีฉันรีบ” บลูเบลล์พูดขอโทษคนที่เธอวิ่งชนไปเมื่อกี้โดนที่สายตาของเธอยังไม่ได้ละออกไปจากหมาตัวนั้นเลยแม้แต่น้อย เมื่อมองดูซ้ายขวาดีแล้วว่าถนนฝั่งเธอยังไม่ปล่อยรถมา บลูเบลล์ก็วิ่งลงไปที่ถนนก่อนจะก้มตัวลงไปอุ้มเจ้าหมาตัวน้อยที่นั่งตัวสั่นอยู่กลางถนนไว้ในอ้อมกอด
“เฮ้อ~ เกือบไม่รอดแล้วนะเนี่ยเจ้าหมาน้อย”
“เฮ้ยยัยบ้า ระวัง!!”
ปี๊นนนนนน!! ปี๊นนนนน!! ปี๊นนนน!!
‘ไม่จริงน่า ไฟเขียวแล้วหรอเนี่ย’ บลูเบลล์หันไปมองด้านหน้าของรถบรรทุกที่วิ่งมาด้วยความเร็วพร้อมกับเสียงแตรรถคันนั้นที่บีบใส่เพื่อเตือนเธอ วินาทีนั้นหูทั้งสองข้างของเธอมันอื้อไปหมดราวกับทุกอย่างถูกหยุดเวลาไว้
“กรี๊ดดดดดดด!!!!!”
ปี๊นนนนนนนนน!!!!!
โครมมม!!!
