ตอนที่4 หนีเที่ยวนิวยอร์ก กับ บทลงโทษอันแสนหวานจากเจ้าชายจอมสั่ง
วันนี้เป็นวันแรกที่พี่เอ็มออกเดินทางไปสัมมนาที่ฮาวายและเป็นวันแห่งเสรีภาพของหนูมะลิฮ่าๆแค่คิดก็สนุกแล้วจะมีอะไรน่าตื่นเต้นกว่าการที่จะได้ออกไปเที่ยวข้างนอกโดยไม่มีพี่เอ็มค่อยสั่งๆต้องทำตามอย่างนั้นอย่างนี้ เฮ้ยแค่คิดหนูมะลิก็จะบ้าตายอยู่แล้วคิดทีไรหน้านิ่งกับคำพูดจอมเผด็จการก็ลอยขึ้นมาในหัวทันที เราจะลืมพี่เอ็มไปสัก1อาทิตย์แล้วไปทั่วนิวยอร์กกับเพื่อนชายใจหญิงดีกว่า
"แกถึงไหนแล้วปังปอน ตอนนี้หนูมะลิยืนรออยู่หน้าคอนโดนะ"
ฉันกำลังคุยโทรศัพท์กับปังปอนที่กำลังนั่งแท็กซี่มาหาฉันที่คอนโดMอย่างระแวงเพราะฉันแอบหนีคุณบอดี้การ์ดข้างบนที่เฝ้าดูแลฉันออกมา ถ้าฉันเดินไปขอเขาออกไปเที่ยวกับเพื่อน คุณบอดี้การ์ดต้องโทรไปขออนุญาตพี่เอ็มแน่แล้วหนูมะลิก็ต้องโดนห้ามนั้นสั่งนี้เลยแอบออกมาตอนคุณบอดี้การ์ดไปกินข้าวเที่ยง
"ถึงแล้วๆแม่ดอกมะลิน้อย ฉันเห็นเธอแล้ว" แล้วก็มีแท็กซี่ขับเข้ามาจอดตรงจุดที่ฉันยืนอยู่พอดี แล้วกระจกรถก็ลดลง
"รีบขึ้นมาเร็วๆหนูมะลิเดี๋ยวค่ามิเตอร์จะเพิ่มเยอะ วันนี้ฉันมีงบสำหรับช็อปไม่มากเท่าไหร่เลยเธอ" ปังปอนบ่นเมื่อฉันยังไม่ได้ก้าวขึ้นรถที่จอดรออยู่
"ไม่ต้องห่วงเรื่องเงิน มะลิมีบัตรเคดิกไม่จำกัดวงเงินจะซื้อเท่าไหร่ก็ได้ไม่ต้องห่วงฮ่าๆ" ฉันบอกให้ปังปอนคลายกังวล
"โอ๊ยดีจังมีพี่ชายเป็นเศรษฐีจังเลย อิจฉาแล้วซิเธอ" ปังปอนจีบปากจีบคอพูดกับฉันอย่างอิจฉา แล้วก็พูดกับคนขับแท็กซี่เมื่อฉันขึ้นมานั่งข้างเธอเรียบร้อยแล้ว
" วันนี้หนูมะลิแต่งตัวน่ารักนะเนี้ย" ปังปอนทักฉันขึ้น วันนี้ฉันสวมเสื้อเสื้อแขนยาวลายขวาสีขาวดำตรงลายสีขาวจะเป็นปุยเหมือนขนสัตว์และสวมหมวกไหมพรมทักสีดำ ปล่อยผมที่ย้อมสีน้ำตาลอ่อนลง สวมกางเกงยีนสีดำ สวมรองเท้าผ้าใบสีขาวและ
สะพายกระเป๋าสีน้ำตาลอ่อนใบขนาดกลางและมีกล่องดิจิตอลแบบเลนพร้อมเที่ยวทุกอย่าง
"ขอบคุณจ้า ปังปอนก็แต่งตัวน่ารักมาก" ฉันยิ้มเขินที่เพื่อนชมและชมปังปอนกลับบ้าง
"แล้วนี่ปังปอน จะพาหนูมะลิไปเที่ยวไหนบ้าง เอ่อวันนี้เราเหมาแท็กซี่ไว้ทั้งวันเลยดีไหม" ฉันถามปังปอนอย่างตื่นเต้นสุดๆ
"ที่แรกที่เราสองคนจะไปก็คือ
บรอดเวย์ (Broadway) เราจะไปช็อปและหาอะไรอร่อยๆ กิน รับรองไปที่นี่ต้องหมดตัวแน่แม่ดอกมะลิน้อง" น้ำเสียงของปังปอนดูจริงจังมากเมื่อพูดว่าหนูมะลิต้องหมดตัว ไม่ได้นะถ้าหมดตัวแล้วจะเอาเงินที่ไหนใช้จ่ายระหว่างเรียนอยู่ที่นี้
"มะลิไม่ไปบรอดเวย์แล้ว มะลิกลัวหมดตัวเดี๋ยวไม่มีเงินไว้ใช้จ่ายระหว่างเรียนอยู่ที่นี่" ฉันบอกด้วยน้ำเสียงจริงจังเช่นกัน แต่ทำไมปังปอนต้องมองหนูมะลิด้วยสีหน้าขบขำเหมือนฉันพูดอะไรผิดเหรอ
"เอ่อ!นี้เพื่อนชะนีน้อยดอกมะลิของฉัน คือไอ้คำว่าหมดตัวเป็นคำพูดเปรียบเปรย ไม่ได้จะให้ซื้อจนไม่เหลือเงินไว้ซื้ออย่างอื่นนะย่ะเข้าใจหรือยัง" แล้วก็ไม่อธิบายตั้งแต่แรกทำให้หนูมะลิกลัวไปได้
"ฮ่าๆเข้าใจแล้ว"
ณ บรอดเวย์ (Broadway)
บรอดเวย์หรือถนนบรอดBroadway เป็นถนนเส้นหนึ่งในเมืองนิวยอร์กและเป็นที่ตั้งของโรงละครที่ฉายละครบรอดเวย์โดยรอบ และเป็นที่มาของชื่อละคร อย่างไรก็ตามในเมืองนิวยอร์กมีถนนชื่อบรอดเวย์หลายเส้น แต่ถนนที่เป็นที่รู้จักคือถนนในใจกลางเกาะแมนแฮนตันในอดีตบรอดเวย์ เป็นเส้นทางของชาวอินเดียนแดงในชื่อ Wickquasgeckถนนบรอดเวย์ เป็นถนนวิ่งในแนวเหนือใต้ของเกาะ โดยทางใต้สุดอยู่ที่ โบวลิงกรีน และเหนือสุดที่อินวูดถนนบรอดเวย์ตัดผ่านสถานที่สำคัญหลายแห่งได้แก่ยูเนียนสแควร์ บรอดเวย์ตัดกับถนนที่ 14 (14th Street) เมดิสันสแควร์ บรอดเวย์ตัดกับถนนที่ 23 (23rd Street) เฮอรอลด์สแควร์ บรอดเวย์ตัดกับ 6th Avenue และเป็นที่ตั้งของห้างสรรพสินค้าเมซีส์ไทม์สแควร์ บรอดเวย์ตัดกับถนน 7th Avenue และเป็นที่ตั้งของโรงละครบรอดเวย์หลายแห่งจัตุรัสไทม์สแควร์ (Times Square) ศูนย์รวมร้านค้า ร้านอาหาร ธุรกิจบันเทิง รวมถึงแสงสียามค่ำคืนใจกลางแมนแฮตตัน เป็นย่านที่มีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาเยือนกว่า 39 ล้านคนต่อปี มีชื่อเสียงมากในการจัดงานเฉลิมฉลองนับถอยหลังวันขึ้นปีใหม่ที่มีการถ่ายทอดโทรทัศน์ไปทั่วโลก
"ถึงสักทีนะ จัตุรัสไทม์สแควร์ (Times Square) มาๆ เรามาถ่ายรูปกันดีกว่า เอากล้องมาใช้ไหม" ปังปอนถามฉันขึ้น
"เอามาๆเดี๋ยวมะลิจะเป็นคนถ่ายให้ปังปอนก่อน แล้วปังปอนก็ค่อยถ่ายให้มะลิ แล้วเราสองคนก็มาถ่ายคู่กันโอเคเนอะ"
"ได้เลยเพื่อนสาวจัดไปเลย" แล้วเราสองคนก็ถ่ายมุมนั้น มุมนี้ ท่าโพสต์ของปังปอนแต่ละท่าทำมะลิหัวเราะจนกดซัตเตอร์สั่นหมดภาพออกมาไม่สวยได้ถ่ายใหม่ตั้งหลายต่อหลายรูปทำไงได้ก็ปังปอนเล่นฉีกขาบ้างบางท่าถึงกับนอนบนพื้นถนนจนฝรั่งที่เดินผ่านไปมาหยุดมองและก็หัวเราะปังปอน พอตัวเองเป็นตัวตลกแล้วก็บังคับให้ฉันโพสต์ตามนาง แต่ละท่าความคิดบันเจิดทั้งนั้นให้ฉันทำท่ากัดป้ายโฆษณาบ้างละ ทำท่าล้อเลียนดาราในป้ายโฆษณาบ้าง ขำจนปวดท้องไปหมดเลย
"ว่าแต่มะลิหิวไหมเราไปหาอะไรกินก่อนค่อยเดินเที่ยวโอเคไหม"
ปังปอนหันมาถามความเห็นของมะลิ ขณะที่พวกเรากำลังถ่ายรูปกันอย่างเพลิดเพลิน
"ก็ดีนะ มะลิก็เริ่มจะหิวแล้วเหมือนกัน" แล้วปังปอนก็พาฉันไปหาอะไรอร่อยๆ กินกัน ตอนนี้เราสองคนเดินเลือกดูร้านอาหาร
ที่มีมากมายจริง
"แกเข้าร้านนี้ดีกว่าฉันอยากกินอาหารญี่ปุ่น" แล้วปังปอนก็ลากแขนฉันเข้าไปในร้านอาหารญี่ปุ่น ภายในร้านตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆบรรยากาศดีสุด แล้วปังปอนก็หันไปสั่งอาหารกับพนักงาน ปังปอนสั่งอาหารมามากมายเต็มโต๊ะจนทำให้ฉันถึงกับผงะกันเลยทีเดียว
"มะลิเอาอะไรเพิ่มไหม" นางยังจะหันมาถามฉันอีกเหรอคือแค่นี้กิน 7 คนก็ไม่หมดแล้วนะแก
"เอ่อพอก่อนก็ได้มั่งแก มะลิว่าถ้าไม่อิ่มค่อยสั่งใหม่ดีกว่าเนอะ" ฉันยิ้มให้ปังปอนและหันไปบอกพนักงานว่าเอาแค่นี้ก่อนก็พอ
"เอ้าก็ฉันหิวนี้มะลิก็ต้องสั่งเยอะๆสิเดี๋ยวไม่อิ่มกันพอดี" แล้วปังปอนก็กินสมคำว่า'หิว'จริงๆเมื่อพนักงานเสิร์ฟนำอาหารที่สั่งมาเสิร์ฟที่โต๊ะเรา เพื่อนชายหัวใจหญิงของฉันก็จัดการอาหารญี่ปุ่นทั้งหมดอย่างน่ากลัว จนฉันต้องยกกล้องขึ้นมาถ่ายตอนนางสวาปาม เอาไว้แกล้งขำๆ
"ว้าย!หยุดถ่ายนะชะนีมะลิน้อย หล่อนลบเดี๋ยวนี้นะมันน่าเกลียดเดี๋ยวผู้ชายเห็นรูปแล้วจะมองฉันไม่ดี" ปังแบรนด์โวยวายขึ้นเมื่อฉันยังไม่ยอมหยุดถ่ายรูปเธอชักที ยังจะห่วงว่าผู้ชายจะมองไม่ดีอีกนะเพื่อนสาวของฉันกินขนาดนี้แล้ว
"เอ่อยอมแล้วก็ได้" แล้วฉันก็เก็บกล้องลงไปไว้ในกระเป๋าแล้วนั่งยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์เมื่อรูปยังไม่ได้ลบและไม่คิดว่าจะลบออก
"เอ้ากินเข้าไปเยอะๆเลยนะมะลิแกยิ่งตัวเล็กๆอยู่ด้วยเดี๋ยวจะไม่มีแรงเดินช็อปและถ่ายรูปนะ" แล้วนางก็หันไปจัดการกับปลาดิบต่ออย่างรวดเร็ว
"มะลิว่ามะลิกินพออิ่มดีกว่า ปังปอนจะไม่อิ่มฮ่าๆ" ฉันพูดแล้วก็หัวเราะอย่างขำๆ แต่ต้องหยุดชะงักเมื่ออยู่ๆ นางก็หันมาจิกตาใส่ฉันแบบงอนๆ ที่แอบด่าเธอ
พอเราสองคนกินอาหารญี่ปุ่นกินอิ่มหน่ำสำราญกันแล้วเราก็เริ่มที่จะเดินช็อปปิ้งกัน ปังปอนพาฉันเข้าร้านขายเสื้อผ้าแบรนด์ดังมากมายและเราสองคนก็ได้เสื้อผ้ามาจากร้านที่ผ่านมาเยอะมากจริงๆ
"มะลิตัวนี้ก็เหมาะกับแกนะมาลองๆ " ปังปอนพยายามฉุดมือฉันเขาไปห้องรองเสื้อผ้ารอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าเราเข้ามาเกือบ50ร้านได้แล้วมั้งก็เข้าไปลองมันเกือบทุกร้าน ซื้อบางไม่ซื้อบางแต่คือถุงเสื้อผ้ากระเป๋ารองเท้าเครื่องสำอางทั้งของฉันและปังปอนมันเยอะจนแยกไม่ออกว่าใครซื้อเยอะกว่ากัน ตอนอยู่บนแท็กซี่แล้วทำมาบอกว่าไม่มีเงินเยอะแต่นางซื้อเสื้อผ้าไปเยอะกว่าฉันอีกนะเพื่อนสาว
"ไม่ดีกว่าคือ มะลิเหนื่อยแล้วขอนั่งพักดีก่อนดีกว่า" ฉันปฏิเสธปังปอนแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ที่มีไว้ให้ลูกค้านั่งได้ในร้านพร้อมวางข้าวของลงไว้บนพื้นข้างๆ
"งั้นก็ตามใจฉันไปหาชุดไปงานปาร์ตี้ต่อดีกว่า" แล้วปังปอนก็เดินไปเลือกเสื้อผ้าของตัวเองต่อ 'ตืด ตืด ตืด' เสียงข้อความไลน์ในโทรศัพท์ฉันเข้าขนาดที่ฉันกำลังเช็กรูปที่ถ่ายตั้งแต่ลงจากแท็กซี่มาถึงยังร้านเสื้อผ้าแห่ง ใครกันนะส่งไลน์มาตอนนี้
พี่เอ็ม>> 'ตอนนี้เธออยู่ไหนมะลิ โทรหาฉันด่วน' ข้อความของพี่เอ็มและสายที่ไม่ได้รับเกือบ 20สายตายแน่มะลิ
ฉันรีบต่อสายหาพี่เอ็มอย่างรวดเร็ว ขนาดรอสายเหงื่อของฉันเริ่มไหลลงมาแล้วทั้งที่ในร้านนี้แอร์โคตรเย็น
"พี่เอ็มมีอะไรเหรอคะ" ฉันถามเขาเสียงสั่นๆ
"ตอนนี้อยู่ไหนฮะมะลิ ทำไมออกไปไหนแล้วไม่บอกบอดี้การ์ด จำไม่ได้เหรอว่าพี่สั่งอะไรเราไว้บ้างก่อนที่พี่จะมาประชุมนะหะ" มาเป็นชุดเลยหนูมะลิจะตอบยังไงดีล่ะฮื่อ
"คะคือว่าตอนนี้มะลิอยู่จัตุรัสไทม์สแควร์ค่ะพี่เอ็ม เพื่อนพามาเที่ยว" ฉันบอกเขาไปเสียงสั้นๆ และเบาหวิด
"เพื่อน!ผู้หญิงหรือผู้ชาย แล้วรู้จักกันได้ยังไง" เสียงเข้มเชียวพี่เอ็มอย่าดุมากหนูมะลิกลัวนะ ฉันได้แต่บ่นในใจไม่กล้าพูดออกไปหรอกโดนด่ากลับมาอีก
"เพื่อนมะลิเป็นสาวประเภทสองค่ะ รู้จักกันตอนขึ้นเครื่องมาอเมริกานี้แหละค่ะ เขาเป็นคนไทยแต่พ่อแม่ย้ายมาอยู่ที่อเมริกา" ฉันพยายามอธิบายตามที่รู้มาแบบไม่ปิดบัง
"ฮะ! ผู้ชายเหรอ เตรียมตัวไว้เลยพี่สัมมนาเสร็จเราเจอดีแน่มะลิที่ริอ่านหนีเที่ยวโดยไม่บอกฉัน" แล้วพี่เอ็มก็ตัดสายไปเลย ฉันกำลังจะแก้ต่างแท้ๆว่าเพื่อนฉันเป็นชายหัวใจหญิงไม่ใช้ชายร้อยเปอร์เช็นถึงแม้จะดูภายนอกจะโคตรแมนและถึกมากก็ตามที
"มะลิแกเป็นอะไรทำไมหน้าซีดลงขนาดนี้" เสียงของปังปอนที่จ่ายเงินเสร็จแล้วเดินมาหาฉันที่กลัวคำว่าเจอดีแน่ของพี่เอ็มอยู่จนสติหลุดลอยไปแล้ว
"เปล่าหรอกแก เราไปเที่ยวกันต่อเถอะว่าแต่ที่ต่อไปแกจะพาฉันไปไหนเหรอ" ฉันถามปังปอนอย่างลุ้นโดยที่พยายามลืมคำพูดของเจ้าชายจอมสั่งไปก่อนแล้วกันยังไงอาทิตย์นี้ก็ขอให้เป็นสวรรค์ของหนูมะลิเถอะนะ อาทิตย์หน้าเขากลับมาจะเจออะไรก็จะน้อมรับเอาไว้แล้วกัน
"เราซื้อของกันเสร็จ แล้วนี้ก็เกือบจะสองทุ่มแล้วฉันว่าเรากลับกันดีกว่าพรุ่งนี้ฉันจะพาแกไปอนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพ (Statue of Liberty) แล้วก็อนุสรณ์สถานกราวน์ ซีโร่ (Ground Zero) แล้วชุดท้ายก็ไปปิ๊กนิกที่ เซ็นทรัล ปาร์ค (Central Park) โอเคไหม" ฉันหาข้อมูลของทั้ง 3สถานที่มาแล้ว ตื่นเต้นมากที่จะได้ไป
"โอเคตกลงตามนี้" แล้วเราสองคนก็เดินไปขึ้นรถไฟใต้ดินเพื่อกลับที่พักเพราะตอนนี้แถวที่เราอยู่รถแท็กซี่ค่อนข้างจะหายากเพราะนักท่องเที่ยวที่ออกมาท่องเที่ยวตอนกลางคืนเริ่มทยอยกันออกมามากขึ้นแล้ว
"ขอบคุณที่มาส่งนะปังปอนกลับบ้านดีๆนะ" ฉันกำลังโบกมือให้กับปังปอนที่หลังจากที่เรานั่งรถไฟใต้ดินกันมาก็ขึ้นสถานีใกล้ๆ กับคอนโดของฉันแล้วก็โบกแท็กซี่ต่อมายังที่พัก
"จ้าๆแม่มะลิเพื่อนสาว พรุ่งนี้เจอกันตอน8โมงนะจ้า" แล้วแท็กซี่ก็ขับออกไป ฉันที่กำลังก้มหยิบถุงเสื้อผ้าข้าวของที่ไปช็อปขึ้นมาถือก็ต้องตกใจถึงกับล้มลงไปกับพื้นเมื่อเห็นพี่เอ็มยืนทำหน้ายักษ์กอดอกจ้องหน้าฉันอย่างเอาเรื่องอยู่ ฉันงงมากไหนเขาบอกว่าจะไปสัมมนา1อาทิตย์ทำไมมายืนจ้องหน้าอย่างกับจะฆ่าหันศพหนูมะลิอยู่ตอนนี้ได้
"พะพี่เอ็มไหนบอกว่าจะไปสัมมนา1อาทิตย์ทำไมกลับมาเร็วจังเลยคะ" ฉันพยายามควบคุมเสียงไม่ให้สั่น
"หึ!ฉันไปมาแล้วเจสันมาเอาข้าวของของคุณมะลิไปเก็บ แล้วแกก็ไปพักได้ถ้าไม่มีอะไรก็อย่ามารบกวนฉัน"
พี่เอ็มสั่งบอดี้การ์ดคนสนิทของเขาเสียงเข้ม
"มานี้เลยแม่คนจอมดื้อ สั่งให้แล้วใช่ไหมว่าจะไปไหนก็ต้องบอกรู้ไหมว่าทำให้คนอื่นเขาเดือดร้อน บอดี้การ์ดที่ดูแลเธอเขาโดนฉันลงโทษและหักเงินเพราะความดื้อของเธอ" ฉันได้ฟังถึงกับตกใจว่าบอดี้การ์ดที่ดูแลฉันต้องโดนลงโทษขนาดที่ฉันไปเที่ยวมีความสุขอยู่บนความทุกข์ของคนอื่นหรือนี่ อยู่ๆน้ำตามันก็ไหลลงมาเมื่อรู้ตัวว่าตัวเองได้ทำให้คนอื่นเดือดร้อน
"หยุดร้องไห้ไม่ต้องมาบีบน้ำตา นี้ยังไม่รวมที่ฉันต้องบินมาจากฮาวายเพื่อนจัดการลงโทษเธอนะรู้ไหมว่าฉันต้องให้เอ็นมันไปสัมมนาแทน เพราะต้องรีบมาจัดการกับเธออย่างไงละ" พูดเสร็จพี่เอ็มก็ลากฉันเข้าไปในลิฟต์ทันที ฉันไม่ขัดขืนอะไรเพราะยังรู้สึกผิดต่อทุกคนอยู่ ไม่คิดว่าเรื่องสนุกของฉันจะทำให้คนหลายคนต้องเดือดร้อนถึงขนาดนี้
เขาพาฉันเขามาในห้องนอนของเขาแล้วผลักฉันลงไปนอนบนเตียงกว้างของเขาแล้วขึ้นมาคล่อมตัวฉันไว้จนฉันขยับตัวไปไหนไม่ได้
"พี่เอ็มปล่อยมะลินะ!" ฉันตะโกนใส่เขาเมื่อขยับไปไหนไม่ได้
"นี้เธอกล้าสั่งฉันเหรอมะลิได้แล้วเราจะได้เห็นดีกัน" พูดเสร็จพี่เอ็มก็ล้มลงมาไซร้และขบเม้มที่ซอกคอฉันอย่างรุนแรง
"โอ๊ยมะลิเจ็บนะ ฮื่อพี่เอ็มอย่าทำอะไรมะลิเลยนะขอร้องฮื่อ" ฉันพูดไปร้องไห้ไป
"เจ็บนะดีจะได้จำว่าห้ามขัดคำสั่งของพี่อีก" แล้วเขาก็ดูดและกัดซอกคอฉันต่อ ฉันพยายามทุบตีเขาแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เลยได้แต่นอนร้องไห้อย่างยอมจำนน
"ฮึกฮื่อเจ็บ" พี่เอ็มก็หยุดการกระทำของเขาแล้วจ้องหน้าฉันด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปจากเมื่อกี้ มันเป็นสายตาแห่งความอ่อนโยนและเอ็นดูฉัน
"เจ็บแล้วก็จะดื้อหนีเที่ยวแบบนี้อีกไหม" พี่เอ็มพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ทำไมเขาเปลี่ยนอารมณ์เร็วจังนะ ฉันตามไม่ทันแล้วนะ
"ฮึกฮื่อไม่ค่ะต่อไปถ้ามะลิไปไหนจะขออนุญาตพี่เอ็มก่อน" ฉันบอกเสียงสะอื้น
"ต้องทุกครั้งด้วยเข้าใจไหมไม่งั้นจะโดนหนักกว่านี้" ยังจะมีสั่งต่ออีกนะไอ้เจ้าชายจอมสั่งเนี้ย ฉันแอบนินทาเขาในใจ
"เข้าใจแล้วค่ะ" ฉันตอบเขา
"ดีมากครับ" ฉันกำลังจะผลักให้พี่เอ็มลุกไปจากตัวของฉันแต่อยู่เขาก็จูบฉันอย่างรวดเร็ว เขาค่อยๆส่งลิ้นของเขาเข้ามาอย่างอ่อนโยนและนุ่มนวล จนทำให้ฉันที่กำลังจะขัดขืนต้องอ่อนปลวกเปียกลงไปนอนบนหมอนของเขาอย่างไม่รู้ตัว อยู่พี่เอ็มก็ผละออกจากตัวฉัน เมื่อฉันเริ่มจะหายใจไม่ออกแล้ว
"ไปอาบน้ำ แล้วเข้านอนได้แล้วครับ" เขาพูดเสร็จก็เดินออกไปจากห้องนอนของเขาทันที ฉันที่ยังงงกับเรื่องเมื่อกี้อยู่แต่ก็แอบเขินจนหน้าร้อนผ่าว เมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อกี้ที่เกิดขึ้น
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ
