ตอนที่3 ณ เมืองที่ไม่เคยหลับไหลกับเพื่อนชาย??? คนใหม่
บนเครื่องบิน...
ตอนนี้ฉันกำลังจะขึ้นเดินหาที่นั่งของฉันที่บนเครื่องบิน ผู้โดยสายที่ทยอยกันขึ้นมาบนเครื่องบินกันมากแล้วขนาดที่ฉันกำลังหันซ้ายหันขวาหาเบาะที่นั่งตามตั๋วที่ถืออยู่
"คุณลูกค้าค่ะหาที่นั่งอยู่หรือเปล่าให้ดิฉันพาไปไหมคะ"พี่แอร์โฮสเตสสาวก็เดินเข้ามาถามฉันที่กำลังหันซ้ายแลขวาอย่างงงๆอยู่
"รบกวนช่วยหาที่นั่งให้หน่อยหนูนะคะ"พูดเสร็จฉันก็ยื่นตั๋วเครื่องบินของฉันให้กับแอร์โฮสเตสที่ยืนยิ้มให้ฉันอยู่
"ได้เลยค่ะ"แล้วพี่แอร์โฮสเตสสาวก็เดินนำหน้าไปเบาะที่นั่งของฉัน
"ตรงนี้ค่ะลูกค้า"พี่แอร์โฮสเตสยิ้มให้ฉันที่นั่งของฉันคือเบาะแถวเกือบข้างหน้าสุดเบาะติดหน้าต่างมองเห็นวิวข้างนอกพอดีเลย
"ขอบคุณมากนะคะพี่"ฉันยิ้มหวานขอบคุณพี่เขาช่วยหาที่นั่งให้ฉัน
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะลูกค้า ดิฉันเต็มใจบริการเต็มที่ต้องการอะไรเพิ่มเติมเรียกได้ตลอดเลยนะคะ"แล้วพี่แอร์โฮสเตสคนสวยก็ยิ้มหวานให้ฉันแล้วเธอก็เดินไปดูแลผู้โดยสารท่านอื่นๆต่อ
ขนาดที่เครื่องบินกำลังจะขึ้นบินอยู่ๆก็มีผู้ชายคนหนึ่งวิ่งหอบมานั่งลงบนเบาะข้างๆฉันที่ยังว่างอยู่ ผู้ชายคนนั้นเขายังไม่หยุดหอบจากการวิ่งมาอย่างรีบเร่งแล้วก็เอาโทรศัพท์มากดอะไรชักอย่างอยู่ ดูท่าเขาน่าจะอายุรุ่นเดียวกันกับฉันลองทักดูเผื่อจะมีเพื่อน
"เอ่อสวัสดีค่ะ"ฉันพูดขึ้นแล้วยิ้มกว้างให้เขาเมื่อเขาเงยหน้าจากโทรศัพท์มามองฉันที่ทักเอ่ยบทสนทนากับเขา
"สวัสดีคร้าบ"เขาตอบแล้วยิ้มจนตาหยี เขาเป็นผู้ชายตาตีบผิวขาวแต่ตัวสูงใหญ่ทีเดียวดูหล่อมากเลยละแต่ทำไมเขาต้องพูดคร้าบด้วยละคือหนูมะลิว่าเป็นมันแปลกๆ
"เราชื่อมะลินะ แล้วคุณละชื่ออะไรคะ"ฉันชวนเขาคุยต่อเมื่อเขาเก็บโทรศัพท์เอาไว้ในกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว
"เราชื่อปังปอนนะมะลิ ยินดีที่ได้รู้จักว่าแต่มะลิจะไปทำอะไรที่อเมริกาเหรอ"ปังปอนถามฉันอย่างสงสัยเมื่อเรารู้จักชื่อกันแล้ว
"มะลิสอบชิงทุนได้จะไปเรียนต่อปริญญาตรีที่อเมริกาค่ะ"ฉันบอกเขาไปปังปอนมองหน้าฉันอย่างอเมชิ่งอย่างนั้นแหละว่าแต่มันแปลกตรงไหนที่หนูมะลิจะสอบชิงทุนไปเรียนต่อได้ ทำไมทำหน้าตาแบบนั้นใส่กันด้วย
"เรานึกว่าเธอจะไปเที่ยวกับครอบครัวชะอีกดูหน้ายังเด็กนึกว่าเรียนอยู่ม.ต้นไม่คิดว่าจะไปเรียนต่อปริญญาตรีเหมือนกัน"ปังปอนยังคงไม่หายจากอาการตกใจและอึ้งๆอยู่ ฉันรู้สึกเขินที่โดนทักว่ายังเรียนอยู่ม.ต้นแต่ก็ไม่ค่อยแปลกเท่าไหร่เพราะฉันสูงแค่158เซนติเมตรเองแถมยังหนักแค่40กิโลกรัมมันเลยดูตัวเล็กไปหน่อย
"จริงเราอายุ18ย่านเข้า19อีก2เดือนเองนะ"ฉันบอกเขา
"เชื่อแล้วก็ได้"ปังปอนบอกอย่างยอมแพ้
"ว่าแต่ปังปอนอายุเท่าไหร่เหรอ" ถามเขาอย่างสงสัย
"ฉันเหรออายุ19แล้วนี้มะลิเรียนที่เมืองไหน"ปังปอนถามอย่างลุ้น
"มะลิเรียนที่นิวยอร์ก มหาลัยMคณะสถาปัตสาขาการออกแบบและตกแต่งภายในจ้า"ฉันตอบปังปอนไปแต่ก็ต้องตกใจเมื่อ
"กรี๊ด!เย้ๆชะนีมะลิน้อยเราเรียนที่เดียวกันฉันจะได้มีเพื่อนสาวเป็นคนไทยแล้วกรี๊ด!!!"แล้วปังปอนที่วิ่งมาขึ้นเครื่องตอนเครื่องใกล้จะบินอย่างรีบเร่งจะโคตรแมนก็เปิดเผยตัวตนของนางออกมาอย่างชัดเจนเมื่อได้เจอเพื่อนสาวคนใหม่บนเครื่องบิน
"เอ่อปังปอนจ๊ะ มะลิว่าเบาเสียงลงหน่อยเราคุยกันเสียงดังรบกวนคนอื่นคือคนรอบข้างเราเขาหันมามองเราใหญ่แล้ว"ฉันกระซิบปังปองเบาเพราะคนมองพวกเราด้วยสายตาประมาณว่าเด็กพวกนี้ทำไมไม่มีมารยาทเลยพูดคุยกันเสียงดังรบกวน
"จ้าโอเคปังปอนจะพูดเบาลงฮ่าๆก็คนมันดีใจนี้ ทีแรกคิดว่าจะหาเพื่อนใหม่ยาก ใครจะคิดว่าบังเอิญเจอตั้งแต่บนเครื่องบิน"ดูปังปองจะดีใจจนกู่ไม่กลับจริงๆแล้วเราสองก็คุยกันอีกหลากหลายเรื่อง ปังปอนบอกว่าถ้าถึงนิวยอร์กจะพาฉันไปเที่ยวทั่วนิวยอร์ก แล้วก็จะพาไปรู้จักกับเพื่อนๆของเขาเพราะปังปอนอาศัยอยู่นิวยอร์กกับพ่อแม่และน้องอีก2คนตั้งแต่เด็กๆที่มาเมืองไทยเพราะต้องมาเยี่ยมย่าทุกปิดเทอม
"มะลิตื่นได้แล้วเครื่องลงถึงนิวยอร์กแล้วแก"เสียงปังปอนที่กำลังเขย่าแขนปลุกให้ฉันตื่นเพราะหลังจากที่เราคุยกันและกินข้าวแล้วมันก็ง่วงเลยนอนหลับกัน
"ถึงแล้วเหรอปังปอน"ฉันพูดเสียงอู้อี้เพราะยังไม่ตื่นเต็มตา
"ก็ถึงแล้วสิ รีบๆลุกได้แล้วพ่อฉันมารอแล้ว"ปังปอนฉุดแขนฉันที่กำลังงงอยู่อะไรจะรีบขนาดนั้น ฉันยังไม่ได้โทรให้พี่เอ็มมารับทีเลยนะเนี้ย
"มะลิจะไปยังไงให้พ่อฉันไปส่งไหม"ปังปอนถามขนาดที่เราสองคนเดินลงมาจากเครื่องบินและกำลังเดินไปเอากระเป๋าเดินทาง
"มะลิจะโทรให้พี่มารับจ้า ปังปอนกลับไปก่อนได้เลย"ฉันบอกปังปอนขนาดที่เราสองคนเดินออกมาจากแอร์พอร์ต
"ป๊า!ปอนอยู่ทางนี้จ้า"ปังปอนตะโกนเรียกพ่อของเขา ทำเอาฉันถึงกับหลุดขำตรงที่เขาพูดจ้านี้แหละฮาจังดีนะที่ฝรั่งเขาฟังภาษาไทยไม่ออกงั้นมีฮาทั้งสนามบินแน่ๆ ก็รูปร่างนางชั่งแมนและดูถึกเกินจะใช้คำว่าจ้าจริงๆ
"มะลินั้นไงป๊าฉัน เราไปหาป๊าฉันกัน"แล้วปังปอนก็ฉุดแขนฉันวิ่งไปตรงที่พ่อของปังปอนยืนอยู่
"ป๊าปอนคิดถึงป๊ามักมากฟอด"แล้วปังปอนก็โดดกอดพ่อของเขาแล้วก็หอมแก้มซ้ายขวา พ่อของปังปอนเป็นลูกครึ่งฝรั่งกับเชื่อจีนมั้งดวงตาตี้แต่ก็ตาฟ้าแปลกดี ท่านเป็นคนรูปร่างค่อนข้างอ้วนแต่สูงหน้าตาไม่ค่อยแก่เท่าไหร่ ท่าทางอารมณ์ดีเลยละ
"เอ่อป๊านี้มะลิเพื่อนใหม่ปอนเรานั่งเบาะข้างกันมาแล้ว เราก็ยังบังเอิญเรียนมหาลัยเดียวกันคณะเดียวกันอีกนะป๊า" ปังปอนเล่าให้ป๊าฟังอย่างตื่นเต้น ป๊าหันมายิ้มให้ฉัน
"สวัสดีค่ะคุณลุง"ฉันยิ้มให้ป๊าของปังปอน
"สวัสดีครับหนูมะลิ ลุงชื่อคมสันหรือเรียกว่าป๊าเหมือนเจ้าปอนก็ได้นะเพราะหนูก็เป็นเพื่อนเจ้าปอนมัน"ป๊าบอกอย่างเอ็นดูฉัน
"ได้ค่ะป๊า"ฉันตกลงเรียกตามที่ท่านอยากให้เรียก
"แล้วนี้หนูมะลิจะไปที่พักอย่างไงเหรอ ให้ป๊ากับเจ้าปอนไปส่งไหม"ป๊าถามฉัน
"เดี๋ยวหนูโทรให้พี่ชายมารับค่ะป๊า"ฉันบอกขนาดที่พึ่งนึกได้ว่ายังไม่ได้โทรบอกพี่เอ็มว่ามาถึงแล้วตายแล้วมะลิทำไงดีเนี้ย
"งั้นป๊ากับปังปอนกลับก่อนนะเพราะมาม๊ารอกินข้าวอยู่ที่บ้าน"ป๊าบอกอย่างรีบๆ
"ค่ะสวัสดีค่ะ"ฉันยิ้มให้ท่าน
"แกฉันไปก่อนนะ แกถึงที่พักแล้วก็โทรหาฉันด้วยนะชะนีน้อยดอกมะลิ อย่าลืมละ"แล้วปังปอนก็โผล่เข้ากอดฉันเรากอดลากัน แล้วปังปอนกับฉันก็ยืนโบกมือลาแล้วฉันก็หันหลังเตรียมจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาพี่เอ็ม แต่ฉันก็ชนเขากับใครชักคนที่มายืนเป็นกำแพงอยู่ข้างหลังของฉัน จนฉันเกือบหงายหลังล้มลงกับพื้นยังดีที่เขาคนนั้นโอบกอดฉันไว้ทันไม่อย่างนั้นสภาพหนูมะลิคงไม่น่ามองชักเท่าไหร่ ฉันกำลังจะเงยหน้าขึ้นไปขอบคุณเขาที่ช่วยฉันไว้ แต่ต้องตื่นตกใจเมื่อเขาคือพี่เอ็มและเขาก็จ้องมองฉันด้วยสายตาดุแววโกรธแค้นใครมานาน
ฉันคิดว่าเขาต้องหงุดหงิดที่รอฉันนานแน่เลยถึงมีสีหน้าแบบนี้ แล้วมะลิจะทำยังไงเนี้ยพี่เอ็มยิ่งนิสัยไม่เหมือนกับพี่เอ็นและพี่แอลเลยชักนิด เขาทันเย็นชาพูดน้อยดูโหดๆยังไงไม่รู้แค่คิดก็ขนลุกแล้วฮื่อ
"ยืนนิ่งอยู่ทำไมฮะ!รีบตามมาสิ"เขาพูดด้วยน้ำเสียงเข้มแล้วลากกระเป๋าเดินทางของฉันเดินไปโดยที่ไม่รอฉันที่พยายามเดินตามให้ทันเขา แต่ทำไมต้องเดินเร็วขนาดนี้ด้วยเขาไม่มองดูขาของเขากับฉันหรือไงว่ามันต่างกันแค่ไหน อย่าให้มะลิเกิดมาสูงขายาวบางแล้วกันไอ้พี่เอ็ม ฉันบ่นอุบอิบแล้วเปลี่ยนจากเดินเร็วแล้วมันไม่ทันพี่เอ็มสักทีเลยวิ่งมันแทนแล้วกัน ดีหน่อยที่ช่วงเวลานี้คนในสนามบินไม่ค่อยจะเยอะเลยวิ่งได้สะดวก แต่อยู่พี่เอ็มก็หยุดเดินแล้วทำให้คนที่กำลังสะปีดวิ่งอย่างเร็วอย่างฉันชนเข้ากับแผ่นหลังหนากว้างของพี่เอ็มเต็มแรงจนล้มลงไปกับพื้น แต่พี่เอ็มยังทรงตัวอยู่ไม่ล้มเหมือนฉัน
"นี้มะลิทำไมซุ่มซ่ามอย่างนี้หะ"พี่เอ็มว่าฉันเสียงดุแล้วฉุดฉันขึ้นมาจากพื้นเพราะคนเริ่มมองมาทางเรากันใหญ่แล้ว
"เอ่อ... มะลิขะขอโทษนะคะ พี่เอ็มฮึก"ฉันพูดเสียงสั่นเพราะเริ่มกลัวที่เขาตวาดเมื่อกี้ ฮื่อมะลิไม่อยากร้องไห้เลยแต่มันกลัวจนน้ำตาไหลลงมาเอง
"เอ่อหยุดร้องได้แล้วรีบไปขึ้นรถกัน"พี่เอ็มพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงกว่าเมื่อกี้นิดนึงแต่ติดจะรำคาญ แล้วก็จูงมือฉันไปขึ้นรถที่จอดรออยู่โดยที่ส่งกระเป๋าเดินทางของฉันให้บอดี้การ์ดที่เดินมาหาพี่แอลพอดี
คอนโด M
ตอนนี้ฉันนั่งอยู่บนโซฟาใกล้กับพี่เอ็มในห้องของคอนโดเขา คอนโดนี้เดินไปมหาลัยก็ถึงเพราะมันใกล้จริงฉันต้องพักอยู่ที่นี้กับพี่เอ็มเพราะคุณยายท่านสั่งมาให้พี่เอ็มดูแลฉันจนกว่าจะเรียนจบ
"มะลินอนห้องนอนชั้นบนปีกขวานะ ส่วนห้องพี่อยู่ปีกซ้าย ถ้ามีอะไรจำเป็นค่อยเรียกนะ"เอ่อสั่งมันอีกแล้วตั้งแต่ฉันอยู่กับพี่เอ็มมา3ชั่วโมงตั้งแต่สนามบิน ห้างที่แวะซื้อของใช้จำเป็นยังถึงห้องคือเขาพูดสั่งแล้วก็สั่งฉันทำท่าจะอ้าปากเถียงทีไรโดนสายตาดุมองมาทุกที อะไรกันหนักกันหนามะลิอกจะแตกตายอยู่แล้วเนี้ยเก็บกด!
"ค่ะพี่เอ็ม"ฉันตอบออกไปอย่างเออออเพราะต้องฟังเขาทุกอย่างเถียงไม่ได้ออกความเห็นได้เมื่อถามเท่านั้นคนอะไรนอกจากหล่อรวย แล้วนิสัยทำไมมันจอมเผด็จการอย่างนี้ มะลิอยากจะระบายกับใครชักคน
"ดีมาเดี๋ยวพี่จะไปอาบน้ำแล้วออกไปทานข้าวกับลูกค้า ส่วนอาหารของเราแม่บ้านจัดไว้ให้แล้วนะอยู่โต๊ะกินข้าวไปอาบน้ำแล้วลงมากินด้วยแหละ"พูดเสร็จแล้วทำท่าจะเดินขึ้นห้องเขาแต่อยู่ๆก็ทำเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ เขาเลยหันกลับมาพูดกับฉันอีก
"เอ่อเกือบลืม อาทิตย์หน้าพี่จะต้องไปสัมมนากับลูกค้าที่เกาะฮาวาย1อาทิตย์ ระหว่างที่พี่ไม่อยู่มะลิจะมีบอดี้การ์ดคอยดูแลและมีแม่บ้านมาทำความสะอาดคอนโดทุกวันอยากได้อะไรก็บอกพวกเขา ส่วนนี้บัตรเคดิกไม่จำกัดวงเงินเอาไว้ใช้จ่ายที่จำเป็นส่วนตัว"พี่เอ็มพูดเสร็จก็ยื่นบัตรเคดิกสีทองมาให้ฉัน1ใบ
"ขอบคุณค่ะพี่เอ็ม"ฉันยิ้มหวานอย่างดีใจให้เขาแต่ไม่ใช่ดีใจที่ได้บัตรเคดิกแต่ดีใจที่เขาจะไม่อยู่คอยสั่งให้หนูมะลิทำนู้นนี้ตามใจเข้า รู้สึกมีความสุขค่ะ
"เข้าใจตามนี้นะ อย่างงั้นพี่ไปอาบน้ำก่อน"แล้วเขาก็เดินขึ้นไปชั้นสอง ฉันก็เลยลุกขึ้นเดินไปห้องนอนตัวเองบ้างพอฉันอาบน้ำจัดของใช้ส่วนตัวเรียบร้อยก็โทรหาคุณยายเป็นคนแรกเดี๋ยวท่านจะเป็นห่วงเอา ฉันคุยกับคุณยายอยู่ชักพักแล้วท่านก็วางสายไป แล้วฉันก็เลยโทรหาปังปอนต่อเดี๋ยวนางงอน
"ไฮปังปอนนี้มะลินะ"ฉันกรอกเสียงไปตามสาย
"มะลิแกถึงที่พักแล้วเหรอ"ปังปอนถามฉัน แต่เสียงที่แสรกเข้ามาในโทรศัพท์เหมือนปังปองจะอยู่ในงานปาร์ตี้อะไรชักอย่างแน่เลยเสียงคนมากมายและเสียงเพลงดังกระหึ่ม
"ใช่ถึงแล้วแก ฉันอยู่คอนโดMแถวมหาลัยเราอ่ะแล้วนั้นแกอยู่ในงานปาร์ตี้เหรอปังปอน"ฉันถามกลับอย่างสงสัย
"ใช่แกปาร์ตี้ที่บ้านฉันเอง แต่คอนโดMมันไฮโซมากเลยนะนั้น คนที่เข้าไปอยู่มีแต่ระดับมหาเศรษฐีทั้งนั้นนี้แล้วไหนแกบอกว่าเป็นแค่เด็กทุนธรรมดาแล้วไงได้พักอยู่ที่หรูหราขนาดนั้นได้ล่ะมะลิ"ปังปอนถามฉันอย่างสงสัย ความจริงคอนโดแห่งนี้ก็หรูหราอรังการอย่างที่ปังปอนพูดนั่นแหละ อย่างห้องชุดนี้ก็จะมีสองชั้นชั้นบนเป็นส่วนของห้องนอนส่วนข้างล่างก็จะเป็นห้องรับแขก ห้องครัว ห้องดูหนัง แล้วยังมีห้องออกกำลังกายอีกด้วย ห้องสมุดก็มีแถมระเบียงข้างๆห้องรับแขกที่ยื่นออกไปก็จะมีสระว่ายน้ำขนาดกลางพร้อมบาร์เหล้าขนาดใหญ่ แถมห้องนี้ยังอยู่ชั้นที่25วิวดีสุดๆ
"คือว่าฉันมาพักอยู่กับพี่ชายที่เล่าให้ฟังไง เขาเป็นนักธุรกิจแล้วเขาก็ซื้อไว้พักตั้งแต่ตอนสมัยเขาเรียนแล้ว เขาเลยให้ฉันมาพักที่นี้เพราะมันใกล้มหาลัยเดินทางสะดวกเขาบอกอย่างงั้น"ฉันอธิบายให้ปังปอนฟัง
"อ่ออย่างนี้นี่เองแกนี้โชคดีจัง วันหลังฉันไปหาแกได้ไหมเผื่อจะได้เจอมหาเศรษฐีรูปงามแล้วจับทำสาระมีเผื่อได้เป็นมาดามฮ่าๆ"ทำไมน้ำเสียงนางไม่ได้ดูจะมาเล่นๆเหมือนความหมายเลยนะมันน่าขนลุกพิกลยังไงไม่รู้
"เอ่อได้ๆว่าแต่อาทิตย์หน้าแกว่างไหมฉันอยากไปเที่ยว พาทัวร์นิวยอร์กหน่อยนะปังปอนนน"ฉันพูดอ้อนปังปอนไปตามนิสัยขี้อ้อนของตัวเอง
"โอ๊ยอย่างทำเสียงอันน่าขนลุกอย่างนั้นแม่ชะนีดอกมะลิน้อย ฉันผวานะยะ " ปังปอนพูดด้วยน้ำเสียงตื่นๆ
"ฮ่าๆไม่พูดแล้วก็ได้ ตกลงว่างไหม" ฉันทวงคำตอบจากนาง
"โอเคได้จ๊ะเพื่อนสาว เดี๋ยวพาเที่ยว" นางตอบมาด้วยเสียงร่าเริงมากจนดูโอเวอร์ไปหน่อยนะ
"งั้นไว้เจอกันอาทิตย์หน้านะบ่าย แค่นี้แหละ" ฉันบอกลาปังปอน
"จ๊ะบ่ายแล้วเจอกันมะลิน้อย"แล้วฉันกดวางสายจากปังปอนเดินลงไปกินข้าวข้างล่างตามที่พี่เอ็มสั่ง!
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ
