ตอนที่5 ปังปอนปะทะเจ้าชายจอมสั่ง
ตอนเช้า...
"พี่เอ็มให้มะลิออกไปเที่ยวกับปังปอนนะ เรานัดกันไว้แล้วตอน8โมง จะไปอนุสาวรีย์เพธีเสรีภาพอนุสถานณ์กราวซีโร่แล้วก็ไปปิ๊กนิกที่เซ็นทรัลปาร์คนะ"ฉันกำลังอ้อนขอพี่เอ็มที่ตอนนี้กำลังนั่งดื่มกาแฟ อ่านข่าวในไอแพดอย่างไม่สนใจฉันเลยชักนิดคนอะไรพูดด้วยก็ทำเป็นไม่สนใจเราเชอะ
"ถ้าพี่ให้มะลิไปแล้วมะลิก็จะไปสองคนกับไอ้นั่นอีกแล้วเหรอ"ไอ้คำว่าไอ้นั่นของเขาคือหมายถึงปังปอนหรือเปล่านะทำไมหยาบคายอย่างนี้
"เพื่อนมะลิชื่อปังปอนค่ะ พี่เอ็มไม่ใช่ไอ้นั่นแล้วก็ใช่เราจะไปเที่ยวกันสองคนและมะลิก็จะไปรอปังปอนข้างล่างแล้วด้วย"ฉันพูดเสร็จก็ทำท่าลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่อย่างไม่สนใจพี่เอ็มอีกแล้ว
"จะไปไหนนั่งลง! แล้วโทรหาปังปอนอะไรนั้นขึ้นมาพบกับพี่ข้างบนถ้าเขามาถึงคอนโดแล้ว"พูดจบพี่เอ็มก็ก้มลงไปสนใจไอแพดของเขาต่อ
"แสดงว่าพี่เอ็มยอมให้มะลิไปเที่ยวกับปังปอนแล้วใช่ไหมคะ"ฉันดีใจจนลืมตัวลุกจากเก้าอี้ไปเขย่าแขนพี่เอ็มอย่างดีใจ
"อืมแต่ต้องให้เพื่อนมะลิมาพบพี่ก่อนเพื่อยืนยันว่าจะไม่พากันไปไหนต่อจากสถานที่ ที่ได้บอกพี่เมื่อกี้แล้วตอนกลับพี่จะไปรับโทรบอกด้วยถ้าจะกลับเข้าใจนะ"พี่เอ็มก็ยังเป็นพี่เอ็มวันยังค่ำถึงแม้เขาจะยอมให้ฉันออกไปเที่ยวกับปังปอนได้แต่เขาก็ไม่วายต้องสั่งให้หนูมะลิทำตามเหมือนเดิมสินะ
"โอเคค่ะพี่เอ็ม"ฉันยิ้มหวานให้เขาแต่ทำไมพี่เอ็มต้องจ้องฉันตาค้างขนาดนั้นหรือมีอะไรติดหน้าฉันนะหรือจะเป็นซอสมะเขือเทศติดหน้าฉันนะ
"มีอะไรติดหน้ามะลิหรือเปล่าคะพี่เอ็ม"ฉันถามพี่เอ็มอย่างสงสัย
"ปะเปล่าไม่มีอะไรไปโทรบอกเพื่อนมะลิสิ เขามาแล้วจะรอนานนะ"ทำไมเสียงพี่เอ็มต้องสั่นด้วยเป็นอะไรไม่สบายหรือเปล่านะ
"ได้ค่ะพี่เอ็มงั้นมะลิไปเอาโทรศัพท์บนห้องก่อนนะ"แล้วฉันก็รีบวิ่งไปเอาโทรศัพท์ในห้องนอนแล้วโทรปังปอนทันที
"ปังปอนแกมาถึงหรือยัง"ฉันกรอกเสียงลงไปในสายอย่างรวดเร็วเมื่อปังปอนรับสาย
"ถึงพอดีเลย ว่าแต่วันนี้แกยืนรออยู่ตรงไหนทำไมไม่เห็นเลยแม่มะลิน้อย"ปังปอนถามอย่างสงสัยที่ไม่เห็นหนูมะลิอยู่ข้างล่าง
"ตอนนี้มะลิอยู่บนห้อง ปังปอนบอกให้แท็กซี่ไปก่อนเลย เพราะเดี๋ยวมะลิลงไปรับพาขึ้นมาหาพี่เอ็ม คือพี่ชายมะลิเขากลับมาจากฮาวายแล้วก็อยากเจอปังปอน ถึงจะอนุญาตให้มะลิไปเที่ยวกับปังปอนได้"ฉันบอกเสียงร่าเริง
"ตายแล้วทำไมพี่แกอยากเจอฉัน คือวันนี้ฉันยังไม่พร้อมทั้งเสื้อผ้าหน้าผมเลยนะเธอทำไงดี"ปังปอนพูดอย่างร้อนรนเมื่อพี่เอ็มอยากจะเจอนางเพราะปังปอนบอกว่าลองค้นหาปรัะวัติดูแล้วว่าพี่เอ็มเป็นใคร พอเห็นรูปพี่เอ็มปังปอนบอกว่าแทบสลบเพราะพี่เอ็มหล่อมากๆนี้แหละสาระมีนางในอนาคตเลยละฮ่าๆฉันได้ฟังยังไม่อยากให้ปังปอนเจอกับพี่เอ็มเลยเพราะคนที่น่าสงสารคงจะเป็นเจ้าชายเย็นชาแน่
"เถอะน่า ตอนนี้มะลิอยู่ในลิฟต์แล้วกำลังจะถึงชั้นล่างยืนอยู่ตรงไหนเดี๋ยวไปหา"ตอนนี้ฉันอยู่ชั้น10แล้วกำลังจะลงไปหาปังปอนข้างล่าง
"นี้เธอลงลิฟต์มาแล้วเหรอชะนีน้อยดอกมะลิ ฉันยังไม่ได้เตรียมตัวเพื่อพี่เอ็มเลยนะ"เอ่อทำไมคำพูดคำจาของเพื่อนชายใจหญิงของฉันความหมายมันยังกับฉันจะพานางไปเป็นเมียพี่เอ็มอย่างนั้นแหละทั้งที่ความจริงฉันแค่จะพาปังปอนไปพบกับพี่เอ็มเฉยๆเองนะ
"เอ่อน่า ไม่ต้องเตรียมอะไรมากหรอกแค่เป็นตัวของตัวเองก็พอนะแกโอเค งั้นแค่นี้ก่อนนะใกล้ถึงชั้นหนึ่งแล้วรออยู่ลอบบี้นะ"ฉันบอกปังปอนไปตามจริงเพราะถ้านางมาแบบแมนๆ มีหวงพี่เอ็มไม่ให้ฉันออกไปเที่ยวกับปังปอนแน่เผลอๆจะให้เลิกคบเป็นเพื่อนเลยไหมนะ
ดูจากเรื่องเมื่อคืนแล้วคิดขึ้นมาทีไรหน้าต้องแดงทุกทีไอ้ฉากจูบก็ลอยขึ้นมาทันที ไม่ได้ฉันจะต้องลืมมันไปพี่เอ็มไม่ได้คิดอะไรกับฉันเขาแค่ลงโทษฉันเฉยๆเอง
"ติ๊ง!"เสียงลิฟต์เปิดออกและฉันก็ก้าวออกจากลิฟต์เดินตรงไปหาปงปอนที่นั่งรอฉันอยู่ลอบบี้
ปังปอนขึ้นไปข้างบนกัน"ฉันพูดด้วยเสียงร่าเริง แล้วฉุดแขนให้ปังปอนลุกขึ้นยืน
"เอ่อเดี๋ยวๆแกขอฉันตั้งสติเพื่อนไปพบว่าที่สามีเอ๊ยไม่ใช่พี่เอ็มของแกแปบนึง"คือสีหน้าปังปอนตอนนี้คือเหมือนคนกำลังตั้งสติอยู่เลยคือมันฮามาก
"ไปไม่ต้องตั้งแล้วก่อนที่พี่เอ็มจะเปลี่ยนใจไม่ให้ฉันไปเที่ยวกับแกแล้ว"ฉันบอกนางแล้วลากแขนปังปอนเข้าไปในลิฟต์อย่างรวดเร็ว
"ไหนแกบอกฉันว่าพี่เอ็มเขาไปสัมมนาที่ฮาวายตั้งหนึ่งอาทิตย์ ทำไมไปวันเดียวแล้วกลับมาเลยแก"หลังจากที่ปังปอนเลิกสั่นแล้วก็หันมาถามฉันอย่างงงเมื่อนึกขึ้นได้ว่าฉันบอกเธอไปว่าพี่เอ็มจะไม่อยู่หนึ่งอาทิตย์แล้วอยู่ๆก็โผล่มา
"คือพี่เอ็มเขาให้พี่เอ็นไปสัมมนาแทนแล้วเขาก็มาเอ่อ..."ฉันถึงกับชะงักไปเมื่อนึกถึงเรื่องที่เขากลับมาเพราะมาลงโทษที่หนูมะลิดื้อแอบหนีเที่ยวอย่างไงละ แล้วบทลงโทษของเขาก็ทำให้หนูมะลิเขินไม่หาย
"เอ่ออะไรของแกมะลิพูดให้จบสิยะ"ปังปอนยังคาดคั้นที่จะเอาคำตอบจากฉัน
"คือที่พี่เอ็มกลับมาเพราะเป็นห่วงมะลิไง เพราะมะลิพึ่งมาอยู่นิวยอร์กกลัวจะไปไหนไม่ถูกจนหลงอะไรแบบนี้มั้ง"ฉันบอกเสียงสูงเพราะไม่กล้าบอกความจริงกลับปังปอน
"่อ่อแล้วทำไมต้องเสียงสูงด้วยละแก" นางยังไม่เลิกสงสัยอีกนะ
"เปล๊านี้!"ฉันบอกปังปอนแล้วพยายามหลบสายตาเพราะปังปอนมองมาอย่างจับผิด แต่โชคดีที่ลิฟต์มาถึงชั้น25ที่ฉันพักอยู่พอดีเฮ้ยโล่งอกไป
"ปะไปกันเถอะถึงห้องแล้ว"ฉันบอกปังปอนแล้วเดินนำปังปอนไปก่อนเพราะตอนนี้รู้สึกว่าหน้าตัวเองร้อนๆยังไงไม่รู้เดี๋ยวนางชักต่อแล้วเขินไปมากกว่านี้
"รอฉันด้วยสิมะลิหล่อนจะรีบไปไหน ทำอย่างกับทำอะไรผิดแล้วหนีความผิดอย่างนั้นแหละ" ปังปอนพูดอย่างไม่จริงจังเมื่อเดินมาใกล้ฉันแล้วตอนนี้ฉันเปิดประตูเข้ามาในห้องแล้ว และกำลังเดินไปห้องรับแขกที่พี่เอ็มนั่งรออยู่ก่อนแล้ว
"พี่เอ็มนี้ปังปอนเพื่อนของมะลิที่เล่าให้ฟัง"เมื่อฉันและปังปอนเดินเข้ามาห้องรับแขกแล้ว ฉันก็แนะนำปังปอนให้พี่เอ็มรู้จักแต่ทำไมสีหน้าพี่เอ็มมันน่ากลัวอย่างนั้นแหละเหมือนสถานการณ์จะตึงเครียดยังไงไม่รู้แต่อยู่ๆ
"สวัสดีค่ะ พี่เอ็มปังปอนเป็นเพื่อนของมะลินะคะ"ปังปอนเดินไปเกาะแขนพี่เอ็มและทำหน้าที่ออดอ้อนแบบสุดจนหนูมะลิกลั่นเสียงหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่ก็เพราะหน้าตารูปร่างเพื่อนชายใจหญิงของมะลินะสิมันชั่งไม่เหมาะกับคำพูดและท่าทางออดอ้อนแบบนั้นสุดเลย
ไหนก่อนขึ้นมาบนห้องทำท่าตื่นเต้นจนเหมือนสติจะหลุดทีตอนนี้ทำไมทำให้ฉันถึงกับผะหงะเลยทีเดียว เพื่อนฉันนี้มีอะไรเหนือคาดเสมอเลยนะเนี้ย
"เอ่อ...อ่อครับพี่ชื่อเอ็มเป็นคนดูแลมะลินะปะปล่อยพี่ก่อนนะ"พี่เอ็มพูดเสียงสั่นแล้วพยายามเอามือของปังปอนออกจากแขนตัวเองพร้อมแอบปาดเหงื่อที่ซึมออกมาจาหน้าผาก ดูเหมือนพี่เอ็มจะกลัวเพื่อนหนูมะลินะเนี้ยสุดท้ายก็มีคนทำให้เจ้าชายจอมสั่งของเราพูดด้วยน้ำเสียงสั่นได้
"ก็ได้พี่เอ็มสุดหล่อ"เสียงหวานเชียวนะปังปอนแล้วพวกเราสามคนก็นั่งลงบนโซฟาแต่ฉันยังหยุดหัวเราะไม่ได้
"หยุดหัวเราะเดี๋ยวนี้นะมะลิ"พี่เอ็มสั่งฉันเสียงเข้มเชียวแล้วก็หันไปพูดกับปังปอน
"แล้วจะไปเที่ยวกันแค่สองคนใช่ไหม"พี่เอ็มถามปังปอนเสียงเข้ม เมื่อตั้งสติได้แล้วฉันคิดว่าอย่างนั้นนะ
"ค่ะ พี่เอ็มไม่ต้องห่วงมะลินะคะเดี๋ยวปังปอนดูแลให้เป็นอย่างดีเลยค่ะคุณว่าที่สาระมี"ปังปอนจีบปากจีบคอพูดเสียงร่าเริง
"อะไรคือสาระมี"พี่เอ็มถามปังปอนสีหน้างงแต่ฉันที่รูปความหมายแอบกลั้นหัวเราะแทบตาย
"เอ่อเปล่าพี่เอ็ม เอาเป็นว่ารับรองด้วยใบหน้าอันโฉมงามของปังปอนเป็นประกันว่าจะดูแลมะลิให้ดีที่สุดเลยคร้า"คำพูดที่ดูจะสวนทางกับท่าทางของปังปอนจริงๆเลยท่าทางประกอบคำว่าจะดูแลปกป้องฉันนี้คือมันโคตรน่าเกรงขามแต่คำพูดนี้ชั่งหวานหยดย้อยแถมทำตาปริบให้พี่เอ็มอีกต่างหาก
"อืมรีบไปเถอะ"พี่เอ็มพูดเสียงเข้มแต่สีหน้าดูหวาดๆแล้วรีบลุกออกไปจากห้องทันที
"พี่แกเป็นอะไรมะลิทำไมต้องรีบร้อนออกไปขนาดนั้น"ปังปอนหันมาถามฉันอย่างสงสัย ถ้าให้ฉันเดาฉันคิดว่าพี่เอ็มกลัวปังปอนจนต้องรีบลุกหนีแน่เลยฮ่าๆ
"ไม่รู้สิแกเราไปเที่ยวกันเถอะ"แล้วฉันกับปังปอนเราก็ไปเที่ยวกัน ฉันพูดเสร็จแล้วเดินขึ้นไปเอากระเป๋าและกล้องถ่ายรูปแล้วเราสองคนก็ออกจากคอนโดของฉันไปยังสถานที่ตามโปรแกรมของพวกเราสองคนในวันนี้
อนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพ (Statue of Liberty)
เป็นของขวัญจากชาวฝรั่งเศสที่มอบให้แก่ชาวอเมริกัน ในวันที่ 4 กรกฎาคมพ.ศ. 2419 ซึ่งเป็นวันเฉลิมฉลองวันชาติครบ 100 ปีของอเมริกา มีความสง่างามและเป็นเสมือนสัญลักษณ์ของเมืองนิวยอร์ก หากคุณต้องการไปชมให้ใกล้ชิดถึงบนเกาะลิเบอร์ตี้ (Liberty Island) คุณควรจองตั๋วเรือล่วงหน้าหลายวัน
ตอนนี้ฉันกับปังปอนเราสองคนมาถึงอนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพกันแล้วตอนนี้ปังปอนกำลังทำหน้าที่เป็นไกด์นำเที่ยวโดยพาฉันเดินดูรอบๆและยังอธิบายให้ฉันฟังถึงความเป็นมาของอนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพแห่งนี้อีก วันนี้อากาศกำลังดีไม่ร้อนและหนาวจนเกินไปเหมาะกับการเดินเที่ยวและถ่ายรูปมาก
"เราไปที่ต่อไปกันเถอะมะลิ"ปังปอนชวนฉันเมื่อเราเดินดูและถ่ายรูปกันทั่วอนุสาวีย์กันแล้ว
"เราไปอนุสรณ์สถานกราวน์ซีโร่กันต่อเถอะ" ฉันกับปังปอนเราก็เดินทางกันต่อโดยนั่งแท็กซี่
อนุสรณ์สถานกราวน์ ซีโร่ (Ground Zero)
แต่เดิมเป็นที่ตั้งของอาคารเวิลด์เทรดเซนเตอร์ (World Trade Center) ซึ่งเกิดเหตุวินาศกรรมในวันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2544 ต่อมาได้สร้างเป็นอนุสรณ์สถานขึ้นบนบริเวณฐานอาคารที่พังลงมา รวมถึงสร้างพิพิธภัณฑ์เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้น
"นี้แหละมะลิอนุสรณ์สถานแล้วนี่น์ซีโร่เราไปเดินดูรอบๆแล้วก็ถ่ายรูปกันเถอะ"ปังปอนพาฉันเดินไปดูรอบอนุสรณ์สถานกราวณ์ที่ฉันเคยมาเป็นครั้งแรกในชีวิตบอกเลยว่าโคตรตื่นตาตื่นใจ
"โหทำไมประวัติของสถานณ์ที่แห่งนี้มันเศร้าจังเลยแกฮึกฮื่อ"ฉันถึงกับร้องไห้เมื่อปังปอนเล่าประวัติสถานที่แห่งนี้ให้ฟัง
"ใช่แกตอนที่ฉันได้ฟังครั้งแรกก็เป็นอย่างแกนี้แหละมะลิ ไปถ่ายรูปกันดีกว่า"แล้วฉันกับปังปอนก็ไปถ่ายรูปกันและเดินดูจนเหนื่อยกันเลยทีเดียว แล้วเราก็ไปสถานที่สุดท้ายของวันนี้ที่เราจะไปเที่ยวกัน
เซ็นทรัล ปาร์ค (Central Park)
สวนสวยขนาดใหญ่ใจกลางเกาะแมนแฮตตัน ที่ได้รับการออกแบบภูมิทัศน์เป็นอย่างดี เปิดให้บริการครั้งแรกในปี พ.ศ. 2400 มีละครโทรทัศน์และภาพยนตร์หลายเรื่องมาถ่ายทำที่นี่ รวมถึงภาพยนตร์ไทยเรื่อง "กุมภาพันธ์"ที่ฉายในปี พ.ศ. 2546ตอนนี้เราสองคนอยู่ที่เซ็นทรัลปาร์ค เป็นสวนสาธารณะที่สวยมากจริงก่อนที่จะมาถึงที่นี่ปังปอนได้พาฉันซื้อของกินมื้อเที่ยงมาปิ๊กนิกกันด้วยมีทั้งขนม น้ำหวาน น้ำอัดลมและอาหารฟาสต์ฟู้ดอีกหลากหลายอย่างมากเพราะอย่างที่รู้กันว่าปังปอนกันจุมากซื้อมาน้อยเดี๋ยวนางไม่อิ่ม
"ที่นี่บรรยากาศดีจังเลยเนอะแกโรแมติกมากๆ ถ้ามากับครอบครัวหรือคนรักคงจะมีความสุขน่าดู"ฉันพูดอย่างมีความสุขขนาดที่เราสองคนปูผ้านั่งบนหญ้ากันและปังปอนกำลังจัดอาหารใส่จานอยู่ เห็นบรรยายกาศแบบนี้แล้วก็คิดถึงคุณยายกับพี่จันอยากให้ทั้งสองมาอยู่ที่นี้ด้วยกันจัง
"ใช่แกฉันคิดว่าถ้ามีแฟนจะให้แฟนพามาเดทที่นี้แหละแล้ว แบบปูผ้านอนตักแฟนฟังเพลงเสียบหูฟังคนละข้างอ๊ากโรแมนติกมากเลยอ่ะแก แค่คิดก็มีความสุขแล้ว"เอ่อหนูมะลิกำลังคิดตามที่ปังปอนพูดแต่คิดแล้วมันไม่เห็นโรแมนติกมันออกจะน่าขำไปนิดนึงตรงแฟนของปังปอนนี้แหละแต่ก็นั่นแหละเพื่อนกำลังมีความสุขกับธรรมชาติและความคิดของนาง อย่าไปขัดความสุขเพื่อน
"เรามากินมื้อเที่ยงกันเถอะเย็นแล้วจะไม่อร่อย"ฉันพูดเสร็จกำลังจะเปิดกระป๋องน้ำอัดลมแต่ช้ากว่าปังปอนเมื่อนางเปิดเสร็จแล้วก็กระดกอย่างรวดเร็วเมื่อกี้ยังอยู่ในอารมณ์เหมือนในชีรี่ย์อยู่เลยตอนนี้ วิญญาณของนักกินเข้าสิงน่ากลัวจริงๆเลยพอเราสองคนจัดการกับอาหารที่เอามาเสร็จก็ถ่ายรูปกันเล่นและเดินเล่นรอบสวนแล้วก็กลับมานอนเล่นที่ผ้าที่ปูไว้และเล่าเรื่องที่ผ่านมาในชีวิตของตัวเองให้อีกฝ่ายฟังอย่างเปิดอกแบบที่ผู้ชายชอบพูดกัน
ตอนเย็น...
"มะลิกลับก่อนนะปังปอนกลับบ้านดีๆนะ"ฉันกำลังโบกมือลาปังปอนแล้วก้าวขึ้นรถไปหาพี่เอ็มที่นั่งอ่านเอกสารอยู่ในรถรอฉันอยู่
"เป็นไงเที่ยวสนุกไหม"เมื่อฉันเข้ามานั่งเรียบร้อยแล้วคนขับรถก็ออกรถทันที พี่เอ็มเงยหน้ามาจากเอกสารที่อ่านแล้วถามฉันขึ้น
"สนุกมากเลยค่ะพี่เอ็มโดยเฉพาะเซ็นทรัลปาร์คมันสวยและอากาศดีสุดๆเลยค่ะ ทำเอามะลิเผลอหลับไปอย่างไม่รู้ตัวเลย"ฉันเล่าให้เขาฟังอย่างมีความสุขจนลืมไปว่าพูดมากไปหรือเปล่าพี่เอ็มเขาจะรำคาญไหมนะที่ฉันเล่าชะยืดยาว
"อืมดีแล้ว แล้วนี่หิวหรือเปล่า"พี่เอ็มไม่ได้ว่าอะไรที่ฉันพูดมากแต่เขากับถามว่าฉันหิวยังมาแปลกเหาะวันนี้ แต่ก็ดีแล้วแหละ
"หิวค่ะ"ฉันยิ้มกว้างให้พี่เอ็มเพราะวันนี้เขาตามใจฉันโดยที่ไม่สั่งและดุ
"เจสันไปร้านอาหารไทยนะ"พี่เอ็มหันไปบอกกับคุณเจสันที่กำลังขับรถอยู่
"ครับนายน้อยเอ็ม"แล้วรถก็มุ่งไปร้านอาหารไทย
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ
