บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 วิธีทำให้โจรสารภาพ

มาร์ควิสเซซิลเทกระเป๋าสัมภาระออก จับนั่นจับนี่โยนไปโยนมาเพื่อหาของบางอย่าง กระทั่งไม่เหลืออะไรให้หยิบ เขาก็แบมือไปข้างหน้า หรี่ตามองเด็กหนุ่มอย่างดุดัน

“เอาแหวนของฉันคืนมา”

อีกฝ่ายสั่นศีรษะเป็นพัลวัน

ขายาวๆ ยื่นไปยันกำแพง รองเท้าบูธคู่ใหญ่เฉียดหน้าของอีกฝ่ายไปนิดเดียว

“เฮ้! เจ้าเด็กเหลือขอ รู้ไหมว่าแหวนวงนั้นเป็นแหวนของบรรพบุรุษของฉัน แกควรจะละอายใจนะที่ทำให้ฉันไม่กล้าไปพบพ่อแม่ในยมโลก”

เขาโน้มตัวลงพูดข่มขู่ด้วยใบหน้าดุดัน เสื้อขนสุนัขจิ้งจอกตัวนี้สั่งตัดโดยเฉพาะด้วยช่างฝีมืออันดับหนึ่งแห่งแคปตอลทาวน์ สนนราคาอันแพงลิ่วนั่นยังไม่น่าเจ็บใจเท่ากับเขายังไม่ได้ใส่มันเลยสักครั้งเดียว เจ้าเด็กนี่กลับได้ประเดิมก่อนเขาหน้าตาเฉย

ผู้มั่งคั่งอย่างเขาไม่เคยห่วงเรื่องเงิน ศักดิ์ศรีต่างหากที่อยู่เหนือสิ่งอื่น สิ่งใดที่คนอื่นมี เขาจะไม่แสวงหา สิ่งที่เขามี คนอื่นก็จะต้องไม่มีเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะเรื่องผู้หญิง

เจ้าเด็กหัวขโมยน่าจะเพิ่งแตกหนุ่ม ภายใต้เสื้อผ้ามอซอคือหนังหุ้มกระดูก ผิวขาวซีดเหมือนไก่ต้ม หากไม่ได้เสื้อขนสัตว์อุ่นหนาของเขาก็มีสิทธิ์ตายเพราะลมหนาวได้อย่างง่ายดาย

ในช่วงปลายของการปฏิวัติอุตสาหกรรม เต็มไปด้วยมิจฉาชีพและอาชญากร เด็ก ๆ หลายคนถูกพ่อแม่ขายเป็นทาสให้กับขุนนางและผู้มั่งคั่ง เด็กผู้ชายจะถูกเกณฑ์ไปเป็นทหาร แน่นอนว่าแม้จะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นมากกว่าการเช่าที่ดินทำการเกษตร แต่การเข้าไปรับใช้พระราชวงศ์นั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะมีชีวิตรอดกลับมา

เพราะสงครามยังมีอยู่ ทั้งการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจทำให้ผู้มีอำนาจและฝ่ายอนุรักษ์นิยมไม่พอใจ การเมืองที่ร้อนแรงส่งผลให้แต่ละฝ่ายต่างก็อยากช่วงชิงทรัพยากรทั้งหลายมาเป็นของตนเอง

ไม่ว่าจะเป็นเงิน แรงงาน ความรู้ แม้กระทั่งผู้หญิง

เขาเกลียดการเอารัดเอาเปรียบ เพราะกว่าจะก้าวจากเคาท์ขึ้นมาเป็นมาร์ควิส มีโอกาสรับใช้พระราชาอย่างใกล้ชิด และเป็นขุนนางที่มั่งคั่งอย่างทุกวันนี้ เขาต้องต่อสู้ฝ่าฟันด้วยตัวเอง และเจ้าหัวขโมยนี่ก็กำลังเอาเปรียบ ฉกชิงทรัพย์สมบัติที่ได้มาจากน้ำพักน้ำแรงของเขาอย่างหน้าด้าน ๆ

“ฉันถามไม่ได้ยินหรือยังไง หรือไม่ชอบให้ใช้ปาก แต่ใช้อย่างอื่น?” เขาชักมีดสั้นจากเอว จ่อคอหอยเด็กหนุ่มที่กำลังตาเหลือกลานด้วยความหวาดกลัว รับรู้ว่าร่างผอมเกร็งกำลังสั่นสะท้าน

“ท่านมาร์ควิส ส่งตัวมันให้ทางการดีกว่านะครับ สถานีหน้าก็ถึงเมืองเซ็นต์หลุยส์แล้ว” คีนอซแนะนำ

ได้ยินคำว่าทางการ ดวงตาของเด็กหนุ่มก็เบิกโพลง ก่อนจะทำในสิ่งที่ทุกคนคาดไม่ถึง

เขาสะบัดตัวหลุดจากการจับกุมของมาร์ควิสเซซิล แล้วหันหน้าเข้าผนังห้อง เอาศีรษะโขกผนังดังโป๊กอยู่หลายครั้ง ท่ามกลางความตระหนกของบุรุษทั้งสอง เลือดสีแดงฉานไหลออกจากหน้าผากและขมับหยดลงบนพื้น

“บ้าเอ๊ย! คีนอซเอาชุดปฐมพยาบาลมา!”

มาร์ควิสหนุ่มสบถ ดึงหมอนั่นออกมาแล้วใช้แขนล็อคตัวไว้ไม่ให้ขยับเขยื้อนได้ ก่อนจะเปิดฝาขวดน้ำแล้วเทน้ำเย็นๆ ราดลงบนศีรษะของอีกฝ่ายจนเปียกโชก โดยมีคีนอซคอยช่วยเหลือในการทายาทำแผลให้อย่างทุลักทุเล

“ต้องเป็นแผนของใครสักคนที่คิดจะใส่ความท่านเพื่อให้เสียชื่อเสียงถึงได้ส่งมันมา”

“ไม่ใช่! มันจะฆ่าตัวตาย” เขากัดฟันกรอด! เด็กคนนี้จงใจเอาศีรษะโขกกำแพงอย่างรุนแรงหลายครั้งจนเลือดท่วม ทั้งไม่ยอมปริปากพูดหรือแก้ตัวใด ๆ ทั้งไม่ได้ขโมยของสำคัญของเขานอกจากเสื้อโค้ทตัวหนึ่ง แค่ได้ยินว่าจะจับตัวส่งทางการก็สติแตก หากไม่ทำความผิดฉกรรจ์จนกลัวถูกจับ ก็คงต้องการหนีอะไรบางอย่างด้วยการฆ่าตัวตาย

ร่างผอมโซถูกมัดไว้กับขาเตียง ขณะรถไฟกำลังลดความเร็วลง

เขาเปิดผ้าม่านและดันกระจกหน้าต่างขึ้น

ลมหนาวพัดละอองหิมะกรูเข้ามา

ริมฝีปากแตกแห้งของเจ้าหัวขโมยสั่นระริก

มาร์ควิสเซซิลกวาดตามองชานชะลาและบริเวณเมืองด้วยความเบื่อหน่าย หิมะยังตกหนัก ทั่วทั้งเมืองเล็ก ๆ นี้เต็มไปด้วยกองหิมะสีขาวจนมองไม่เห็นสภาพที่แท้จริง เจ้าหน้าที่การรถไฟและเจ้าหน้าที่ของทางการยังคงยุ่งอยู่กับการจัดการกับคนและเคลียร์ถนน หากเขาส่งหัวขโมยให้กับทางการตอนนี้ มีหวังติดแหง็กอยู่กับการให้ปากคำเรื่องของหมอนั่นอีกนาน

“เราต้องลงแล้ว เอามันไปด้วย”

“อะไรนะครับ!?” คีนอซซึ่งกำลังลากกระเป๋าสัมภาระออกจากตู้เก็บของชะงัก

“จนกว่ามันจะเปิดปากพูด ฉันต้องแน่ใจว่ามันจะไม่ฆ่าตัวตาย อีกอย่างฉันไม่อยากให้เรื่องนี้เป็นข่าวฉาวโฉ่ เก็บของแล้วเอาตัวมันไปด้วย”

“ขะ...ครับ” คีนอซจำต้องเก็บทุกอย่างยัดใส่ถุงทะเล ถอนหายใจพรืดเมื่อผู้เป็นนายตัดสินใจจะรับภาระเพิ่มอีกคน หลังก่อนหน้านี้เจ้านายของเขารับอุปถัมภ์สถานสงเคราะห์เด็กกำพร้ามาแล้วหลายแห่งในแคปตอลทาวน์

ท่านมาร์ควิสของเขาอ่อนไหวต่อเรื่องการฆ่าตัวตาย เพราะเรื่องราวครอบครัวแต่หนหลัง แต่นี่ถึงกับจะให้โจรติดสอยห้อยตามไปด้วย จะหาคนที่มีความคิดพิลึกกึกกือเช่นนี้ไม่มีอีกแล้ว

ม้าเทียมเกวียนเคลื่อนออกจากสถานีรถไฟ แล่นไปตามถนนที่ปกคลุมด้วยหิมะด้วยคนขับรถม้าที่ชำนาญเส้นทาง สองข้างทางในตัวเมืองมีร้านค้าเปิดอยู่ประปราย ผู้คนบางตาเพราะเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน เมื่อออกจากตัวเมืองได้ก็เข้าสู่เขตป่าต้นเมเปิ้ลกว้างสุดลูกหูลูกตา เมื่อยามถูกหิมะปกคลุม ใบเมเปิ้ลที่ร่วงหล่น ก็คล้ายกับดาวที่ร่วงลงมาจากฟ้า

มาร์ควิสเซซิลนั่งอยู่ข้างในรถม้า ผู้ติดตามหนุ่มวัยเบญจเพสนั่งกอดอกอยู่ข้างนอก แม้จะมีคนของท่านดยุคดาร์มินผู้ส่งการ์ดเชิญมารอรับถึงชานชลาก็ใช่ว่าจะไว้ใจได้ ขนาดบนรถไฟชั้นวีไอพียังมีหัวขโมย ประสาอะไรกับเส้นทางไปคฤหาสน์ที่ต้องผ่านป่าเขาลำเนาไพรในยุคที่มีโจรชุกชุม

คีนอซนึกถึงขโมย เจ้าเด็กนั่นแม้จะถูกจับคล้องกุญแจมือกับเหล็กคล้องหน้าต่าง แต่ก็ได้หลบอากาศหนาวๆ อยู่ในตู้สี่เหลี่ยม จะสบายไปหน่อยแล้วกระมัง

ที่จริงแล้ว คนอย่างท่านมาร์ควิสเซซิลไม่เคยช่วยใครฟรีๆ ถ้าเป็นสตรีสาวสวย แน่นอนว่าท่านมาร์ควิสพร้อมจะช่วยเหลือโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนอื่นใดนอกจากร่างกาย (อันที่จริงก็มีสตรีมาเสนอตัวให้ฟรีๆ ทุกวันอยู่แล้ว) แต่ท่านก็มีนิสัยช่างเลือก หากไม่งามหมดจดจริงๆ พวกหล่อนก็อย่าหวังจะได้ขึ้นเตียงกับเจ้านายของเขาเลย

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ว่าสตรีผู้นั้นจะสูงหรือต่ำ ดำหรือขาว รวยหรือจน ก็ไม่เคยมีใครเอาชนะหัวใจของเขาได้สักคน

เพราะผู้ชายคนนี้ ไม่รู้จักความรัก

ชื่อของมาร์ควิสเซซิล อองเตส เซซิล ที่ 3 นายทหารและบุตรชายของอดีตเจ้าชายเซซิลที่ 2 จึงดังกระฉ่อนในนามของสุภาพบุรุษไร้หัวใจ

ในสนามรบ เขาคือผู้สังหารทหารทั้งกองร้อยได้ในพริบตา

ในสนามรัก สตรีมากมายต้องเสียน้ำตาและหัวใจให้กับเขา

กึง กึง

เหมือนล้อเกวียนด้านขวาจะหล่นลงไปในร่อง ส่งผลให้ตู้รถม้าเอียงกระเท่เร่

ฮี้ๆๆๆๆๆ

ม้าทั้งสองตัวยกขาหน้าตะกุยขึ้นส่งเสียงร้องอย่างตกใจพร้อมกัน เสียงร้องอันผิดปกติของมันทำให้เจ้าของรถม้าทั้งสอง คีนอซ และมาร์ควิสเซซิลต่างก็ดึงปืนพกขึ้นมาเตรียมพร้อม

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel