บทที่ 5
THE ILLUSION OF LOVE มารยายั่วรัก
Chapter 5
“ได้ยินแล้วก็ออกไป” ไม่ใช่คำต้อนรับแน่ แต่นี่ไล่ไป มีที่ไหนไล่กันแบบนี้ เธอไม่มีวันไปแน่นอน ดวงตากลมมองหาโต๊ะทำงานแต่ว่าไม่มี
“ออกไป ?” เธอถามเขามองหน้าด้วยความสงสัย
ชายหนุ่มพยักหน้าแทนคำตอบ
“หมายความว่ายังไงคะ” น้ำเสียงเสียงหวานเอ่ยถามเขาทั้งที่ใจเริ่มขุ่นเคืองกับการต้อนรับของเจ้านายใหม่
“ผมไม่รับเข้าทำงาน พอจะเป็นคำตอบได้ใช่ไหม” เขาตอบเรียบ ๆ
จิรภาณินท์ขบริมฝีปากล่าง มองชายหนุ่มตรงหน้า พลางกวาดสายตาหาเก้าอี้รับแขกเพื่อนั่งรอ แต่ทำไมในห้องถึงไม่มี มีแค่เก้าอี้ทำงานเพียงอย่างเดียว และเก้าอี้อีกที่ที่อยู่ฝั่งตรงข้างเขา
“คงจะไม่ได้มั่งคะ เพราะว่า ...”
“นั่นมันเรื่องของคุณย่า ผมไม่อยากฟังถ้าไม่ออกไปผมจะให้ รปภ. มาลากคุณออกไป” น้ำเสียงยังคงนิ่งเรียบเช่นเดิม ทำให้คนที่ฟังถึงกับเริ่มโมโหขึ้นมาเล็กน้อย ไม่เพียงแต่ไม่สนใจเธอ แต่ยังไล่เธออีก
“คุณ !” เธอมำสีหน้าไม่พอใจขณะก้าวเข้าไปหาเขา
“ฟังไม่ออกหรือไง” ณัฐภัทรถาม นัยน์ตาคมมองหญิงสาวตรงหน้า คงต้องยอมรับว่าสวยจริง ๆ ถ้าจะให้หลงก็คงจะเป็นไปไม่ได้เพราะหัวใจเขา
ไม่มีไว้ให้ผู้หญิงคนอื่นอีกแล้ว
“ฉันมาทำงานตาม...”
“ค่าจ้าง” เขาพูดแทรกขึ้นก่อนจะลุกเดินมาหาหญิงสาวที่อยู่ฝั่งตรงข้าง มีหรือที่ย่าเขาจะไม่ใช้เงินจ้างมาไม่มีทาง นั่นเป็นเรื่องที่เขารู้ดี
“ย่าของผมจ้างคุณเท่าไหร่ ผมจะจ่ายให้เป็นสองเท่า”
จิรภาณินท์มองชายหนุ่มตรงหน้า
“สองเท่าหรอคะ” เธอถามอีกครั้ง เงินไม่จำเป็นสำหรับเธอ แต่เมื่อเธอเลือกที่จะรับงานแล้วเธอจะไม่ผิดคำพูดเด็ดขาด
“ใช่” เขาตอบสั้น ๆ พร้อมยิ้มออกมาเมื่อรู้ว่าหญิงสาวตรงหน้าต้องยอมรับเงินของเขาอย่างแน่นอน
“แต่ฉันขอเป็น...” เธอเดินเข้ามากระซิบที่ข้างหู
ใช่แล้ว ! งานของเธอเริ่มต้นขึ้นแล้วต่างหาก
เป็นครั้งแรกที่เธอจะยั่วผู้ชาย ดีที่เขาหน้าตาดีพอจะยั่วได้ถ้าเป็นเสี่ยตามผับ ต่อให้ร้อยล้านเธอก็ไม่ลงทุนยั่วหรอไม่มีทาง !
“สามเท่าผมก็ยินดีจ่าย” เขาดันไหล่บางที่ขยับเข้ามาใกล้ให้ออกห่างแต่มือน้อยๆ ของหญิงสาวอยู่ไม่สุข ลูบไล้ที่หน้าอกด้วยท่าทางยั่ว
“ฉันขอเปลี่ยนเป็นหัวใจคุณได้ไหมคะ” ทันทีที่ได้ยินชายหนุ่มถึงกับหัวเราะให้กับความกล้าของหญิงสาวตรงหน้า มือหนาจับแขนของเธอก่อนจะสะบัดออกโดยไม่แยแส
จิรภาณินท์เริ่มมีหวังในใจ ไม่ต้องกลัวว่าเขาจะลวนลาม ก็แค่สามเดือนทนอยู่กับเขา รู้อยู่แล้วว่าจะให้เปลี่ยนใจคนที่เขารักให้ลืมไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าเป็นเธอก็คงไม่คิดที่จะลืม แต่นี้เป็นงานที่ได้รับต่อให้แลกทุกอย่างก็ต้องทำสำเร็จให้ได้ ยกเว้นร่างกายไม่มีวัน !
“คุณต้องการเงินผมก็จะให้ แต่ออกไปจากชีวิตผมซะ”
เขาพูดก่อนเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานอีกครั้ง
“กลับไปได้แล้ว ที่นี่ไม่มีที่นั่งทำงานสำหรับคุณ”
จิรภาณินท์มองด้วยความไม่พอใจเมื่อเขายื่นเช็คมาให้เธอ
ขนาดยั่วแล้ว เขายังไม่สนใจแถมยังจะไล่เธอด้วยซ้ำไป หรือว่ายั่วน้อยไปนะ
หญิงสาวมองชายหนุ่มตรงหน้า ก่อนจะก้าวเข้าไปหา เธอยกสะโพกนั่งกับโต๊ะทำงานเขา พร้อมโน้มตัวลงไปข้างหน้า ให้สายตาคมจ้องมองมาร่องอกของเธอ
นี่ยั่วแล้วนะ ! ! หรือว่าจะให้... เธอไม่เคยยั่วใครแบบนี้เลยนะ
ณัฐภัทรส่ายหน้าก่อนจะก้มทำงานโดยไม่สนใจหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเขาแม้แต่น้อย ค้างอยู่แบบนั้นให้ได้ตลอด ถ้าทนได้ก็ทนไป !
จิรภาณินท์เริ่มหน้าเสียเมื่อเขาไม่คิดแม้แต่จะปรายตามอง นี่เธอยั่วขนาดนี้แล้วถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นก็คงจะอดทนกันไม่ไหวแล้ว แต่เขากลับนั่งนิ่งทำงานต่อเหมือนว่าไม่มีตัวตน
เกินไปแล้วนะ !!
“เจ้านายคะ” เสียงหวานเรียก แต่ชายหนุ่มก็ยังคงทำงานต่อไม่สนใจเสียงรบกวน จนจิรภาณินท์เริ่มไม่พอใจกับท่าทางของเขา จึงขยับตัวลุกขึ้นจากโต๊ะทำงาน พร้อมสูญหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะเดินไปประชิดตัวชายหนุ่มที่ก้มหน้าทำงาน
จิรภาณินท์เดินเข้ามาหาชายหนุ่มใกล้ ก่อนจะโน้มตัวไปที่ซอกคอเขาเพื่อยั่ว นิ้วเรียวลากไปตามเสื้อสูทเรียบ มือเริ่มขยับไปปลดกระดุมเม็ดแรกออกก่อนจะไล้ลงไปเรื่อย ๆ
ให้ตายสิ เขานั่งนิ่งเป็นหินได้อีกหรอเนี่ย
“เจ้านายคะ” เสียงหวานกระซิบแผ่วที่ต้นคอของเขา
ณัฐภัทรเริ่มหมดความอดทนลงเมื่อกระดุมที่เสื้อเขาถูกปลดออกเป็นเม็ดที่สาม มือหนาจับนิ้วเรียวที่ไล้ปลดเสื้อเขา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมอง
“คุณย่าจ้างคุณมาแค่นี้หรือไง”
หญิงสาวยิ้มหวานตอบก่อนจะโน้มลงไปกระซิบที่ค้างหู
“หรือว่าคุณอยากให้มากกว่านี้คะ” จิรภาณินท์ยิ้มออกมาอย่างมีชัย ยังไงเขาก็ไม่กล้าอยู่แล้ว เธอยั่วขนาดนี้แล้วยังนิ่งเฉยไม่สนใจเลยสักนิด
“หึ” ณัฐภัทรหัวเราะในลำคอ ก่อนใช้มือดึงหญิงสาวข้างกายเขามานั่งบนตัก พร้อมเป่าลมที่หูเพื่อสั่งสอน
“คุณ !” จิรภาณินท์อุทานด้วยความตกใจเมื่อร่างกายเธอนั่งอยู่บนตักชายหนุ่ม สองมือพยายามดันและลุกออก แต่กลับแนบชิดมากขึ้นเมื่อเขายังรั้งเธอไว้ไม่ปล่อย
“คุณบอกเองไม่ใช่หรอ ว่าอยากให้มากกว่านี้” น้ำเสียงนุ่มฟังดูขนลุก กระซิบอยู่ที่ข้างหูจากทางด้านข้างจิรภาณินท์หันไปพูดกับชายหนุ่มตรงหน้า ระยะห่างกับเธอและเขาใกล้กันจนเกินไปแล้ว !
“เออ...ที่นี่ไม่เหมาะนะคะ คุณ ...”
ชื่ออะไรล่ะ ยังไม่รู้จักเลย ตาย ๆ ยัยณินท์
“ณัฐภัทร” เขาพูดเบา ๆ สายตาคมสำรวจใบหน้าสวยอย่างใกล้ชิดก่อนจะยิ้มที่มุมปากออกมา
“ปล่อยมือออก ได้แล้วใช่ไหมคะ” จิรภาณินท์หลบสายตาคมที่จ้องมองเธอ พร้อมใช้มือดันให้เขาห่าง
“อยากให้ผมปล่อย ?” ณัฐภัทรถามแต่มือเริ่มซุกซนตามแผ่นหลัง สังเกตเห็นแววตาตื่นตระหนกของหญิงสาว แต่ถึงอย่างนั้นเขาควรจะสั่งสอนซะให้เข็ด จะได้เลิกยุ่งสักที
“คุณณัฐภัทร !”เสียงหวานเรียกด้วยความตกใจ แต่มือของเขายังคงไม่หยุดลูบไล้เธอ
“คุณเป็นคนบอกผมเอง” เขากระซิบเสียงต่ำ พร้อมยิ้มเล่ห์ออกมา สายตาคมจ้องมองร่างกายของหญิงสาวสั่นกลัวออกมาอย่างชัดเจน ใบหน้าคมโน้มลงไปฝังริมฝีปากที่ต้นคอขาว ก่อนเม้นขบเบาๆ เพื่อหวังจะสั่งสอน
“อย่านะ !” เธอมือยกขึ้นดันอกให้ออกห่าง แต่ใครจะไปสู่แรงของคนตัวใหญ่กว่าได้
“อ๊ะ...” เสียงหวานเผลอครางเมื่อเขาเลื่อนมือมาอยู่ที่อก ณัฐภัทรใช้มืออีกข้างเลื่อนไปตามส่วนต่างๆอย่างลืมตัว กลิ่นกายสาวปลุกอารมณ์ของเขาได้เป็นอย่างดีจนเผลอใจ
“คุณณัฐภัทร !”
ชายหนุ่มสะดุ้งขึ้น เมื่อเสียงหวานร้องตะโกนใส่สายตาคมมองไปที่ใบหน้าสวย หยดน้ำตาเริ่มซึมที่หางตาไหลลงที่แก้มนวล
ร่างกายสั่นสะท้านด้วยความกลัวจนเขารู้สึกได้ ทันทีที่ณัฐภัทรปล่อย หญิงสาวออกเป็นอิสระ ก็รีบลุกขึ้นจากตัวเขา พลางยกมือขึ้นปาดน้ำตาบนใบหน้าอย่างลวก
“ผม...” เขากล่าวด้วยความรู้สึกผิด
“...” จิรภาณินท์เงียบนิ่ง แทบไม่กล้าที่จะสบตาคมนั้นด้วยซ้ำ
ณัฐภัทรหลับตาข่มความรู้สึกสับสนที่ก่อขึ้นเอาไว้ในใจ ก่อนจะลืมตาขึ้นมองไปที่จิรภาณินท์อีกครั้ง
“วันนี้คุณกลับไปก่อน แล้วพรุ่งนี้ค่อยมาเริ่มงาน”
ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้พูดออกไป แต่ทำไมเขายังอยากที่จะเห็น หญิงสาวเจ้าของใบหน้าสวยนี้อีกครั้ง
“ค่ะ” จิรภาณินท์ข่มเสียงตอบรับสั้น ๆ ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปจากห้องด้วยความกลัว...เธอกำลังกลัวหัวใจตัวเอง ไม่รู้ว่าเงินค่าจ้างที่เธอได้รับจะคุ้มกับความรู้สึกที่ก่อตัวขึ้นในใจเธอตอนนี้หรือเปล่า
