บท
ตั้งค่า

บทที่ 4

THE ILLUSION OF LOVE มารยายั่วรัก

Chapter 4

 

ณัฐภัทรเดินเข้ามาในบ้านด้วยสีหน้าเหนื่อยล้าจากการทำงานทั้งวันตั้งแต่เช้าถึงสองทุ่มแทบไม่ได้พัก สองเท้าหยุดชะงักลงหน้าห้องรับแขกสายตาคมมองผู้เป็นย่านั่งรออยู่ ก่อนเดินเข้าไปในห้องพร้อมนั่งลงข้าง ๆ

“คุณย่ายังไม่เข้านอนอีกหรอครับ ดึกมากแล้วนะครับ” ณัฐภัทรกล่าว สายตาคมมองใบหน้าเหี่ยวย่นด้วยความรักและเคารพ

“ย่ารอภัทรอยู่น่ะ”

“รอผม เรื่องอะไรครับ” เขาคิ้วขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย

“ก็ไม่ได้สำคัญอะไรมากมาย แต่ย่าก็แค่จะพูดกับภัทรด้วยตัวย่าเอง” คนเป็นย่ายิ้มกว้างออกมาจนผิดสังเกต

“เรื่องอะไรครับ” เขาถามด้วยความสงสัย เมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าที่เหี่ยวย่นนั้นดูแปลกกว่าทุกครั้ง ไม่ใช่ยิ้มอย่างอ่อนโยนแต่ยิ้มราวกับมีแผนอยู่ในใจ

“ย่าเห็นว่าเปมทัตทำงานคนเดียวก็คงไม่ทันหาก็เลยผู้ช่วยให้เรานะ แต่เป็นผู้หญิงนะ”

“คุณย่า !”

ณัฐภัทรมองผู้เป็นย่าด้วยตกใจและไม่พอใจ ลึก ๆ แล้วก็รู้ดีว่าหากท่านมาพูดด้วยตนเองแบบนี้คงมีแผนอยู่ในใจอย่างแน่นอน

“ไม่จำเป็นต้องมีเพิ่ม” เขาตอบเสียงแข็ง ที่ผ่านมาก็ไม่จำเป็นต้องมี

ผู้ช่วยค่อยช่วยงานเพิ่ม แค่เปมทัตก็สามารถจัดการทุกเรื่องได้ดีอยู่แล้ว

“เรื่องนั้นย่าไม่อยากจะฟัง เพราะย่าตัดสินใจไปแล้ว” จินดารัตน์ไม่รอให้หลายชายเถียงกลับ เธอลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินออกไปทันที แผนนี้เธอไม่รู้ว่าจะสำเร็จหรือไม่ แต่ใจของเธอก็หวังให้หลานชายมาชอบหญิงสาวยังดีเสียกว่าจมปลักกับคนรักเก่าที่ไม่มีวันฟื้นขึ้นมาอีก...

 

ชายหนุ่มโยนเสื้อสูทและกระเป๋าทำงานลงกับเตียงด้วยความโมโหขณะนั่งลงที่ปลายเตียง เขารู้ว่าย่าของเขากำลังคิดจะทำอะไร แต่จะให้เขายอมรับผู้หญิงคนใหม่เข้ามาในชีวิตเขาทั้งที่ยังรักพิศชามนต์อยู่เต็มหัวใจ

เขาทำไม่ได้ !

ณัฐภัทรมองรูปถ่ายคู่ของเขากับพิศชามนต์บนโต๊ะข้างหัวเตียงด้วยความรัก มือหนาเอื้อมไปหยิบกรอบรูปนั้นขึ้นมา หัวใจยังคงคิดถึงไม่จางหาย แม้เวลาจะล่วงเลยผ่านมาถึงห้าปี เขายังยึดหมั่นสัญญาที่ให้ไว้พับพิศชามนต์ไม่เคยลืม

หยดน้ำตาอุ่น ๆ กลิ้งลงมาจากหางตาไหลสู่แก้ม พลันนึกถึงเรื่องราวในอดีตอีกครั้ง แม้ว่าจะเจ็บปวดแต่ไม่คิดที่จะลืม เพราะอย่างน้อยก็ยังคงเป็นความทรงจำที่ทำให้เขามีทั้งรอยยิ้มและน้ำตา

‘ภัทรสัญญานะว่าจะรักมนต์คนเดียว’ เขาพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

‘มนต์เชื่อใจภัทรเสมอนะ’

‘ขอบคุณมนต์ ที่เชื่อใจภัทรนะครับ’ เขายิ้มอย่างอ่อนโยน ก่อนจะดึงร่างบางเข้ามาในวงแขนของเขนอย่างทะนุถนอม

‘มนต์รักภัทรนะ’

‘ครับ ภัทรก็รักมนต์ รักตลอดไป’

เขาลืมตาขึ้นมองรูปอีกครั้งก่อนจะวางลงที่เดิม ไม่มีวันไหนที่ลืมเสียงหวานของพิศชามนต์ได้เลย...

 

ประตูห้องปิดลง จิรภาณินท์เดินมานั่งที่เตียงอย่างหมดแรง ทั้งที่ควรจะกลับถึงบ้านเมื่อตอนเที่ยง แต่เพราะต้องไปยกเลิกงานพริตตี้ที่ทำอยู่ไปชั่วคราว พร้อมหาเหตุผลอ้างจนผู้จัดการยอมฟัง

จิรภาณินท์หยิบเช็คในกระเป๋าออกมา เงินมัดจำครึ่งแรกห้าล้านเข้า

ไปแล้ว เรื่องนี้คงจะให้แม่รู้ไม่ได้ ปิดไว้เป็นความลับดีที่สุด

“พรุ่งนี้สินะที่ต้องไปทำงานใหม่” เธอพึมพำกับตัวเอง

“พ่อคะ อย่าโกรธณินท์นะคะ ณินท์แค่อยากให้แม่มีความสุข” หญิงสาวพนมมือขึ้นมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยความรู้สึกผิด “แค่สามเดือนเท่านั้น เป็นกำลังให้ใจณินท์นะคะ”

จิรภาณินท์ เป็นเสมือนลูกหัวแก้วหัวแหวน ตั้งแต่เล็กเธอถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี บิดาของเธอที่ทำงานเป็นผู้จัดการในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง มารดาของเธอไม่เคยออกไปรับทำงานตั้งแต่มีเธอ ครอบครัวของเธอดูอบอุ่นและเป็นที่อิจฉาของคนหลาย ๆ คนถึงแม้จะอยู่กันในแค่บ้านหลังเล็ก ๆ แต่เมื่อเธออายุได้สิบแปดปี บิดาเธอล้มป่วยและเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งระยะสุดท้าย มีเพียงเงินก้อนใหญ่ที่พอจะเลี้ยงดูสองแม่ลูกได้ แต่นั่นก็ไม่พอเมื่อเงินก้อนนั้นค่อยหมดลง

เธอจึงตัดสินใจที่จะหางานเพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช่จ่ายในบ้าน คืองานพริตตี้ที่ทำอยู่จนถึงปัจจุบัน ซึ่งที่แรกแม่ของเธอก็ไม่ยอมแต่เพราะว่าเงินจำเป็นกับความอยู่รอด แม่ของเธอจึงเลือกที่จะให้เธอทำ แต่ทุกครั้งหลังเธอเลิกงานท่านจะคอยไปรับเสมอ

ท่านคงจะหายห่วง เมื่อรู้ว่าเธอทำงานที่บริษัท แต่ก็แค่สามเดือนเท่านั้น...หลังจากนี้ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรต่อ

 

วันรุ่งเช้า จิรภาณินท์มองเสื้อผ้าในตู้ด้วยความหมดหวัง ตู้เธอแทบไม่มีชุดทำงานออฟฟิศเลยสักชุด วันนี้จะต้องไปทำงานที่บริษัทแต่ดันมีแต่ชุดเดรสที่ใส่เดินงานพริตตี้ทั้งนั้น ถึงจะมีก็พอใส่ได้ที่เป็นชุดเดรสสีอ่อน ๆ

สายตาหวานกวาดมองในตู้เสื้อผ้าอีกครั้ง แต่ถ้าจำเป็นวันนี้เธอก็ต้องใส่ไปก่อน ก็ไม่เคยคิดว่าจะได้มาทำงานในบริษัท มือเรียวเอื้อมไปหยิบชุดเดรสเกาะอกสีครีมรัดรูปสั้นเหนือเข่า พร้อมเสื้อคลุมสีดำเพื่อปิดไหลก่อน

จะหยิบรองเท้าสีดำเข้ากับชุดเดินออกจากห้องไป

“ณินท์ แม่บอกว่าให้เลิกทำงานพริตตี้ได้แล้วใช่ไหม” สายพิรุณเอ่ยขึ้นเสียงดัง ขณะที่หญิงสาวเดินลงมาและเข้ามากอดหล่อน

“แม่คะ ณินท์จะไปทำงานที่บริษัทค่ะ” เมื่อได้ฟังคำตอบจากปากของคนเป็นลูก สายพิรุณยิ้มออกมาด้วยความดีใจ

“จริงหรอ แล้วทำไมไม่บอกแม่”

“จริงค่ะ” คนเป็นแม่เอื้อมมือไปจับมือลูกสาวด้วยความดีใจ

จิรภาณินท์ยิ้มตอบ ทั้งที่รู้ว่างานก็แค่ชั่วคราวและไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ก็อยากจะให้แม่ของเธอยิ้มได้แบบนี้โดยไม่ต้องเป็นห่วง

“ทานข้าวดีกว่าลูก จะได้ไปทำงาน”

“ค่ะแม่” หญิงสาวตอบ

 

ณัฐภัทรประธานบริษัทอัญมณีที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักในด้านการออกแบบเครื่องเพชร ด้วยวัยหนุ่มที่เข้ารับดำรงตำแหน่งแทนบิดาเมื่อสามปีก่อน เขาเต็มไปด้วยความสามารถและความเพียบพร้อม จนเป็นผู้ชายในฝันของหญิงสาวหลาย ๆ คน 

ชายหนุ่มเดินเข้าบริษัทมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด แต่ก็คงไม่ใช่เรื่องงานที่เขาทำ นั่นเป็นเพราะเมื่อเช้าย่าของเขา บอกว่าผู้ช่วยส่วนตัวจะมาทำงานในวันนี้และนั่งในห้องทำงาน ทั้งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเขาไม่เคยที่จะหาผู้ช่วยสักครั้ง หรือแม้แต่เลขาที่เป็นผู้หญิงก็ตาม

หน้าห้องประธานที่ถูกเรียงรายด้วยโต๊ะทำงานของพนักงานนักสิบโต๊ะ ทุกคนต่างเห็นเขาเดินเข้ามา พร้อมกับเอ่ยทักกล่าวสวัสดีเช่นทุกวัน ณัฐภัทรยิ้มตอบภายใต้ใบหน้านิ่งก่อนจะเดินเข้ามาในห้องเขาด้วยสีหน้าบ่งบอกถึงเรื่องกลุ้มใจ

ชายหนุ่มทิ้งตัวลงเก้าอี้ทำงานด้วยสีหน้าเหนื่อยล้า เขาเบื่อที่ย่าต้องยัดเยียดผู้หญิงให้ใกล้ชิด ทั้งที่ผ่านมาก็พยายามพาไปดูตัวทาบทามอยู่หลายต่อหลายครั้ง

สายตาคมมองไปบนโต๊ะทำงาน แฟ้มเอกสารเกี่ยวกับประวัติสมัครงานวางอยู่ มือหนาเอื้อมไปหยิบพร้อมเปิดอ่าน เพียงอ่านชื่อและตำแหน่งที่

เข้าทำงานทำให้เขาถึงกับเดือดพล่าน นี่ย่ากำลังทำอะไรกันอยู่ จะให้ผู้ช่วยมาเดินแบบให้ดูหรือยังไงกัน !

ณัฐภัทรโยนแฟ้มทิ้งโดยไม่แยแส เพราะเขาจะไม่มีวันรับผู้หญิงคน

นี้เข้าทำงานเด็ดขาด !

ก๊อก ๆ

เสียงเคาะประตูดังขึ้น สายตาคมเงยหน้าขึ้นไปมองประตูที่ค่อย ๆ เปิดออกพร้อมปรากฏร่างหญิงสาวใบหน้าคล้ายกับรูปถ่ายในประวัติที่อ่านเมื่อครู่นี้ เธอเดินเข้ามาหาเขาก่อนจะยืนอยู่ตรงหน้า ใบหน้าดูสวยสะอาดกว่าในรูปแต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกแต่อย่างใด

“สวัสดีค่ะ” เธอยกมือขึ้นไหว้เขาพร้อมกับสำรวจใบหน้าคมที่หล่อเหล่า ที่สะกดหัวใจตั้งแต่แรกเมื่อเธอก้าวเข้ามาในห้อง แต่ทว่ากลับไม่มีรอยยิ้มต้อนรับเธอบนใบหน้าชายหนุ่มแม้แต่น้อย

“ออกไป” เสียงเรียบเอ่ยสั่ง ทำให้เจ้าของร่างงามมองด้วยความตกใจ นี่หรือคำต้อนรับของเจ้านายใหม่เธอ

“คะ”

“ได้ยินแล้วก็ออกไป” ไม่ใช่คำต้อนรับแน่ แต่นี่ไล่ไป มีที่ไหนไล่กันแบบนี้ เธอไม่มีวันไปแน่นอน ดวงตากลมมองหาโต๊ะทำงานแต่ว่าไม่มี

“ออกไป ?”

 

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel