บทที่ 3
THE ILLUSION OF LOVE มารยายั่วรัก
Chapter 3
เสียงท้องร้องดังขึ้นทักท้วงความหิว อาหารเช้าที่ยังไม่ตกถึงท้องสักคำ หญิงสาวหยิบโทรศัพท์ขึ้นดูเวลา สองมือเก็บของใส่กระเป๋าสะพายให้เรียบร้อยก่อนจะเดินเข้าไปเปลี่ยนชุด
เพียงเวลาผ่านไปไม่ถึงสิบนาที จิรภาณินท์เดินออกมาพร้อมกับชุดเดรสสีดำของเธอ หญิงสาวมองตัวเองที่กระจก พร้อมหยิบกระเป๋าเดินออกจากห้องแต่ทว่ากลับต้องหยุดชะงักลงเมื่อใบหน้าของสดายุผู้จัดการพริตตี้ยืนดักรอเธออยู่
“เจ๊”
สดายุสาวประเภทสองมองด้วยสีหน้าไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่
“มีคนอยากพบหล่อนน่ะย่ะ ฉันก็แค่มาบอก เผื่อจะได้ค่าตัวเพิ่ม เขารออยู่ข้างนอก” สดายุพูดจบสะบัดหน้าเชิดเดินไปทันที หญิงสาวได้แต่มองพร้อมถอนหายใจออกมา
“บางทีฉันต้องหางานใหม่แล้วจริงๆ” เธอบ่นพึมพำกับตัวเองก่อนจะเดินออกไปจากห้อง สายตาคู่สวยพบกับชายคนหนึ่งอายุราว ๆ สี่สิบปลายยืนดักรอเธออยู่ หญิงสาวเลือกที่จะเดินเลี่ยงออกไปแต่ทว่ากลับไม่ทัน
“เดี๋ยวหนู” เสียงเรียกทำให้หญิงสาวหันไปมองด้วยความไม่พอใจสักเท่าไหร่ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีผู้ชายยืนดักรอเธอ แต่ก็เป็นทุกครั้งที่ไม่ชอบ
“คุณลุงคะ หนูคงไม่ว่างไปทานข้าวหรืออะไรก็แล้วแต่นะคะต้องขอโทษด้วยค่ะ” เมื่อพูดจบหญิงสาวหมุนตัวเดินออกไปโดยไม่คิดจะสนใจ
“นี่หล่อนสามีฉันไม่ได้พิศวาสเธอหรอกนะ”
จิรภาณินท์หยุดเดิน เธอหมุนตัวกลับไปมองอีกครั้ง สายตาคู่สวยสำรวจใบหน้าถูกแต่งด้วยเครื่องสำอางจัดด้วยความสงสัย
“แม่ฉันอยากพบกับหล่อน ถ้าอยากจะหางานใหม่ทำที่ดีกว่านี้ก็เดินตามฉันมา” เพ็ญรตีเชิดหน้าใส่ มืออีกข้างยกบิดหูสามีลากให้เดินตาม
หญิงสาวมองสองสามีภรรยาพลางทบทวน คงไม่ได้มาหลอกเธอหรอกมั้ง เพราะดูจากท่าทาง ภรรยาจะห่วงหน้าดู ลองดูสักครั้งก็ไม่ผิดว่าแล้วจิรภาณินท์ตัดสินใจเดินตามไปทันที ในใจก็อดคิดไม่ได้ว่าหากได้งานใหม่ก็คงจะดี แม่ของเธอจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงอีก
สายลมพัดผ่านเข้าหน้าต่างในเวลาเย็นจิรภาณินท์นั่งมองการ์ดนามบัตรอยู่ในมือด้วยความลังเลใจ งานที่เธอควรจะตัดสินใจทำดีหรือไม่ หลังจากที่ฟังจากปากของผู้หญิงอายุคราวแม่ของเธอ
ย้อยกลับไปเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา จินดารัตน์ชวนเธอออกไปทานอาหารมื้อกลางวัน ก่อนจะเปิดประเด็นคุยเรื่องงานที่เรียกเธอมาพบ แต่แบบนี้เขาเรียกว่างานได้หรือเปล่านะ
‘คุณแม่คะ เพ็ญขอพูดอะไรหน่อยได้ไหมคะ’ เพ็ญรตีพูดด้วยท่าทางหยิ่งแสดงออกถึงความไม่ชอบเธอสักเท่าไหร่
‘มีอะไรอีกล่ะแม่เพ็ญ’
‘ก็แค่ จ้างให้มาเปลี่ยนใจเจ้าภัทร แต่หล่อนไม่มีสิทธ์หลงรักลูกชายฉัน’ เพ็ญรตีพูดเสียงแข็ง ไม่แม้แต่จะมองใบหน้าของจิรภาณินท์ที่ยังนิ่งเงียบไม่ตอบโต้สิ่งใดทั้งสิ้น
‘จำนวนเงินจ้างและหน้าที่ ฉันจะบอกเธออีกทีถ้าเธอตกลง’
จิรภาณินท์ยังคงนั่งมองการ์ดที่อยู่ในมือ พลางทบทวนเงื่อนไขที่จินดารัตน์เสนอให้เธออีกครั้ง...
ภายในห้องรับแขกมีแต่ความนิ่งเงียบ สายตาของเพ็ญรตีแสดงถึงความไม่พอใจออกมาจนชัดเจน เมื่อทราบถึงจำนวนเงินมากมายเกินตัวกว่าจะยอมรับได้ จินดารัตน์มองพร้อมส่ายหน้ากับลูกสะใภ้ตระกูลสูงเพียบพร้อมทุกอย่าง
“เพ็ญรับไม่ได้ค่ะคุณแม่ มันมากเกินไป” เพ็ญรตีคัดค้านเสียงแข็ง
“อะไรกันแม่เพ็ญ ฉันอาบน้ำร้อนมาก่อนย่อมรู้นิสัยใจคอคน” สายตามองอย่างไม่พอใจ เธอไม่เข้าใจเลยทำไมต้องทำอะไรแปลกๆ แบบนี้ด้วย ถึงยังไงเธอก็ไม่มีวันยอมรับไม่มีวัน !
“รู้ได้ยังไงคะ บางที่แม่นั่นอาจจะแกล้งทำเป็นใสซื่อก็ได้ค่ะ”
เพ็ญรตียังพูดต่อเพื่อหวังที่จะลบล้างความตั้งใจของแม่สามีลง
“อย่างน้อยก็ดีกว่าแม่คุณหนูขี้วีนที่เธอพามาแนะนำฉันก็แล้วกัน” เพ็ญรตีมองใบหน้าของแม่สามีที่แสดงออกถึงความผิดหวังอย่างชัดเจน
“โธ่คุณแม่คะ ใครจะไปรู้เห็นว่าเป็นผู้ดี คิดว่ากิริยามารยาทงามนิสัยก็คงจะงามไม่แพ้กัน”
“เห็นไหม ฉันบอกแล้วว่าคนเราดูที่ภายนอกไม่ได้” เพ็ญรตีเงียบไม่เอ่ยปากพูดต่อ ใจจริงก็อยากจะเถียงกลับไปให้มากกว่านี้
จริงอยู่เมื่อสองปีก่อนเธอรู้จักกับคุณหญิงที่เป็นลูกค้าจากตระกูล เพชรและอัญมณี เธอเห็นว่าลูกสาวของคุณหญิงสวยและมารยามดีก็เลยทาบทามให้รู้จักกับณัฐภัทรแต่ปรากฏว่ากลายเป็นคุณหนูเรื่องมาก ถึงกับเอ่ยปากด่าแม่สามีเธอด้วยความไม่เกรงอกเกรงใจ
“ก็เพ็ญกลัวนี่คะ ถ้าได้ลูกสะใภ้ที่ไม่คู่ควรกับตาภัทร”
“เรื่องนั้นไม่ได้อยู่ที่ฉันหรือว่าเธอแต่อยู่ที่เจ้าภัทร” เมื่อพูดจบจินดารัตน์ก็ลุกเดินจากไปไม่อยากจะฟังลูกสะใภ้ที่มีอคติกับคำว่าสมบูรณ์แบบมากจนเกินไป
เพ็ญรตีมองแม่สามีเดินจากไปด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยพอใจ เธอกลัวว่าลูกชายของเธอจะได้จิรภาณินท์เป็นภรรยาจริง ๆ ยังไงซะผู้หญิงแบบนั้นก็ทำได้ทุกอย่างถ้าอยากได้เงิน
รถยนต์หยุดจอดลงหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่สีขาวสไตล์ร่วมสมัย กระจกรถถูกเลื่อนลง สายตาหวานมองไปยังบ้านเลขที่ตามที่เธอได้รับ ประตูอัตโนมัติเปิดออกอย่างช้า ๆ จิรภาณินท์ปิดกระจกรถ ก่อนจะขับเข้าไปข้างในที่จอดรถ
ประตูรถเปิดออก ขาเรียวยาวก้าวลงจากรถพร้อมหันปิดประตูรถ ก่อนจะมองเข้าไปเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ หญิงสาวอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธอวิ่งออกมา
“มาหาใครคะ” เสียงแหลมๆ ทักถามขึ้น
“มาหาคุณจินดารัตน์ค่ะ ”
“งั้นตามมาทางนี้ค่ะ ” เมื่อพูดจบก็เดินนำเข้าไป จิรภาณินท์มองพร้อมถอนหายใจออกมาก่อนจะเดินตามเข้าไป
สายตากวาดมองไปทั่วตัวบ้านโดยรอบทุกที่ที่เธอเดินผ่าน จนกระทั่งถึงห้องรับแขก ที่ถูกแยกออกเป็นเหมือนห้องส่วนตัวอีกห้อง
“รอสักครู่คุณท่านกำลังมาค่ะ”
จิรภาณินท์พยักหน้ารับแทนการตอบ เดินเข้าไปนั่งที่โซฟาทั้งที่คอ
ยังคงแหงนมองไปทั่วห้องด้วยความชื่นชม ยอมรับว่าบ้านหลังนี้สวยมาก เธอเคยคิดอยากจะมีบ้านแบบนี้สักหลังแต่นั้นก็แค่ฝันความ บ้านสไตล์ร่วมสมัยแบบที่เคยเห็นในละครโทรทัศน์ เพิ่งจะเคยเห็นของจริงเต็มตาวันนี้
“รอฉันนานไหม” หญิงสาวสะดุ้งหันไปมองทางจินดารัตน์ก่อนจะลุกขึ้นพร้อมยกมือขึ้นไหว้กล่าวสวัสดี
“สวัสดีค่ะ”
จินดารัตน์พินิจมองหญิงสาวตรงหน้า เธอยอมรับว่าถูกใจไม่น้อยทั้งรูปร่างหน้าตาที่สะอาดและสวย
“นั่งลงก่อนสิ” จิราภาณินท์นั่งลง เธอมองใบหน้าของหญิงสูงวัยตรงหน้า ที่ยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน
“ตัดสินใจได้แล้วสินะ ”
“ค่ะ แต่ณินท์ขอฟังเงื่อนไขของคุณก่อนจะได้ไหมคะ” จินดารัตน์พยักหน้าด้วยความเข้าใจ
“เงื่อนไขของฉันไม่มีอะไรมาก ก็แค่ทำให้หลานชายฉันลืมผู้หญิงคนหนึ่งให้ได้ภายในสามเดือน ส่วนค่าจ้างฉันฉันจะให้เธอทั้งหมดสิบล้าน ฉันจะจ่ายให้เธอตอนนี้แค่ห้าล้าน เมื่อครบสามเดือนตามกำหนดแล้วเธอทำสำเร็จ ฉันจะจ่ายให้เธออีกห้าล้าน” เมื่อได้ยินความจริงก็ควรจะดีใจที่จำนวนเยอะมากมายขนาดนี้แต่ทำไมถึงต้องเป็นเธอ นั้นคือคำถามที่เธออยากรู้คำตอบ
“ณินท์ขอถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ”
จินดารัตน์พยักหน้า
“ทำไมคุณถึงให้ณินท์ทำงานนี้คะ”
“ทำไมคุณถึงให้ณินท์ทำงานนี้คะ”
“ฉันก็แค่คิดว่าเธอน่าจะทำได้สำเร็จก็เท่านั้น อีกอย่างเธอมีวุฒิการศึกษาที่สูงพอควรจะเข้าไปทำงานได้ เธอคงจะไม่ว่าฉันหรอกนะ ที่สืบดูประวัติของเธอ”
หญิงสาวคิ้วขมวดเข้าหากันด้วยความไม่เข้าใจ ทำงานหมายความว่ายังไงกัน !
“ไม่ค่ะ ณินท์เข้าใจว่าคุณต้องรู้ก่อนว่าณินท์เคยทำงานอะไรมาบ้าง” หญิงสาวตอบ
“เข้าเรื่องกัน ฉันจะให้เธอไปเป็นผู้ช่วยหลานชายในบริษัท ฉะนั้นคุณสมบัติเธอตรงกับข้อกำหนดของบริษัทพอดี ถ้าเกิดไม่ตรงคงไม่ให้ทำงาน
นี้เพราะเธอต้องเข้าใกล้หลานชายทั้งวัน”
“แล้วคุณไม่กลัวฉัน ...” ไม่กล้าที่จะถาม อายเสียเปล่า
“หลงรักหลานชายฉันน่ะหรอ” เสียงของจินดารัตน์พูดต่ออย่างรู้ทัน พลางยิ้มหัวเราะออกมาเพราะเรื่องนั้นไม่สำคัญ อยู่ที่ว่าหลานชายของเธอรู้สึกอย่างไร ถ้าหากจะรักกันจริงเธอก็ไม่คิดที่จะห้ามของเพียงลบอดีตที่ไม่มีวันกลับมาออกไปเท่านั้นก็พอ
“เรื่องนั้นฉันไม่รู้ แต่เธอก็น่าจะรู้ดีกว่า สถานะมันต่างกัน อันที่จริงฉันก็ห้ามไม่ได้หรอก เพียงแต่...อยากให้เธอไปคิดเอง เธอเหมาะสมกับครอบครัวของเราแล้วหรือไม่ ? ถ้าไม่ก็แค่ทำงานให้สำเร็จก็พอ ถึงตอนนั้นเงินอีกครึ่งฉันจะจ่ายให้”
“ค่ะ ณินท์ตกลงทำงานนี้ค่ะ” หญิงสาวตอบตกลงในทันที
