5
“ค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่มาส่งพิม”
บอกจบเอียงอายเมื่อสบสายตาคมของเขาเข้าพอดี
ภีมกระตุกยิ้มให้นิดหนึ่ง ใจนึกค่อนว่าเด็กนี่มารยาไม่ธรรมดาเลยสักนิด ทำทีเป็นเอียงอาย นุ่มนิ่ม แบบนี้หรือเปล่าน้องเขยเขาถึงได้หลงหัวปักหัวปำ เมื่อพิมนาราเปิดประตูรถลงไปแล้ว ภีมจึงโทรกลับไปที่ปลายสายเมื่อครู่
“ว่ายังไงครับคุณแม่…”
“ยัยผิงกินยานอนหลับเกินขนาดอีกแล้วเหรอครับ”
ภีมวางสายลงแล้วกลับรถเลี้ยวออกปากซอยไปในทันที นึกถึงใบหน้าเรียบจืดชืดเมื่อครู่แล้วกระแทกมือบนพวงมาลัยอย่างแรง เพราะเด็กแก่แดดนี่แน่ที่คิดแย่งสามีของน้องสาวเขา และยังเป็นสาเหตุทำให้อรพิมพ์อาการหนักขนาดนี้ ถึงเวลาที่เขาต้องจัดการให้เด็ดขาดเสียที
‘พิมนารา…’
“พิมนารา กินข้าวแล้ว มาพบพี่ที่โต๊ะด้วย” ผู้จัดการแผนกมาบอกที่ห้องเบรกก่อนเดินกลับไปที่โต๊ะของเขา
พลพลเป็นชายหนุ่มอายุเฉียดสี่สิบปีแล้ว เขามีน้ำใจไมตรี รัก เอื้ออารี ห่วงใยให้กับลูกน้องทุกคน ไม่เว้นแม้แต่กับเธอที่เพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่นาน และวันนี้ก็ครบเดือนพอดี
พิมนารารีบกินข้าวจนเสร็จแล้วเดินไปหาหัวหน้าของเธอ ถามเสียงสุภาพ “มีอะไรเหรอคะพี่พล”
“เราสนใจงานดูแลคนสูงอายุไหมพิม”
“สนใจค่ะพี่ แต่ว่าพิมยังไม่คล่องเท่าไรเลยค่ะ”
“ไม่เป็นไร เรื่องนั้นมันฝึกกันได้ ทักษะเราน่ะดีพี่เชื่อมือเรา”
พิมนารายิ้มแก้มปริกับคำชม “ค่ะ ให้พิมไปดูใครเหรอคะ”
“คุณย่าของหมอภีม”
แค่ชื่อของหมอหนุ่มนักธุรกิจก็ทำเอาคนฟังอย่างเธอใจสั่น ตาเบิกโตตื่นเต้นดีใจจนแทบระงับไม่อยู่
“ไม่มีใครไปได้เลย ติดเคสอื่นกันหมด และเคสคุณหญิงเพ็ญแข พี่หมายถึงคุณย่าของหมอน่ะนะก็ต้องไปต่อเนื่อง คนอื่นเขาไปกันไม่ได้ หมอเองแกก็อยากได้คนที่ไปแบบต่อเนื่องได้ด้วย พี่เลยมาถามเรา ว่าจะไปไหม ถ้าสนใจมีค่าเหนื่อยให้ ชั่วโมงละห้าร้อย แต่ถ้าวันไหนหยุดเราจะไปทั้งวันก็ได้ ท่านให้วันละสองพัน”
“ไปค่ะ ไป พิมไปค่ะ”
แทบไม่ต้องคิด เพราะค่าตอบแทนที่ได้รับนั้นจูงใจไม่น้อย แถมยัง...อาจได้เจอหน้าคนที่เธอแอบปลื้มอย่างหมอภีมอีกด้วย พิมนาราคิดแล้วใจเต้นตึกตักตามประสาเด็กสาวที่แอบชอบชายหนุ่ม
“งั้นพี่จะให้วิมาฝึกเราอีกหน่อย จะได้คล่องๆกว่านี้”
“ขอบคุณมากค่ะพี่พล”
หลังจากนั้นอีกสองสัปดาห์พิมนาราถึงได้เข้ามาดูแลคุณย่าของภีม
บ้านหลังใหญ่สุดในหมู่บ้านริมถนนตัดใหม่ดูหรูหราสวยงามและเป็นส่วนตัวทีเดียว เธอต้องนั่งรถประจำทางมาลงที่ด้านหน้าก่อนจะเดินเข้าไปเองเป็นระยะทางกว่าห้าร้อยเมตร
คุณย่าของภีมชื่อคุณหญิงเพ็ญแข เป็นหญิงสูงวัยที่มีโรคประจำตัวเรื้อรังหลายโรคมีพยาบาลดูแลเป็นประจำอยู่แล้วสองคน นอกจากนี้ยังมีคนรับใช้คอยช่วยดูแลอีกต่างหากอีกหนึ่งหรือสองคนแล้วแต่กรณี
กระนั้นแล้วยังคงต้องการคนดูแลเพิ่มอีกซึ่งก็คือเธอ คนรวยนี่ดีแบบนี้นี่เอง แค่มีเงินจะจ้างใคร ทำอะไร เท่าไรแค่ไหนก็ได้ พิมนาราคิดอย่างคนที่เพิ่งออกมาเผชิญโลกกว้างเป็นครั้งแรก
คุณหญิงเพ็ญแขแลดูเป็นคนนิ่งๆเผินๆอาจดูหยิ่ง แต่จริงๆพิมนาราคิดว่านั่นคงเป็นเพราะบุคลิกของท่านมากกว่า ตามที่พี่วิเคยสอนมา เวลาต้องรับหน้าคนไข้เจ้ายศเจ้าอย่างเช่นนี้ ควรนอบน้อมพินอบพิเทาแต่พองาม อย่าประจบประแจงจนมากเกิน เพราะดูน่ารำคาญมากกว่าน่าเอ็นดู
เธอจึงทำหน้าที่ชวนท่านคุยเสียส่วนใหญ่ก่อนจนเริ่มคุ้นเคย แล้วถึงพาออกกำลังกายแบบเบาๆเท่าที่ได้รับการฝึกมา แล้วจึงเข็นรถเข็นคันโตพาหญิงสูงวัยไปที่บริเวณสวนหย่อมหน้าบ้าน พร้อมกับอ่านหนังสือธรรมมะให้ท่านฟังด้วย
คล้อยบ่ายมีรถคันหนึ่งขับเข้ามาภายในรั้วบ้าน
เสียงฝีเท้าเดินหนักๆเป็นจังหวะดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆพร้อมกับการปรากฏกายของภีม ทำเอาหัวใจดวงน้อยของคนที่อ่านหนังสือธรรมมะอยู่นั่นกระตุกเหมือนมีอะไรมากระชากอย่างรุนแรง มือเลยสั่นน้อยๆตามไปด้วยจนต้องรีบวางลงเมื่อรู้สึกตัว และเพื่อปกปิดอาการประหม่าที่มีต่อคนมาใหม่ให้มิดชิด
“สวัสดีครับคุณย่า ว่าไงพิมนารา”
หญิงสาวก้มหน้าหลบสายตาคมก่อนอ้อมแอ้มตอบเขา ไม่ลืมยกมือไหว้ทำความเคารพด้วย
“สวัสดีค่ะคุณหมอ”
ภีมกดมุมปากส่งยิ้มให้เล็กน้อยแล้วเดินมาสมทบตรงโต๊ะ “วันนี้คุณย่าดื้อไหมครับ”
หญิงสูงวัยส่งค้อนตอบให้หลานชายสุดรักสุดหวงก่อนจะเปล่งเสียงสดชื่นตอบ “ย่าไม่ดื้อเท่าหมอหรอก”
“เก่งมากครับ”
ภีมยิ้มอ่อนโยนตอบกลับไปให้ พร้อมลูบหลังมือเหี่ยวย่นอย่างนุ่มนวล ค่อยหันมาบอกเธอ
“ผมฝากคุณย่าสักครู่นะพิมนารา”
ภีมบอกจบเดินออกไปรับสายเรียกเข้าที่ดังขึ้นมาครู่หนึ่งแล้วแต่เงียบสายลงไป
เธอมองตามแผ่นหลังสูงใหญ่จนลับสายตาพอหันกลับมาก็เจอเข้ากับสายตาฝ้าฟางของหญิงสูงวัยบนรถเข็นที่มองมายิ้มๆมาพอดี
“หมอภีมน่ะน่ารัก ใจดี ที่สำคัญหล่อเหมือนคุณปู่” ท่านว่า
“ค่ะ”
เธอรับคำหน้าแดงก่อนจะลุกขึ้นเข็นรถหลบแสงแดดที่ลอดลงมาโดนท่าน ฟังคุณหญิงเพ็ญแขเล่าเรื่องหลานชายที่ท่านภูมิใจนักหนาให้ฟัง
