บท
ตั้งค่า

1

“นิชาขอโทษค่ะหมอ นิชาทำไปเพราะ...เพราะ...รักหมอนะคะ”

เสียงหวานออดอ้อนของดาราสาวสวยอนาคตไกลที่กำลังโด่งดังถึงขีดสุดในตอนนี้ บอกกับร่างสูงสง่าที่ยืนหันหลังใส่เสื้อจนเรียบร้อยแล้วเลยหยิบเช็คเงินสดวางไว้ให้ตรงปลายเตียงนอน บอกเสียงเรียบดั่งมหาสมุทรยากจะหยั่งให้ถึงก้นบึ้งของจิตใจเขาว่า

“เราตกลงกันแต่แรกแล้วนิชา คุณล้ำเส้นเอง”

“โอเคค่ะ นิชายอม นิชาจะไม่งอแงอีกแล้ว นิชาสาบานเลยค่ะว่าจะไม่โพสต์ภาพในทำนองว่าไปไหนมาไหนกับหมออีก คนจะได้ไม่รู้ว่าเราคบกันไงคะ หมอให้โอกาสนิชานะคะ...นะ...นะ”

“เท่าที่ผมจำได้...เราไม่เคยคบกันเลยนะนิชา คุณเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า” ภีมแค่นยิ้มบอกด้วยวาจาร้ายกาจ ค่อยเปิดประตูออกจากคอนโดส่วนตัวของเขาไป

เขาพอใจกับความสัมพันธ์ฉาบฉวยเช่นนี้ ชอบแค่ความสวยชั่วครั้งชั่วคราวของผู้หญิงที่เต็มใจมอบให้ เสพย์จนพอแล้วก็หมดสนุกและเลิกรา ทางใครทางมัน นิสัยส่วนตัวที่เป็นคนขี้เบื่ออย่างไรก็ยังคงเป็นแบบนั้น แก้ไม่หายเสียที

แล้วยกโทรศัพท์ต่อสายหาผู้ช่วยส่วนตัวพอปลายสายรับจึงกรอกเสียงลงไปอย่างที่เคยทำทุกที

“จัดการปิดข่าวให้เรียบร้อย ขายห้องชุดนี้เลย เงินที่เหลือ...โอนให้เธอไป”

คุยสายสั่งงานจนจบ

ภีมเดินจนมาถึงรถหรูที่จอดอยู่ในชั้นเดียวกันพอดี เขาเปิดประตูขึ้นไปนั่งหลังพวงมาลัยก่อนบิดคอซ้ายขวาไล่ความเมื่อยขบ

เช้านี้เขามีประชุมองค์กรทั้งวันเสียด้วยสิ

นึกแล้วยิ้มให้กับตนเองที่ใช้ชีวิตคุ้มเกินคุ้ม

เจ็ดวันในหนึ่งสัปดาห์เขาทำงานทุกวัน แต่ละวันหมดกับการทำงานไปถึงสองส่วนสามของเวลาเต็มวัน แทบจะนับเวลาพักผ่อนได้ว่าไม่มากเท่าไรนัก

เขาจึงต้องผ่อนคลายตามอย่างที่ใจต้องการ อาจเป็นปาร์ตี้ส่วนตัวริมสระที่ไหนสักที่ หรือหมดไปกับสาวสวยประวัติดีสะอาดสะอ้านสักคน

ที่สำคัญต้องไม่ผูกพันธุ์ ไม่ผูกมัดนั่นคือข้อตกลงข้อเดียวของเขา

แล้วออกรถตรงดิ่งสู่จุดหมายเบื้องหน้า

สายตาคมเหลือบมองสายเรียกเข้าจากดาราสาวที่เพิ่งสลัดทิ้งเมื่อครู่ นิชายังพยายามโทรเข้ามาจึงทำให้เขาเสียการควบคุมรถที่ขับลัดเลาะเข้าซอยทางลัดหนีรถติดในช่วงเช้าสู่ที่หมาย จนรถเขวเกือบออกนอกเลนจะชนคน

แต่พอมองผ่านกระจกมองหลังเห็นเป็นหญิงสาวคนหนึ่งริมถนนกำลังก้มหน้ากับจอโทรศัพท์ไม่เห็นอีกฝ่ายเป็นอะไรเลยเปลี่ยนใจ

นึกค่อนที่คนยุคนี้ให้ความสำคัญกับมันมากจนเกินพอดี และหญิงสาวคนนั้นก็คงเป็นอีกคนที่เป็นหนึ่งในสังคมก้มหน้า

ชายหนุ่มยักไหล่อย่างไม่แคร์ หยิบโทรศัพท์ปิดเครื่องโยนทิ้งไปที่เบาะหลังทันทีแล้วขับรถต่อไป

“ขับรถอะไรแบบนี้เนี่ย จะชนคนอื่นเขาอยู่แล้ว”

พิมนาราบ่นงึมงำไล่หลังรถที่เกือบเฉี่ยวชนเธอเมื่อครู่ พร้อมกับเอาโทรศัพท์ใส่เข้าไปในกระเป๋าดังเดิม

เมื่อครู่เธอตกใจที่กระเป๋าสั่นไม่พอยังตกใจที่เกือบโดนรถหรูคันเมื่อครู่เฉี่ยวเข้าให้อีก ก่อนจะส่ายหัวอย่างระอา พวกคนรวยคงไม่สนใจสินะว่าการกระทำของตัวเองจะทำให้ใครเดือดร้อนบ้าง มือยังคงควานในกระเป๋าใบย่อมแล้วก็เจอเข้ากับโทรศัพท์เครื่องใหม่ที่ณภัทรแอบเอามาใส่ไว้ตอนไหนก็ไม่รู้

บอกแล้วว่าอย่าซื้ออะไรให้ ไม่เคยฟังคำเธอบ้างเลย

เพิ่งหกโมงสี่สิบห้าเท่านั้น ที่พิมพ์นาราออกจากบ้านเช่าในซอย เธอกำลังจะรอขึ้นรถประจำทางเพื่อไปยังโรงพยาบาลเอกชนมีชื่อ ซึ่งเปิดให้บริการไม่นานมานี้และรับสมัครพนักงานเพิ่มอีกหลายอัตรา

หญิงสาวเพิ่งเรียนในระดับปริญญาตรีได้แค่ปีเดียว ก็ต้องออกเนื่องจากสูญเสียบิดาที่เป็นเสาหลักของครอบครัวไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์

ส่วนมารดาของเธอนั้นร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงนัก เงินประกันชีวิตที่ได้รับจากการสูญเสียบิดา ส่วนใหญ่หมดไปกับค่ารักษาพยาบาลที่ค่อนข้างสูงของมารดา

เธอจึงตัดใจออกจากมหาวิทยาลัย โดยบอกคนเป็นแม่ว่าแค่ดร็อปเอาไว้ก่อนเพราะขี้เกียจเรียน แล้วเตร่หางานอยู่นานโขจึงได้ในที่สุด

หลังจากส่งใบสมัครทางอินเตอร์เน็ตไม่กี่วัน ฝ่ายบุคคลก็โทรศัพท์ตามให้ไปสัมภาษณ์งาน เธอลงสมัครในตำแหน่งผู้ช่วยเหลือทั่วไปที่ดูเหมือนจะไม่ต้องใช้วุฒิการศึกษาอะไรมากมายนัก แล้วเธอก็ถูกจัดให้เป็นเจ้าหน้าที่คนหนึ่งในแผนก PM&R

ทันทีที่มาถึง พิมนาราเดินเข้าไปในตึกสูงกลางเมืองอันเป็นที่ตั้งของที่ทำงานเธอเข้าลิฟต์ของพนักงานกดเลขชั้นที่สิบสองเพื่อไปที่แผนกของเธอ ไฟหลายดวงยังคงปิดมืด เพราะยังไม่ถึงเวลาให้บริการ

พลันเสียงเสียงหนึ่งก็ดังทะลุแทรกเสียงของเครื่องปรับอากาศจนทำให้พิมนาราสะดุ้งตกใจ

“เด็กใหม่ใช่ไหม”

พิมนาราเหลียวซ้ายแลขวามองซ้ายขวาหาต้นตอของเสียงจนพบ ก่อนผุดรอยยิ้มนอบน้อมตอบรับ “ค่ะ”

หญิงสาวหน้าตาท่าทางดูดีคนที่ทักเธอ กำลังบรรจงแต่งหน้าอ่อนๆตรงกระจกเงาภายในห้องของพนักงาน ถามด้วยน้ำเสียงเป็นกันเองผูกมิตร

“กินข้าวเช้ามารึยัง”

“เรียบร้อยแล้วค่ะ”

“นั่งก่อนสิ ชื่ออะไรล่ะเราน่ะ”

“พิมค่ะ”

“พี่ชื่อวิ เอ๊ะ! วันนี้มีประชุมองค์กร ผู้บริหารพบพนักงานด้วยนี่นา ไปดูชื่อที่เคาน์เตอร์ไป ว่ามีชื่อของเรารึเปล่า”

พิมนารายิ้มค่อยลุกจากเก้าอี้ที่เพิ่งหย่อนก้นลงนั่งได้ไม่ถึงนาทีเดินย้อนกลับไปยังที่ที่อีกฝ่ายบอก

ที่นี่ค่อนข้างเข้มงวดเธอคิด ก่อนจะรู้สึกเกร็งขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อนึกถึงวันก่อน เธอต้องผ่านการตรวจร่างกายและอบรมพนักงานใหม่อยู่สามวัน พอเริ่มงานวันแรกก็ต้องขึ้นประชุมองค์กร เพื่อฟังผู้บริหารพ

พนักงาน ที่มักจัดขึ้นทุกๆสามเดือนตามคำบอกเล่าของพี่วิ

และเพราะต้องวิ่งไปมาถ่ายเอกสารให้ผู้จัดการแผนก จึงทำให้เธอขึ้นห้องประชุมสายกว่าคนอื่น จนกลายเป็นเป้าสายตาขณะเดินเข้าไปในนั้น

ชายที่ยืนตรงด้านหน้าสุดถือเลเซอร์พอยเตอร์ เขาเงียบแล้วมองจนเธอหาที่นั่งนั่งลงได้จึงเริ่มพูดต่อไป แต่หญิงสาวไม่มีเวลาพิศมองชายคนนั้น เธอหยิบเอกสารที่ได้รับแจกก่อนเข้าห้องเปิดดูคร่าวๆ

“อย่างที่ผมบอกพวกเราทุกคน ว่าสามเดือนต่อจากนี้ เราต้องช่วยกัน เพื่อยอด เพื่อโบนัสปลายปีนี้นะครับ”

พิมนาราได้ยินประโยคดังกล่าวนั้นแล้ว จึงเงยหน้าขึ้นมองคนพูด

ทันทีที่เห็นชายหนุ่มคนพูดชัดเจน เธอสะดุดลมหายใจ สะดุดสายตา หัวใจเต้นระรัวเร็วแรง ทั้งยังจ้องชายคนนั้นแน่นิ่งราวกับถูกสะกด

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel