ตอนที่8 ประวัติโดยสังเขป
ตอนที่8 ประวัติโดยสังเขป
“เธอบ่นให้ใครวาริน ร้อยวันพันปีฉันไม่เคยเห็นเธอบ่นใครเป็นสักครั้ง” ไนร่านั่งอยู่ข้าง ๆ ได้ยินเสียงถอนหายใจตามมาด้วยเสียงบ่นพึมพำจึงเอ่ยถาม
“พวกเราพึ่งรู้จักกันยังไม่ถึงเดือนครับคุณไนร่า ยังไม่ถึงร้อยวัน ยิ่งพันปีไม่ต้องพูดถึง เราเป็นคนครับไม่ใช่ผีดิบที่จะอายุยืนยาวเป็นพันปีหมื่นปี” เทมป์หัวเสียจากเรย์เลยหันมาลงที่ไนร่า
“มันคือคำเปรียบเทียบ นายไม่เข้าใจจริงๆ หรือแกล้งโง่กันแน่เทมป์ โอ๊ย! ฉันล่ะปวดประสาทกับพวกนายจริงๆ แค่เรียนก็ปวดหัวมากพออยู่แล้ว ไปแยกย้ายกันกลับบ้าน”
ตึก ตึก ตึก
“เฮ้อ! เฮ้อ! เฮ้อ! ไนร่าฉันขอติดรถเธอไปลงหน้าห้าง MBK หน่อยได้ไหม” วารินวิ่งตามหลังไนร่าจากชั้นสามลงมาถึงชั้นหนึ่ง หญิงสาวหายใจหอบเหนื่อยพยายามสูดออกซิเจนเข้าปอดเฮือกใหญ่
“แล้ววิ่งตามฉันมาทำไม โทรศัพท์มีทำไมไม่โทร” ไนร่าหันไปถามวารินสีหน้างุนงงปนสงสัยไม่เข้าใจว่าวันนี้ทุกคนเป็นอะไร
“ฉันลืมน่ะ กลัวตามเธอไม่ทันเลยรีบวิ่งลงมา” วารินสารภาพออกไปตามจริง ในหัวมัวแต่คิดเรื่องของเรย์อยู่จนลืมคิดไปว่าแค่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดต่อสายเธอก็ไม่ต้องวิ่งลงบันไดจากชั้นสามให้เหนื่อยจนแทบหายใจไม่ทันอยู่แบบนี้
“รอฉันอยู่นี่แหละเดี๋ยวฉันเดินไปเอารถก่อน ไม่ต้องเดินตามฉันมาหรอกยืนพักให้หายเหนื่อยแล้วกัน” วารินยืนรอไนร่าอยู่ด้านหน้าตึกคณะโดยไม่รู้เลยว่ามีสายตาคู่หนึ่งกำลังจดจ้องเธอจากภายในรถ
รถสปอร์ตสัญชาติอิตาลีสีขาวติดฟิล์มดำสนิทจอดอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ไม่ไกลจากที่หญิงสาวยืนอยู่ ถ้ามีใครสังเกตจะเห็นว่ารถคันนี้สตาร์ตเครื่องจอดอยู่เกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว เรย์ที่นั่งอยู่ภายในรถจ้องมองหญิงสาวที่ยืนอยู่ไม่ละสายตา
ปี๊ด!
“วาริน” เสียงเรียกจากไนร่าดังขึ้น วารินจึงเปิดประตูขึ้นไปนั่งด้านหน้าคู่กับคนขับ
“ยัยบื้อนั่นขึ้นรถไปกับใคร” คิ้วดกดำขมวดเข้าหากันเพราะวันนี้ไนร่าเปลี่ยนรถคันใหม่เรย์จึงไม่รู้ว่าวารินขึ้นรถไปกับใคร ในหัวจินตนาการไปถึงรุ่นพี่หนุ่มที่เข้าหาวารินวันนั้น ไม่รอช้าเรย์ก็ขับรถตามหลังไปไม่ห่าง
“เธอจะไปซื้อของที่ห้างเหรอ ให้ฉันเดินเป็นเพื่อนไหม” ไนร่าเอ่ยถามเพราะห้างสรรพสินค้าที่กำลังจะผ่านอยู่คนละทางกับทางกลับคอนโดของวาริน
“ไม่เป็นไรฉันไปทำธุระแป๊บเดียว ขอบใจเธอมากนะ” วารินลงจากรถและเดินไปโบกแท็กซี่ เรย์ขับตามหลังมาก็ต้องแปลกใจเมื่อแท็กซี่กลับรถมุ่งหน้ากลับไปทางคอนโดของหญิงสาว
“จะกลับคอนโดทำไมต้องมาขึ้นแท็กซี่ที่นี่ จะย้อนกลับไปกลับมาให้เสียเวลาทำไม เธอคิดที่จะทำอะไรกันแน่” คำถามเกิดขึ้นในหัวแต่ก็ขับตามไปเรื่อยๆ จนถึงทางเลี้ยวเข้าคอนโด เรย์จึงเร่งเครื่องแซงกลับคอนโดตัวเอง
ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาวารินพยายามหลบหน้าเรย์ตลอดเวลา จะตอบข้อความที่เรย์ส่งไปเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับรายงาน ถ้าคุยเรื่องอื่นเธอจะอ่านแต่ไม่ตอบกลับ
เช้าวันเสาร์
เรย์ขับรถมาดักรอวารินที่หน้าคอนโดแต่เช้าเขาอดทนรอเพื่อจะเคลียร์กับเธอมาทั้งอาทิตย์ วันนี้ความอดทนเขาสิ้นสุดลงแล้ว
เท้าเล็กหยุดชะงักตั้งท่าจะหมุนตัวเดินหันหลังกลับเมื่อเห็นชายหนุ่มคุ้นตายืนอยู่หน้าคอนโด
“ขึ้นรถ อย่าแม้แต่จะก้าวเท้าเดินกลับไป และถ้าเธอไม่ฟังอย่าหาว่าฉันไม่เตือน” เสียงเรียบตะโกนบอกออกไปน้ำเสียงจริงจัง คนตัวเล็กค่อยๆ หันกลับมา
“นายมีธุระอะไรกับฉัน” วารินรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีถามกลับไปเสียงแข็ง
“ตรงนี้ไม่ใช่ที่ที่จะมาคุยเรื่องนี้ ขึ้นรถไปคุยกันที่อื่น” เรย์ออกคำสั่งอีกครั้งแต่วารินก็ยังไม่ขยับตัว
“อย่าให้ฉันพูดซ้ำวาริน” คนที่เดินผ่านไปผ่านมาเริ่มมองพวกเขาทั้งสอง วารินจำต้องขึ้นรถไปกับชายหนุ่มแต่โดยดี
“มีเรื่องอะไรก็พูดมา” วารินถามขึ้นทันทีเมื่อขึ้นมานั่งบนรถ
“ฉันกำลังใช้สมาธิขับรถอยู่ คุยตอนนี้ไม่ได้”
“ถนนใช้ตามองไม่ได้ใช้ปากมอง มีอะไรก็รีบพูดมาฉันจะต้องไปทำงาน” วารินเริ่มโมโหเมื่อได้ยินคำตอบกวนๆ จากชายหนุ่ม
“ฉันบอกเธอแล้วว่าฉันต้องการสมาธิในการขับรถ ถึงแล้วค่อยคุยกัน โทรไปลางานซะบอกว่าเธอไม่สบายฉันจะจ่ายค่าจ้างของวันนี้เอง”
“อย่ามาทำนิสัยแบบนี้กับฉันนะเรย์”
“ฉันไม่ได้อยากทะเลาะกับเธอนะวาริน เธอช่วยใจเย็นลงหน่อยได้ไหม” เรย์พยายามปรับน้ำเสียงให้อ่อนลงที่สุด
เมื่อรู้ตัวว่าไม่สามารถเอาชนะชายหนุ่มได้วารินจึงตัดสินใจส่งข้อความไปแจ้งเก้าว่าวันนี้ไม่ได้ไปทำงานเพราะไม่สบาย จากนั้นก็นั่งเงียบๆ ปล่อยให้เจ้าของรถขับพาเธอไปโดยที่เธอเองก็ไม่รู้ว่าจุดหมายปลายทางคือที่ใด
คอนโด RD
“ถึงแล้วลงมา” วารินมองซ้ายมองขวา รถทุกคันที่จอดอยู่ลานจอดรถล้วนเป็นรถราคาแพงทั้งนั้น บ่งบอกว่าคนที่อาศัยอยู่ที่นี่ล้วนแต่เป็นคนมีเงินและต้องมีแบบเหลือกินเหลือใช้ด้วย
“นายพาฉันมาที่นี่ทำไม แล้วที่นี่ที่ไหน”
“เธอก็รู้ว่าเป็นคอนโดฉันลงมาเถอะน่า ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอก”
“ทำไมต้องพามาที่นี่คุยกันที่อื่นก็ได้นี่” วารินกล้าๆ กลัวๆ ยังไม่ยอมลงจากรถ
“เธอเชื่อใจฉันสักหน่อยจะได้ไหมวาริน ฉันไม่มีวันทำร้ายเธอแน่นอน” น้ำเสียงกับสีหน้าที่จริงจังบอกหญิงสาวออกไป วารินเริ่มลังเลอีกครั้งก่อนจะตัดสินใจก้าวเท้าลงจากรถ
ชั้น 25 เป็นชั้นที่ชายหนุ่มอาศัยอยู่ ลิฟต์ทุกตัวต้องใช้คีย์การ์ดเปิดรวมทั้งประตูทุกบานด้วย เพราะฉะนั้นคนนอกไม่มีสิทธิ์เข้าหรือออกที่นี่ได้ วารินเริ่มเกิดอาการกลัวขึ้นมาอีกครั้งเมื่อคิดว่าถ้าเรย์จะทำอะไรเธอคงไม่มีทางหนีรอด มือเล็กกำสายกระเป๋าสะพายแน่นจนจิกเข้าที่เนื้ออย่างลืมตัว เรย์สังเกตเห็นจึงเอ่ยเรียก
“วาริน เป็นอะไร” มือสองข้างคลายออกจากกันอัตโนมัติ เหลือเพียงรอยแดงจากการโดนเล็บจิกที่ทิ้งร่องรอยไว้ให้เห็น
“ปะ..เปล่า”
“เธอกลัวฉันอย่างนั้นเหรอ ฉันบอกเธอแล้วว่าฉันไม่มีวันทำร้ายเธอ” เรย์ยืนยันให้วารินมั่นใจอีกครั้ง สีหน้ากังวลก่อนหน้าเริ่มคลายลงอย่างเห็นได้ชัด
ติ๊ง!
ประตูลิฟต์เปิดออก ห้องของเรย์อยู่โซนด้านซ้ายของลิฟต์ ซึ่งทั้งชั้นมีเพียงสี่ห้องเท่านั้น ตรงกลางของชั้นจะเป็นฟิตเนสและสระว่ายน้ำไว้ให้บริการเฉพาะคนที่พักอาศัยอยู่ชั้นนี้เท่านั้น
ทั้งสองเดินมาหยุดหน้าห้องหมายเลข 251 ซึ่งห้องตรงข้ามคือหมายเลข 502
แกร็ก
“กลับมาแล้วเหรอออกไปทำอะไรตั้งแต่เช้า” หญิงสาวหน้าตาสะสวยสวมชุดนอนแบรนด์ดังเปิดประตูออกมาจากด้านในห้อง
“เธอมาทำอะไรห้องฉัน ห้องตัวเองมีไม่รู้จักอยู่” เรย์ว่าออกไปเสียงดัง แต่หญิงสาวคนนั้นไม่มีทีท่าจะสนใจ เปิดประตูห้องตรงข้ามเดินหายเข้าห้องไปแบบไร้คำตอบ
“เราลงไปคุยกันข้างล่างเถอะ เดี๋ยวคนของนายจะเข้าใจผิด” วารินรู้สึกเจ็บแปลบๆ ตรงหน้าอกแปลกๆ อยากออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด
“เข้าไปคุยกันข้างใน” ฝ่ามือหนาคว้าเข้าที่ข้อมือเล็กออกแรงดึงแขนหญิงสาวให้เดินตามเข้ามาด้านใน
ปั้ง! แกร๊ก!
เสียงปิดประตูตามมาด้วยเสียงล็อก โอกาสในการเดินออกจากตรงนี้เธอเหลือเท่ากับศูนย์ ถ้าชายหนุ่มตรงหน้าไม่อนุญาตให้เธอออกไปเธอก็ไม่สามารถที่จะเดินออกไปได้หลังจากนี้
“นั่งลง” วารินทำตามอย่างว่าง่าย เดินไปหย่อนสะโพกลงนั่งโซฟาตัวนุ่ม
“นายมีอะไรก็รีบพูดมา”
“เธออยากรู้อะไร..ถามมา” เรย์ถามกลับ
“ที่นายลากฉันมาถึงที่นี่ต้องการจะพูดอะไรกับฉันก็รีบพูดมา” วารินเริ่มเสียงดังขึ้นอีกครั้งเมื่อเรย์เอาแต่ย้อนคำถามของเธอไปมาอยู่แบบนั้น
“ก็เธออยากรู้อะไรเกี่ยวกับฉันก็ถามมา” เรย์ยังพูดประโยคเดิมเป็นครั้งที่สอง
“ฉันไม่ได้อยากรู้อะไรเกี่ยวกับตัวนายเลยแม้แต่น้อย” วารินตอบกลับไป
“ถ้าอย่างนั้นฉันจะบอกเรื่องของฉันกับเธอทั้งหมด ฉันเป็นลูกชายคนเล็กของบ้านมีพี่สาวหนึ่งคนซึ่งคือคนที่เดินเข้ามาในห้องนอนฉันคืนนั้น และเป็นคนเดียวกับที่เดินออกจากห้องฉันเมื่อกี้ และห้องนี้ไม่มีใครเคยเข้ามา” เรย์อธิบายประวัติโดยย่อให้หญิงสาวฟัง วารินนั่งฟังจากตอนแรกที่หน้าบึ้งมาตอนนี้เริ่มอ่อนลงจนสังเกตได้
“นายมาบอกฉันทำไม” วารินถามกลับน้ำเสียงอ่อนลงจากก่อนหน้า
“ฉันแค่อยากให้เธอรู้”
“เราเป็นแค่เพื่อนกันนายไม่จำเป็นต้องมาเล่าประวัติครอบครัวให้ฉันฟังนี่”
“ใช่ คนเป็นเพื่อนกันไม่จำเป็นต้องเล่าประวัติครอบครัวให้กันฟัง นอกจากสถานะอื่นที่มากกว่าเพื่อน” สายตาคมจ้องมองเข้าไปที่นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มคู่นั้นราวต้องการสะกดให้หญิงสาวคล้อยตาม กลิ่นน้ำหอมแบรนด์ดังที่กระทบจมูกนั้นเป็นกลิ่นดอกไม้คล้ายๆ กับกลิ่นสบู่ช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้ชายหนุ่มมากขึ้น ใบหน้าคมค่อยๆ เคลื่อนเข้าหาใบหน้าเรียวเล็ก
โครก…
เสียงท้องร้องดังขึ้น เมื่อตอนนี้เลยเวลาอาหารเช้ามาหลายชั่วโมง บวกกับเมื่อคืนเธอทำงานเพลินจนลืมทานข้าวเย็น ในกระเพาะจึงไม่มีอาหารอะไรให้ย่อย
“ฉันหิวข้าว”
“รอแป๊บหนึ่งฉันไปอุ่นข้าวมาให้” เรย์ทำหน้าผิดหวังเล็กน้อยแต่ก็รีบปรับมาเป็นปกติเพราะกลัววารินรู้ว่าเขาเสียดายเหตุการณ์เมื่อกี้แค่ไหน
“วันหลังฉันจะสั่งอาหารไปส่งให้เธอทุกวันวาริน ฉันสัญญาว่าจะไม่ลืมแม้แต่วันเดียว เหตุการณ์วันนี้มันจะไม่เกิดขึ้นอีกฉันรับรอง” เรย์อุ่นอาหารไปก็บ่นไป หยิบน้ำเย็นขึ้นมากระดกอึกแล้วอึกเล่าแต่ก็ไม่ช่วยทำให้อารมณ์เย็นขึ้นสักนิด จนต้องเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าและปรับอารมณ์อยู่นาน
