ตอนที่3 เยือนเฉินอู่เมืองท่าการค้า
ตอนที่3
เยือนเฉินอู่เมืองท่าการค้า
พวกนางสองนายบ่าวนับว่าโชคดียิ่งนัก เพราะเมื่อพวกนางนั้นลงมาถึงถนนเนินหุบเขาหมื่นบุปผาก็มีรถม้าวิ่งผ่านทางมาพอดี พวกนางจึงทำใจกล้าขออาศัยติดรถม้าคันนั้นมาด้วย ไม่เช่นนั้นพวกนางอาจจะต้องเดินฝ่าสายฝนไปไม่ต่ำกว่า 10 ลี้ (จีน) = 5 กิโลเมตร เลยทีเดียวกว่าที่จะหลุดพ้นแนวป่าที่อยู่รอบๆ
“ท่านลุงฉี ฮูหยินฉี ข้าต้องขอบคุณพวกท่านทั้งสองมากที่ให้พวกเราสองคนอาศัยเดินไปด้วย” ไป๋ชิงหนี่ว์เอ่ยขอบคุณคนทั้งสองที่เป็นเจ้าของรถม้าคันนี้
“แม่นางน้อยเจ้าอย่าได้เกรงใจไปเลย มีพวกเจ้าขึ้นมาด้วยค่อยหายเบื่อหน่อย อยู่กับตาเฒ่านี่แค่สองคนช่างน่าเบื่อยิ่งนัก”
ฮูหยินฉีเจ้าของรถม้าเอ่ยพร้อมกับส่งยิ้มมาให้นางอย่างเป็นมิตร
“ยายแก่ของข้าอาจจะพูดมาก พวกเจ้าสองคนก็ทนรำคาญนางหน่อยก็แล้วกัน”
ครานี้เป็นท่านลุงฉีที่เป็นผู้ที่พูดขึ้น หลังพูดจบท่านลุงก็ไม่วายโดนฮูหยินฉีว่าไปอีกหลายประโยคจนพวกนางสองคนได้แต่มองคนทั้งสองและยิ้มออกมาอย่างรู้สึกขบขัน
เพราะฝนตกจึงทำให้รถม้าเคลื่อนตัวไปได้ช้ามากๆ หลังจากภายในรถม้าเริ่มกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง ฮูหยินฉีก็เอ่ยถามพวกนางขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ราวกับต้องการหาเพื่อนคุยเล่นธรรมดา
“ฝนตกเช่นนี้ทำไมพวกเจ้าถึงได้ไปยืนอยู่ที่ถนนข้างๆหุบเขาหมื่นบุปผานั้นได้อย่างนั้นหรือ”
หลังจากได้ยินคำถามจากปากฮูหยินฉี ไป๋ชิงหนี่ว์ก็ส่งยิ้มไปให้ฮูหยินฉีและเอ่ยตอบคำถาม
“ข้ากับพี่สาวเดินทางมาจากเมืองซุนซือเจ้าค่ะ ระหว่างเดินทางได้ทำแผนที่หายไป จึงได้พากันเดินผิดเดินถูกมาจนถึงที่นั้น เมื่อครู่ท่านพูดชื่อหุบเขาขึ้นมา พวกข้าเองก็พึ่งรู้ว่าหลงมาถึงที่นั้น”
ไป๋ชิงหนี่ว์แกล้งแต่งเรื่องขึ้นพร้อมทั้งโกหกไปว่านางกับเมี่ยวจือนั้นเป็นพี่น้องกัน
“ที่แท้เรื่องก็เป็นเช่นนี้”
ฉีหวั่นเหม่ยพยักหน้ารับรู้ ทั้งที่ในใจก็คิดว่าแม่นางทั้งสองที่นางและสามีรับขึ้นมาบนรถม้าด้วยนั้นมีบางสิ่งที่ปิดบังเอาไว้มากอยู่ นางเองก็อยู่มานานเจอคนมามากมาย ทำไมเมื่อครู่จะดูไม่ออกเล่าว่าแม่นางคนงามตั้งใจจะปิดบังตัวตน ดูก็รู้แล้วว่านางทั้งสองไม่ใช่พี่น้องกันแน่ๆ เพราะรูปหน้าของคนทั้งคู่ไม่มีความคล้ายคลึงกันเลยแม้สักส่วนหนึ่ง
แต่เอาเถอะไหนๆนางก็ทำตัวเป็นคนดีช่วยเหลือแม่นางทั้งสองเอาไว้แล้ว เรื่องต่อจากนี้นางก็จะไม่ยุ่งก็แล้วกัน เพียงแค่ต่อปากต่อคำกับตาเฒ่าอยู่ทุกวันก็ทำเอานางเหนื่อยเต็มกลืนแล้ว
พวกนางขอให้ท่านลุงฉีและฮูหยินแวะส่งพวกนางที่เมืองเฉินอู่ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ใกล้ที่สุด
พอถึงประตูเข้าเมืองเฉินอู่นางก็ไม่ลืมที่จะกล่าวขอบคุณคนทั้งสองอีกครั้งหนึ่งพร้อมทั้งยื่นห่อชาอู่ฮวา(ชาดอกไม้ห้าชนิด)ที่นางแอบนำติดสัมภาระมาด้วยเล็กน้อยให้ทั้งสองคนเพื่อเป็นการขอบคุณ
คราแรกทั้งสองไม่อยากจะรับเอาไว้ แต่แล้วนางก็ขอให้พวกเขารับเอาไว้จนได้โดยการเอ่ยบอกว่า หากไม่รับห่อชาของนางเอาไว้ นางก็จะเปลี่ยนเป็นให้เงินแก่ทั้งสองคนแทน เท่านั้นแหละพวกเขาจึงได้ยอมรับห่อชาของนางก่อนจะแยกออกเดินทางต่อไป
หลังจากเข้ามาในเมืองเฉินอู่เรียบร้อยแล้ว พวกนางถือว่าได้มาเปิดหูเปิดตาครั้งใหม่เลยทีเดียว สมแล้วที่เมืองเฉินอู่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองท่าการค้า ตั้งแต่เข้าประตูมาภายในเมืองแห่งนี้ครึกครื้นคึกคักเป็นอย่างมาก ดูจากจำนวนคนที่ออกมาเดินหยิบจับหาซื้อข้าวของแล้ว ช่างสมแล้วที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่ไม่เคยหลับ
อีกอย่างเห็นผู้คนมากมายตรงหน้าแล้วนางก็พึ่งเข้าใจนี่แหละว่าเหตุใดทุกครั้งที่ท่านพี่พานางลงเขาเข้าเมืองมักจะพาไปเมืองที่ใกล้ที่สุดทางทิศอื่นแทน นางคำได้ว่ามีครั้งหนึ่ง นางเอ่ยกับพี่ใหญ่ของนางว่าอยากจะลองมาที่เมืองเฉินอู่ดูหน่อย แต่พี่ใหญ่ก็ทำเป็นไม่ได้ยินเสียอย่างนั้น
นึกแล้วก็อดขำพี่ใหญ่ของนางเล็กๆไม่ได้ เขาไม่ชอบให้คนพบเห็นนางถึงขั้นสร้างเรือนให้นางอยู่ที่จุดสูงที่สุดของหุบเขา นางรู้ว่าอาจะเป็นเพราะความเป็นห่วงความรักที่พี่ใหญ่มีให้นางที่ดูเหมือนจะมากมายเกินกว่าที่นางจะเข้าใจได้
จนบางครั้งมันอาจจะดูเกินไปแต่นางกับรับรู้ได้ว่าหากแม้วันใดท้องฟ้าเกิดถล่มลงมา นางจะไม่มีแม้แต่รอบขีดข่วนเล็กๆ เพราะจะมีพี่ใหญ่นางคอยเอามือรับท้องฟ้าที่ถล่มลงมานั้นให้นาง
เอาล่ะพี่ใหญ่ข้าจะรีบเที่ยวเล่นให้สนุกแล้วจะรีบกลับไปเป็นน้องสาวที่เชื่อฟังของท่าน!!!
นางคิดในใจอย่างแน่วแน่ ก่อนจะเอ่ยขึ้นพร้อมกระชับเสื้อคลุมกับดึงให้เสื้อคลุมลงมาปิดใบหน้าของนางมากยิ่งขึ้น
“จวนจะมืดเต็มทีแล้ว พวกเราหาโรงเตี๊ยมพักกันสักคืนเถอะ”
“เจ้าค่ะ คุณหนู” เมี่ยวจือรับคำคุณหนูของนาง ก่อนจะรีบมองหาโรงเตี๊ยมดีๆสักที่ ที่พอจะเป็นที่พักสำหรับคุณหนูของนางในคืนนี้ได้
พวกนางเดินหาที่พักอยู่ครู่หนึ่ง ก็พอจะมองเห็นโรงเตี๊ยมที่น่าสนใจอยู่จึงได้พากันมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าโรงเตี๊ยมแห่งนั้น
ซึ่งพอพวกนางมายืนอยู่ที่หน้าโรงเตี๊ยมก็มีเสี่ยวเอ้อร์รีบเดินเข้ามาหาพวกนางด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเป็นมิตรอย่างดี
“โรงเตี๊ยมผิงอันยินดีต้อนรับแม่นางทั้งสองขอรับ”
“ข้าต้องการห้องพักอย่างดีห้องหนึ่ง” เมี่ยวจือทำหน้าที่เจรจากับเสี่ยวเอ้อร์อย่างรู้หน้าที่
“เชิญทางนี้เลยขอรับ”
เสี่ยวเอ้อร์หนุ่มรีบเชิญลูกค้าทั้งคู่เข้าโรงเตี๊ยมอย่างรวดเร็ว ในใจก็นึกดีใจว่าตนนั้นได้ต้อนรับลูกค้าชั้นดีเสียแล้ว
ห้องพักที่พวกนางสองคนนายบ่าวเขาพักนั้นถือว่าเป็นห้องที่ไม่เลวเลยทีเดียว ห้องพักนี้แม้จะไม่ได้ดูใหม่เท่าไหร่นักแต่ก็สะอาดและตกแต่งได้อย่างสวยงาม
“คุณหนูเจ้าคะ ในห้องด้านในมีถังน้ำร้อนเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว คุณหนูให้บ่าวช่วยคุณหนูอาบน้ำนะเจ้าคะ”
เมี่ยวจือที่เดินสำรวจไปทั่งบริเวณห้องพักรีบเอ่ยบอกคุณหนูของนาง เมื่อเห็นว่าในห้องด้านในมีน้ำร้อนพร้อมถังไม้อาบน้ำเตรียมเอาไว้แล้ว คงจะดีไม่น้อยหากคุณหนูของนางจะได้ทำความสะอาดร่างกายเสียหน่อย อาจจะคลายความเหนื่อยล้าจากการเดินทางได้บ้าง
“ก็ดีเหมือนกัน ข้าอาบน้ำเสร็จอาหารคงมาถึงพอดี” ไป๋ชิงหนี่ว์เห็นด้วยกับสาวใช้คนสนิท นางเดินเข้าไปในห้องด้านในก่อนจะปล่อยให้เมี่ยวจือปรนนิบัตินางอาบน้ำ
หลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยก็พอดีกับที่เหล่าเสี่ยวเอ้อร์นำอาหารที่พวกนางสั่งเอาไว้มาส่งถึงห้องพอดี
อาหารที่พวกนางสั่งล้วนแล้วแต่เป็นอาหารขึ้นชื่อของเมื่อเฉินอู่ทั้งสิ้น นางและเมี่ยวจือช่วยกันจัดการอาหารบนโต๊ะจนอิ่มหนำแล้วก็ไม่ลืมที่จะดื่มน้ำชาที่ขึ้นชื่อเช่นกันของเมืองเฉินอู่เป็นการล้างปากก่อนที่จะพากันนอนหลับพักผ่อนเอาแรงไว้สำหรับเดินทางวันพรุ่งนี้
พอหัวถึงหมอนไม่นานนักไป๋ชิงหนี่ว์ก็หลับไปในทันที เมี่ยวจือเองก็เช่นเดียวกันหลังจากที่นางปรนนิบัติส่งคุณหนูขึ้นนอนเรียบร้อยแล้ว ก็มานั่งฟุบหลับเอาบนโต๊ะอาหาร
