บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2 ถึงคราออกเดินทาง

ตอนที่ 2

ถึงคราออกเดินทาง

“หากจะเอ่ยว่างามกว่าบุปผาก็คงไม่มากไปกระมัง”

ประโยคแรกที่หลุดออกมาตั้งแต่ที่ไป๋หูก้าวเท้าเข้ามาที่เรือนหมู่ตันแห่งนี้กลับเป็นประโยคที่เอ่ยขึ้นเพื่อชื่นชมน้องสาวคนงาม ไม่ได้เอ่ยชมดอกหมู่ตันที่กำลังบานสะพรั่งแต่อย่างใด

“พี่ใหญ่ท่านชอบเอ่ยเช่นนี้อยู่เรื่อย หากผู้ใดมาได้ยินเข้า ข้าคงถูกนำไปหัวเราะเยาะแล้ว” ไป๋ชิงหนี่ว์ที่ยามนี้ยืนอยู่ข้างๆแปลงดอกหมู่ตันสีเหลืองเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงติดจะไม่ค่อยพอใจนัก

“ไหนผู้ใดกันจะกล้าหัวเราะเยาะน้องสาวของข้า หาได้มีสักผู้หนึ่งไม่”

เขาเอ่ยขึ้นเมื่อเดินมาหยุดอยู่ข้างๆน้องสาวของตนแล้ว “ดูเอาเถิด ไป๋ชิงหนี่ว์น้องสาวข้างดงามปานเทพธิดาจำแลงเช่นนี้ ผู้ใดจะกล้าพูดเยาะเจ้า เห็นจะมีแต่ผู้คนเอ่ยชมไม่ขาดปาก”

ผู้เป็นพี่ชายอย่างไป๋หูยังเอ่ยต่ออย่างภาคภูมิใจยิ่ง สายตาก็จับจ้องใบหน้างามอย่างชื่นชม

“พี่ใหญ่หากท่านจะหยุดจ้องมองข้าหยุดเอ่ยชมข้าสักประเดี๋ยวหนึ่ง แล้วมาช่วยดูชมดอกหมู่ตันของข้าเสียหน่อยจะได้หรือไม่” นางเอ่ยจบก็ถอนหายใจออกมาอย่างเหลืออด

พี่ใหญ่ของนางไป๋หู มักจะมองเห็นนางมาก่อนสิ่งอื่นเสมอ มองเห็นในที่นี่คือเห็นว่านางสำคัญที่สุด พี่ใหญ่ของนางสามารถทิ้งทุกอย่างไม่ว่างานจะสำคัญหรือยุ่งมากเพียงใด หากเวลาใดที่นางต้องการพบหรือเรียกหา พี่ใหญ่ของนางจะรีบมาทันทีอย่างไม่มีข้อแม้

“หากเป็นความต้องการของหนี่ว์เอ๋อร์ให้พี่ชายผู้นี้ทำสิ่งใดล้วนได้ทั้งหมด”

ไป๋หูเอ่ยขึ้นพร้อมกับยิ้มรับอย่างยินดี ก่อนจะเดินละออกจากน้องสาวคนงามของตนเพื่อเดินดูแปลงดอกหมู่ตันที่น้องสาวของต้นนั้นตั้งใจปลูกพวกมันเป็นอย่างมาก ค่อยดูแลเอาใจใส่อย่างดี

“ดอกหมู่ตันของหนี่ว์เอ๋อร์ปลูกได้ดีมากจริงๆ สมแล้วกับการทุ่มเทของเจ้า”

ไป๋ชิงหนี่ว์มองตามพี่ใหญ่ของตนที่เดินสำรวจดูตามแปลงดอกหมู่ตันของนาง มีบางที่เอื้อมมือไปสัมผัสลำต้นหรือกลีบดอกของมัน

หลายคำชมที่เขาเอ่ยขึ้นช่างแตกต่างกับการเอ่ยชื่นชมนางยิ่งนัก สำหรับนางพี่ใหญ่เอ่ยชมนักหนาว่างดงามเช่นเดียวกันกับดอกไม้ หรือชมไปถึงขั้นกระทั่งดอกไม้ก็งามไม่สู้นาง แต่พี่ใหญ่ของนางกับเอ่ยชมดอกไม้จริงๆว่าปลูกได้ดีเพียงเท่านี้ หาได้เอ่ยชมถึงความสวยงามของดอกไม้จริงๆไม่

นางและพี่ใหญ่อยู่ที่เรือนหมู่ตันกันต่ออีกครูหนึ่ง เมี่ยวจือจึงได้เข้ามาแจ้งว่าจัดสำรับอาหารเช้าเอาไว้เรียบร้อยแล้ว พวกนางจึงได้พากันเดินออกจากเรือนหมู่ตันไปที่ศาลาชมเมฆที่เป็นสถานที่ๆเมี่ยวจือจัดสำรับเอาไว้ ระหว่างทางพี่ใหญ่เอ่ยกับนางว่า จะนำดอกหมู่ตันไปขายที่แคว้นอี้ซานพร้อมกันกับขบวนชาแห้งและบรรดาดอกไม้อื่นๆที่จะนำไปขายด้วย ซึ่งแน่นอนว่านางขอเก็บดอกหมู่ตันสีขาวและสีม่วงเอาไว้เพียงสองต้นเท่านั้น

เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากที่ฝนหยุดตกแล้ว การเคลื่อนขบวนสินค้าออกจากหุบเขาหมื่นบุปผาจึงเริ่มขึ้น

ก่อนออกเดินทางไป๋หูไม่ลืมที่จะกำชับน้องสาวของตนอีกครั้งว่าให้ระวังและดูแลตัวเองให้ดีระหว่างที่เขานั้นไม่อยู่

“พี่ไม่อยู่เจ้าก็อย่าได้ก่อเรื่อง หากจะลงเขาไปเที่ยวเล่นบ้างก็ให้พาคนไปด้วยหลายคนหน่อย”

“ข้าทราบแล้วพี่ใหญ่ ท่านอย่าได้ห่วงข้านักเลย หน้าฝนเช่นนี้ข้าไม่ค่อยอยากลงเขาไปไหนหรอกเจ้าค่ะ พี่ใหญ่เองก็เดินทางปลอดภัยนะเจ้าคะ ที่สำคัญคือห้ามลืมของฝากข้าเป็นเด็ดขาด”

“คุณหนูพวกเราทำเช่นนี้จะดีรึเจ้าคะ” เมี่ยวจือกระซิบถามคุณหนูของนางอย่างหวาดหวั่นยิ่งนัก

“ดียิ่ง มีสิ่งใดไม่ดีกัน” ไป๋ชิงหนี่ว์ตอบกลับด้วยท่าทีไม่รู้ร้อนรู้หนาวแต่อย่างใด

“โถ่ คุณหนูที่พวกเรากำลังทำอยู่ บ่าวว่าไม่ค่อยดียิ่งนักนะเจ้าคะ” นางเอ่ยต่อ

“ดีหรือไม่เป็นข้าที่จะตัดสินใจเอง หากเจ้าไม่อยากติดตามข้าไปด้วย ข้าก็จะไม่บังคับเจ้าหรอก เจ้ากลับไปบนหุบเขาก่อนเถอะไป” นางเอ่ยกับเมี่ยวจืออีกครั้ง

ครั้งนี้นางตั้งใจทำเป็นไล่สาวใช้คนสนิทของนางให้กลับขึ้นหุบเขาไป เพราะรู้ว่ายิ่งพูดอย่างนี้เมี่ยวจือยิ่งไม่มีทางยอมกลับขึ้นหุบเขาไปเป็นแน่

“คุณหนู เมี่ยวจือแน่นอนว่าต่อให้ตายก็จะขอติดตามท่านไปทุกที่ เพียงแต่บ่าวแค่กลัวเท่านั้นเจ้าค่ะ อย่าลืมนะเจ้าคะ พวกเราสองคนไม่เคยลงเขาโดยปราศจากนายท่านไป๋หูเลยสักครั้ง”

ไม่ใช่ว่านางนั้นไม่อยากติดตามคุณหนู นางนั้นพร้อมที่จะติดตามคุณหนูของนางไปทุกที่ ไม่ว่าลำบากแค่ไหนก็พร้อมเสมอ แต่ครั้งนี้อยู่ๆนางก็รู้สึกไม่ค่อยดีนัก เรียกว่ามีลางสังหรณ์ไม่ค่อยจะดีก็ว่าได้

ยิ่งนายท่านเดินทางไปไกลถึงแคว้นอี้ซานที่กว่าจะเดินทางไปถึงก็เกือบจะใช้เวลาเป็นเดือนเสียด้วยซ้ำ รวมๆแล้วแม้จะอยู่ที่แคว้นอี้ซานเพียงอาทิตย์เดียวแต่อย่างไรก็น่าจะเป็นเวลากกว่าสองเดือนเป็นอย่างต่ำกว่าที่นายท่านจะเดินทางกลับมาถึงหุบเขาหมื่นบุปผา

“ยิ่งไม่เคยลงเขาโดยปราศจากพี่ใหญ่ จึงทำให้ข้าอยากลงไปยิ่งขึ้นอย่างไรเล่า ข้าว่าช่วงเวลานี้แหละที่เหมาะสมยิ่งนัก คิดดูพรุ่งนี้ไม่เกินเที่ยงหุบเขาหมื่นบุปผาจะกลายเป็นหุบเขาด้านบนปิด และพวกเราจะลงจากเขาไม่ได้อีกเลยเป็นเดือนๆนะ”

เนื่องจากเป็นหน้าฝน และช่วงนี้ทุกปีหุบเขาด้านบนของหุบเขาหมื่นบุปผาที่เป็นส่วนที่นางอยู่จะกลายเป็นสถานที่ปิดตายเลยก็กล่าวได้ไม่ผิด เรียกได้ว่าเป็นเดือนหากพวกนางไม่ลงจากเขา ก็ต้องอยู่บนเขาเช่นนั้นกว่าฤดูฝนจะผ่านไปเส้นทางลงเขากลับเข้าสู่ความปลอดภัยนั่นแหละถึงจะเดินทางลงเขาได้

ไอ้ประโยคที่พี่ใหญ่ของนางกล่าวก่อนที่จะจากไปคือ หากนางต้องการลงเขาก็ให้ลงไปได้ พี่ใหญ่นางกล้าเอ่ยทั้งๆที่ก็รู้อยู่ว่าพวกนางจะไปไหนก็ไม่ได้เป็นเดือนๆ

ครั้งนี้ถือว่านางโชคดี จึงได้แอบจัดเตรียมข้าวของบ้างอย่างเอาไว้สำหรับการเดินทางไปผจญภัยของนางเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นางมั่นใจว่าจะต้องใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานเที่ยวเล่นไปทั่วอย่างเต็มที่ก่อนที่พี่ใหญ่ของนางจะกลับมา

“คุณหนูหากนายท่านไป๋จับได้เล่าเจ้าคะ” แม้ขาจะก้าวตามคุณหนูของนางอย่างไม่หยุด แต่ปากก็ยังเอ่ยถามต่อไม่มีหยุดเช่นเดียวกัน

“หากตรงตามแผนของข้าทั้งหมด อย่างไรเสียพี่ใหญ่ข้าก็จับไม่ได้หรอก เจ้าอย่าได้ห่วงไปเลย”

ไป๋ชิงหนี่ว์เอ่ยตอบอย่างมั่นใจ

นางนั้นไม่เพียงวางแผนเตรียมการสัมภาระเงินทองเอาไว้เท่านั้น นางยังว่าจ้างระคนข่มขู่อีกห้าสาวใช้ที่จะต้องอยู่รับใช้นางยามที่หุบเขาหมื่นบุปผาถึงช่วงด้านบนที่เป็นส่วนของเรือนของนางนั้นปิด นางให้พวกนางนั้นผลัดเปลี่ยนกันแต่งตัวเป็นนางและเมี่ยวจือเผื่อเอาไว้เวลาใดหากคนของพี่ใหญ่เกิดขึ้นมาแอบมองนางจากที่ไกลๆจะได้เห็นเหมือนกับว่าเป็นนางจริง

คนของพี่ใหญ่นางมีฝีมือไม่น้อย แต่ละคนวรยุทธ์สูงส่งคงไม่ใช่เรื่องยากอันใดหากจะแอบจับตามองนางจากที่ใดสักที่หนึ่ง

“เมี่ยวจือจากนี้ข้าของสั่งเจ้าอย่างเด็ดขาด ห้ามเจ้าเอ่ยชื่อหุบเขาหมื่นบุปผาอีก” นางเอ่ยสั่งสาวใช้คนสนิทของนางอย่างหนักแน่น

ยามนี้เบื้องหน้าของนางคือดวงตะวันที่กำลังจะลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าเพื่อเป็นสัญญาลักษณ์ของการเริ่มต้นวันใหม่ แม้บรรดาเมฆจะมืดครึ้มเพียงใดแต่ก็ไม่อาจบดบังแสงจากดวงตะวันได้ทั้งหมด

อีกไม่นานหลังจากนี้สายฝนคงเทกระหน่ำลงมาไม่ขาดสายเช่นเดียวกันกับช่วงเวลานี้ของทุกปี หากจะแตกต่างกันก็คงเป็นตัวนางเองที่กำลังจะก้าวออกไปเดินตากฝนไปตามสถานที่แปลกใหม่ หาใช่นั่งมองสายฝนอยู่ที่หน้าต่างเรือนพักของตนเช่นเดียวกันทุกปี

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel