บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 7 ยากแตะต้อง

ตอนที่ 7

ยากแตะต้อง

ภายในหอหมอกดำยามนี้ เงียบกว่าเช่นที่เคย แม้ปกติจะเงียบอยู่แล้วแต่ก็ไม่ได้เงียบถึงขั้นนี้ คงเป็นเพราะเมื่อชั่วยามก่อนอยู่ๆท่านเจ้าหอก็เหินทะยานกลับมาพร้อมกับสตรีในอ้อมแขน อีกทั้งยังสั่งให้ทุกคนที่ไม่ใช่ผู้เฝ้ายามของหอหมอกดำให้กลับเข้าเรือนพักห้ามออกมาพร่ำเพรื่อ

จะมีเพียงแค่สาวใช้สี่นางเท่านั้นที่ได้เข้าไปรอรับใช้ท่านเจ้าหอ ซึ่งแน่นอนว่าสาวใช้ทั้งสี่คนนี้ล้วนแล้วแต่มีความสามารถมากที่สุดในบรรดาสาวใช้ของหอหมอกดำแห่งนี้เลย

“พวกเจ้าจัดการเช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้นาง” เฟิงอวิ๋นเค่อเอ่ยสั่งสี่สาวใช้ ซึ่งยืนรอท่าอยู่ไม่ไกลนัก ก่อนจะวางร่างในอ้อมแขนลงบนเตียงเมื่อเขาอุ้มนางมาถึงห้องนอนด้านใน

ทันทีที่เขาวางสตรีแปลกหน้าลงบนเตียงเสร็จก็เดินออกมานอกเรือนพักทันที ปล่อยให้สาวใช้ทั้งสี่จัดแจงนางต่อ เพื่อที่ทันทีที่เฉินอี้พาหมอมาจะได้รักษานางได้ทันที

หลังจากนั้นไม่นานเฉินอี้ก็ปรากฏตัวต่อหน้าเขาอีกครั้ง พร้อมกับชายวัยกลางคนผู้หนึ่งซึ่งน่าจะเป็นหมอที่เขาให้เฉินอี้ไปหามา

เฉินอี้นั้นเดินมาหยุดอยู่เบื้องหน้าเขา พร้อมกับโค้งตัวให้เขาครั้งหนึ่ง ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อหมอที่ตามมาด้วยเห็นก็โค้งตัวให้เฟิงอวิ๋นเค่อเช่นเดียวกัน

เฟิงอวิ๋นเค่อนั้นทำเพียงแค่พยักหน้าครั้งหนึ่ง เฉินอี้ที่มองอยู่ก็รู้ได้ท่านทีว่านายท่านของเขานั้นต้องการสิ่งใด

เฉินอี้จึงรีบเดินนำทางหมอเข้าไปในเรือนพักข้างในทันที เพื่อให้หมอนั้นได้เข้าไปให้การรักษาสตรีที่อยู่ด้านใน ผู้ซึ่งทำให้เขาต้องรีบไปเคาะประตูเรียกตามร้านหมออยู่เป็นนานกว่าจะได้ตัวหมอผู้นี้มา

“พาหมอเข้าไปด้านใน” เฉินอี้เอ่ยขึ้นกับสาวใช้ซึ่งอยู่ใกล้ที่สุด ส่วนตัวเขานั้นเลือกที่จะยืนอยู่ที่ห้องชั้นนอกกับนายท่านของตนที่เพิ่งเดินเข้ามา

สาวใช้คนนั้นเดินนำหมอเข้าไป ไม่นานก็เดินกลับออกมาก่อนจะเอ่ยรายงานขึ้น

“ท่านเจ้าหอเจ้าคะ ท่านหมอให้บ่าวมาเชิญท่านเข้าไปด้านในเจ้าค่ะ”

หลังจากที่ได้ยินสิ่งที่สาวใช้เอ่ยจบเฟิงอวิ๋นเค่อก็ขมวดคิ้วเป็นอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าใดนัก

จนเฉินอี้ที่เห็นท่าทางของนายท่านของตนนั้นเกือบจะขันอาสาเข้าไปด้านในแทนอยู่แล้ว หากว่านายท่านของเขาไม่ลุกขึ้นเดินเข้าไปด้านในเสียก่อน เขาเองเมื่อเห็นดังนั้นก็ไม่รอช้ารีบก้าวตามนายท่านของตนไปเช่นเดียวกัน

เมื่อเฟิงอวิ๋นเค่อเดินเข้าไปที่ห้องด้านในนั้นก็เห็นว่าหมอที่เขาให้เฉินอี้พามานั้นยืนอยู่ข้างเตียง ในมือของหมอคนนั้นยังถือหีบยาที่นำมาอยู่ แสดงให้เห็นว่าหมอผู้นี้ยังไม่ได้ลงมือตรวจสตรีที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง

ยามนี้เข้ารู้สึกขัดใจยิ่งนัก ในเมื่อตัวเขาเร่งรีบแต่ดูเหมือนว่าผู้อื่นนั้นจะชักช้าไม่ทันใจไปเสียหมด

“ทำไมไม่ลงมือรักษานางเสียที จะรอให้นางตายก่อนหรืออย่างไร”

น้ำเสียงทรงพลังที่แฝงไปด้วยความเย็นชาที่เอ่ยออกมานั้นทำเอาหมอที่ยืนอยู่ใกล้ๆเตียงนั้น รีบรอหันไปทางเฟิงอวิ๋นเค่อที่ยืนอยู่ทันที

“ขออภัยด้วยขอรับท่านเจ้าหอ ข้าน้อยจะรีบลงมือตรวจอาการคุณหนูท่านนี้ประเดี๋ยวนี้ขอรับ” ท่านหมอเอ่ยก่อนจะรีบนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียง เขาเริ่มตรวจชีพจร ก่อนจะต้องเอ่ยขึ้นอีกครั้ง เมื่อเขาต้องขอดูบาดแผลที่ศีรษะของสตรีที่ตนกำลังตรวจอยู่

“ข้าน้อยต้องขอดูบาดแผลที่ศีรษะของคุณหนูสักหน่อยขอรับ” เขาเอ่ยขึ้น พร้อมกับถอยห่างออกมาจากเตียงที่มีสตรีร่างบางนอนอยู่

“เจ้าสองคนประคองนางขึ้นมา” เป็นอีกครั้งที่เฉินอี้เป็นผู้ออกคำสั่งแทนผู้เป็นนางอย่างรู้หน้าที่

และทันทีที่สาวใช้สองคนเข้าไปประคองร่างไร้สติบนเตียงในนางนั้นไปนั่งพิงตัวเองกับสาวใช้คนหนึ่งเอาไว้นั้น เฉินอี้ก็พอเข้าใจได้แล้วว่าเหตุใด ครั้งแรกที่หมอผู้นี้เข้ามาถึงได้ไม่ยอมตรวจ ที่แท้ไม่ใช้ว่าไม่ยอมตรวจ แต่ไม่กล้าลงมือแตะต้องโดนสตรีที่ไม่ได้สติอยู่บนเตียงต่างหากเล่า

เป็นเขาเองหากได้เห็นโฉมหน้างดงามเช่นนี้ แม้ใบหน้าจะไร้ซึ่งสีเลือดความงดงามราวกับเทพบุปผาก็ไม่ได้น้อยลงเลยแม้สักนิด เขาเองก็คงไม่กล้าแตะต้องเช่นเดียวกัน เห็นที่คงจะมีผู้เดียวที่คู่ควรจะแตะต้องนางก็คือนายท่านของเขานั่นเอง

เมื่อครู่เขายังแอบเห็นว่าหมอคนนี้ยังไม่วายหันไปมองที่นายท่านของเขาอีกครั้งหนึ่งเพื่อดูท่าทีให้แน่ชัด ก่อนจะลงมือทำแผลที่ศีรษะให้แม่นางผู้นั้น

เวลากว่าก้านธูปหนึ่งนั่นแหละกว่าที่การรักษาจะเสร็จเรียบร้อยท่ามกลางความเงียบในห้องพัก

หลังจากรักษาเสร็จเรียบร้อย อาการเกร็งหายใจไม่ค่อยทั่วท้องของผู้เป็นหมอผู้เดียวในห้องแห่งนี้ อีกทั้งไม่ได้เป็นคนของหอหมอกดำนี้ก็หายไป เหลือเอาไว้เพียงอาการแอบกลัวเล็กๆ ที่มีต่อท่านเจ้าหอเท่านั้น

ซึ่งแน่นอนว่าเขาจะต้องรีบกลั้นใจเอ่ยรายงานการรักษาแก่ท่านเจ้าหอด้วยตัวเองในฐานนะหมอ

“คุณหนูท่านนี้แม้ชีพจรจะยังเต้นไม่ค่อยคงที่นัก แต่ไม่มีสิ่งใดน่าเป็นห่วงพักอีกสักสองสามวันก็จะได้สติขึ้นเองขอรับ ส่วนแผลที่ศีรษะนั้นข้าน้อยได้รักษาแล้ว คงต้องพันผ้าเอาไว้เช่นนี้สักเจ็ดวันรอแผลสมาน แล้วนี่เป็นใบสั่งยาขอรับ ข้าน้อยเขียนรายละเอียดยาเอาไว้เรียบร้อยแล้ว” หลังจากเอ่ยจบเขาก็หวังว่าตนนั้นจะได้กลับร้านหมอของตนเสียที แต่ความหวังของเขานั้นกลับต้องจบลงหลังจากที่ ท่านเจ้าหุบเขานั้นเอ่ยกับเขาเสียงเรียบก่อนจะเดินกลับออกไปจากห้อง

“เจ้าจะต้องอยู่ที่นี่จนกว่านางจะฟื้น”

“พวกเจ้าใครก็ได้หาที่พักให้ท่านหมอผู้นี้ด้วย”

เฉินอี้เอ่ยสั่งกับสาวใช้สี่คนที่นับตั้งแต่นี้พวกนางจะเป็นผู้อยู่รับใช้ที่เรือนพักแห่งนี้

“ท่านเฉินอี้วางใจ เรื่องนี้ปล่อยให้บ่าวจัดการเองเจ้าค่ะ” สาวใช้หนึ่งในสี่คนนั้นเอ่ยอาสาขึ้น

“เช่นนั้นก็ดียิ่งนัก อีกอย่างดูแลแม่นางผู้นั้นให้ดีด้วย”

“พวกบ่าวทราบแล้วเจ้าค่ะ” เป็นอีกครั้งที่เหล่าสาวใช้ทั้งสี่รับคำพร้อมเพรียงกัน

เฉินอี้เองก็พยักหน้ารับอย่างพอใจ ก่อนจะหันไปหาคนอีกผู้หนึ่งที่ซึ่งก็คือท่านหมอที่เขาพามานั่นเอง

“ท่านหมอ ท่านก็พักผ่อนให้สบายเล่า ถือเสียว่าได้มาอยู่ที่หอหมอกดำนี้เป็นวาสนาของท่าน”

เขาเอ่ยทิ้งท้ายพร้อมกับเดินเข้าไปตบไหล่ของท่านหมอที่ยืนอยู่แต่กลับคล้ายวิญญาณได้หลุดออกจากร่างไปแล้ว ก่อนจะเดินตามนายท่านของตนออกไป

ส่วนท่านหมอนั้น ในใจยามนี้ตนนั้นกำลังร้องไห้อย่างนัก ยิ่งเมื่อนึกไปถึงคำพูดทิ้งท้ายของคนสนิทของท่านเจ้าหอที่เป็นผู้พาเขามีที่นี่อีก

“ได้มาอยู่ที่หอหมอกดำนี้เป็นวาสนาของท่าน”

หึ วาสนาของเขาจริงๆงั้นหรือ คงไม่ใช่ว่าเป็นวาสนาครั้งสุดท้ายในชีวิตของเขาหรอกนะ เขาคงไม่ต้องคิดหรือกังวนต่อสิ่งใดมากเช่นนี้หากไม่เคยได้ยินถึงคำล่ำลือที่เคยได้ยินมาว่าท่านเจ้าหอนั้นไม่ชอบให้โอกาสผู้ใดซ้ำซาก เขาได้เพียงแต่หวังว่าการรักษาของตนนั้นจะไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

เขานั้นจะได้กลับบ้านในอีกในไม่กี่วัน ขอให้มันเป็นเช่นดังที่เขาปรารถนาเถิด

สามวันให้หลัง คุณหนูที่เขารักษาฟื้นคือสติ แต่ที่เกือบจะทำให้เขาไม่ได้กลับบ้านนั้น ก็คือการที่คุณหนูผู้นี้ฟื้นคืนสติ แต่กลับไร้ซึ่งความทรงจำ…

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel