บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 6 สตรีแปลกหน้า

ตอนที่ 6

สตรีแปลกหน้า

“ท่านเจ้าหุบเขา เอ่อนายท่านขอรับ ไม่สู้ให้ข้าน้อยช่วยพายเรือให้ท่านดีหรือไม่”

เขารีบเปลี่ยนคำเรียกแทนตัวนายท่านของทนทันที เมื่อนายท่านหันกลับมามองที่เขาด้วยสายตาไม่สบอารมณ์เท่าใดนัก

แท้จริงแล้วการที่เฉินอี้เสนอตัวเป็นผู้พายเรือให้นายท่าน เป็นเพราะว่าไม่อยากให้นายท่านของเขานั้น พายเรือออกไปเพียงลำพัง แม้จะรู้ทั้งรู้ว่าด้วยวรยุทธ์อันสูงส่งของนายท่านของเขาแล้ว ย่อมไม่มีผู้ใดสามารถทำร้ายได้ก็ตาม

แต่ยามนี้พวกเขาอยู่นอกหุบเขาพยัคฆ์หมื่นพิษ การระมัดระวังตัวทุกฝีก้าวย่อมเป็นอันดีกว่าอยู่แล้ว

“เจ้ากลับหอหมอกดำไปก่อน อย่าให้ข้าต้องเอ่ยซ้ำไปมาหลายรอบ”

เฟิงอวิ๋นเค่อเอ่ยเสียงเรียบโดยไม่หันไปมองดูคนสนิทของตนที่ยืนอยู่บนท่าเรือ เขายันไม้พายกับท่าเรือให้เรือพายของเขาออกห่างจากฝั่ง โดยมีเฉินอี้ได้แต่มองตามดูเรือของเขาด้วยความเป็นห่วง

เขาพายเรือออกมาไกลจากฝั่งมากขึ้นเลื่อยๆโดยมีจุดหมายเป็นเกาะกลางน้ำเล็กๆที่เขามักจะต้องมาทุกครั้ง หากได้มาที่เกาะแห่งหมอกดำ ซึ่งเกาะแห่งหมอกดำนี้ก็เป็นของสกุลเฟิงของเขาเช่นเดียวกันกับหุบเขาพยัคฆ์หมื่นพิษ

แม้ทั้งสองที่จะอยู่ห่างกันจนต้องใช้เวลาเดินทางเกือบหนึ่งอาทิตย์เต็มแต่อย่างไรเสียงทุกๆสามเดือนเฟิงอวิ๋นเค่อนั้นก็จะต้องแวะมาดูแลเกาะแห่งหมอกดำแห่งนี้

พายมาได้ไม่นานนัก เฟิงอวิ๋นเค่อก็เข้าใกล้เกาะกลางน้ำที่หากมองจากจุดที่เขาพายเรืออยู่นี้ ก็จะเห็นแสงหิ่งห้อยมากมาย พวกหิ่งหอยแยกย้ายกันอยู่ตามจุดต่างๆของต้นไม่ที่อยู่ในกลางเกาะกลางน้ำ ซึ่งเป็นต้นดอกเหม่ยต้นหนึ่งซึ่งมีอายุราวๆเกือบจะร้อยปี

ทุกครั้งที่มาที่นี่เขามักจะนอนพักหลับตานิ่งๆอยู่ที่ใต้ต้นเหม่ยต้นนี้ เสียงของคลื่นและลมทะเลที่พัดผ่านไปมาเบาๆทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายได้อย่างประหลาด

เขาพายเรือเลียบริมชายฝั่งของเกาะกลางน้ำก่อนจะยืนขึ้นและโยนดาบที่เขาพกติดตัวอยู่เป็นประจำให้ไปปักอยู่ที่พื้นดินซึ่งอยู่ไม่ไกลจากจุดที่เขานพเรือมาเทียบอยู่ เพื่อใช้ด้ามดาบเป็นที่ล่ามเรือ

แน่นอนว่าทันทีที่เฟิงอวิ๋นเค่อโยนดาบออกไปนั้น ดาบของเขาก็พุ่งเขาไปปักอยู่ในดินในเวลาแค่เพียงชั่วพริบตาเท่านั้น

เขามองไปยังดาบของตนครั้งหนึ่งอย่างพอใจก่อนจะจับเชือกที่อยู่ในเรือมันให้เป็นห่วงและโยนไปตรงที่ๆเขาได้ปักดาบเอาไว้ ซึ่งแน่นอนว่าเชือกที่เขาโยนนั้นลงได้พอดีกับด้ามดาบที่เขาได้โยนไปปักเอาไว้เมื่อตอนแรก

ทันทีที่เท้าทั้งสองข้าของเฟิงอวิ๋นเค่อเหยียบลงกับพื้นของเกาะกลางน้ำเขากลับต้องขมวดคิ้ว เมื่อรู้สึกได้ถึงความผิดปกติบางอย่างและกลิ่นคาวเลือด

ความผิดปกติที่ว่าอย่างแรกที่เห็นได้ชัดคือหิ่งห้อยที่ปกติมักจะบินเกาะอยู่ที่ต้นเหม่ยกับค่อยๆพากันบินลงไปที่ด้านหลังของต้นเหม่ยแทน แล้วอีกอย่างปกติหากเข้าใกล้ต้นเหม่ยในระยะที่เขากำลังยืนอยู่นี่จะต้องได้กลิ่นหอมของดอกเหม่ยได้อย่างชัดเจน ไม่ใช่ว่ามีกลิ่นเลือดปะปนมาด้วยกันกับกลิ่นดอกเหม่ยเช่นนี้

เขาก้าวเท้าเดินตรงไปยังด้านหลังของต้นเหม่ยหวังที่จะรู้ที่มาของความผิดปกติและคาวเลือดที่เขาได้กลิ่น เขาอยากรู้นักว่า เป็นมนุษย์หรือตัวอะไรกันแน่ที่บังอาจมาทำลายสถานที่ผ่อนคลายของเขา

เมื่อเฟิงอวิ๋นเค่อเดินไปหยุดอยู่ที่บริเวณด้านหลังของต้นเหม่ยเขาก็ต้องขมวดคิ้วด้วยความฉงนในใจอีกคราหนึ่ง เมื่อเหล่าหิ่งห้อยนั่นพากันเกาะอยู่ที่ร่างของมนุษย์ซึ่งเขายังไม่แน่นใจว่าเป็นชายหรือหญิงและเสียชีวิตแล้วหรือไม่

เนื่องจากพวกเหล่าหิ่งห้อยนั้นเกาะตามตัวของคนผู้นั้นจนแทบจะไม่มีพื้นที่เหลือให้เห็นได้ชัดนัก จนกระทั่งเขาเดินเข้าไปใกล้ร่างนั้นนั่นแหละ เหล่าฝูงหิ่งห้อยถึงได้พากันกระจายตัวออกจากร่างของคนผู้นั้น

ซึ่งเมื่อเขาได้เห็นใกล้ๆอีกครั้งเช่นนี้รวมไปถึงไม่มีฝูงหิ่งห้อยพวกนั้นคอยพรางตาจึงได้รู้ว่าเจ้าของร่างนี้คือสตรี

นางนอนคว่ำหน้าลงกับพื้นดินเขาจริงไม่สามารถรู้ได้ว่านางยังหายใจอยู่หรือไม่ เขาจึงจำต้องจับนางพลิกขึ้นมา ทันทีที่เขาจับนางพลิกขึ้นมานั่นก็เห็นว่าตามใบหน้าของนางนั้นเต็มไปด้วยเลือด ตามร่างกายเปียกชุ่มน้ำไปหมด

“เจ้าๆ”

เฟิงอวิ๋นเค่อเอ่ยเรียกนางจับชีพจรของนางดูก็พบว่าชีพจรของนางนั้นเต้นอ่อนยิ่งนัก

หากเขามาพบเข้าช้ากว่านี้นางคงกลายเป็นร่างไร้ลมหายใจไปแล้ว

เขาคิดในใจก่อนจะถอดเสื้อคลุมสีดำของเขามาใช้คลุมตัวนางก่อนจะอุ้มร่างใกล้จะหมดลมหายใจเต็มทีนี้ทะยานขึ้นเรือไป

ครั้งนี้เฟิงอวิ๋นเค่อไม่ได้พายเรือตามกระแสน้ำไปอย่างตอนที่พายมา เขาใช้กำลังพายในของตนนั้นในการเร่งความเร็วของเรือ จนกระทั่งเขามาถึงฝั่งได้เพียงในเวลาไม่ถึงหนึ่งก้านธูปด้วยซ้ำ

เมื่อถึงฝั่งเฉินอี้ที่รออยู่ที่ท่าเรือเมื่อเห็นว่านายท่านของตนนั้นแบกร่างของสตรีผู้หนึ่งเอาไว้และเหินทะยานขึ้นมาจากเรือโดยรีบร้อนไม่ทันได้ผูกเรือ ก็รีบเข้ามาหานายท่านของตนในทันที

“นายท่าน นายคือ” เฉินอี้เอ่ยถาม

“รีบไปตามหมอ ข้าจะกลับไปรอที่หอหมอกดำ”

เขาเอ่ยสั่งคนสนิทเสียงเรียบ นัยน์ตานั้นมองไปที่คนสนิทอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าใดนักที่อีกฝ่ายไม่ได้กลับไปรออยู่ที่หอหมอกดำตามที่ตนได้สั่งก่อนที่จะพายเรือออกไป

“ขอรับข้าน้อยทราบแล้ว” เฉินอี้นั้นรับคำสั่ง

เขามองนายท่านของตนที่รีบเหินทะยานกลับไปทางหอหมอกดำแล้วจึงได้รีบเหินทะทานเข้าไปทางหมู่บ้านที่อยู่อีกฟากหนึ่งแทนเพื่อหาท่านหมอสักคนจากในหมู่บ้านกลับไปที่หอหมอกดำ

ซึ่งแน่นอนว่าระหว่างทางเฉินอี้นั้นได้แต่ต้องเก็บความสงสัยเกี่ยวกับสตรีบาดเจ็บที่สามารถอยู่ในอ้อมแขนของนายท่านของเขาได้เช่นนั้น สตรีผู้นั้นต้องมีสิ่งใดสักอย่างนายท่านถึงได้จะช่วยชีวิตนาง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel