ตอนที่ 5 เริ่มต้น
ตอนที่ 5
เริ่มต้น
นางไม่รู้ว่าเป็นเวลากี่วันแล้วที่นางถูกพาตัวขึ้นมาที่เรือแห่งนี้ รู้เพียงว่าไม่น่าจะต่ำกว่าสามวันแล้ว
เมื่อครู่ตอนที่พวกมันนำอาหารมาให้ นางทำใจกล้าถามถึงเมี่ยวจือสาวใช้ของนางที่ไม่ได้ถูกจับมาด้วย ได้ความว่าเมี่ยวจือนั้นถูกทำร้ายและโยนลงน้ำไปก่อนที่พวกมันจะนำเรือออกจากฝั่งมา
ตอนได้ฟังนั้นนางยอมรับว่าเสียใจและใจหายเป็นอย่างมาก เมี่ยวจือต้องมาตายเพราะนาง เรื่องทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะนางเพียงคนเดียวที่ดื้อรั้นไม่เข้าเรื่อง
“ข้ารู้ว่าเจ้าคงจะเสียใจมาก แต่เจ้ารู้ใช่ไหมว่าหากเจ้ายังมัวแต่เสียใจอยู่เช่นนี้ ทั้งข้าและเจ้าอาจจะต้องตายกันหมด” ว่านอันหยี่นางพยายามที่จะเอ่ยเรียกสติสตรีตรงหน้า ที่ตั้งแต่ได้ข่าวของสาวใช้ของนางก็เอาแต่นั่งเงียบไม่ยอมพูดยอมจาสิ่งใด
ว่านอันหยี่อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา เมื่อเห็นว่าสิ่งที่นางได้เอ่ยไปมันช่างไร้ประโยชน์ เมื่อไป๋ชิงหนี่ว์นั้นก็ยังคงนั่งเงียบอยู่เช่นเดิมไม่มีเปลี่ยน
เสียงพูดคุย และเสียงสั่งการด้านนอกห้องที่พวกนางโดนขังอยู่ซึ่งเหมือนว่าจะดังผิดปกติทำให้พวกนางทั้งสองคนตื่นขึ้นมาด้วยความหวาดหวั่น
“พวกมันคงพาเรามาจวนจะถึงที่หมายของพวกมันแล้วกระมัง” ไป๋ชิงหนี่ว์เอ่ยขึ้นขณะที่ใบหูและใบหน้ายังแนบอยู่กับบานประตูห้อง
“หากเป็นเช่นนั้นจริงอีกไม่นานพวกมันต้องฆ่าข้าแน่” ว่านอันหยี่เอ่ยเสียงสั่น ในน้ำเสียงของนางแฝงเต็มไปด้วยความหวาดกลัวอย่างปิดไม่อยู่
ไม่ใช่นางไม่รู้ตัวเองว่าถูกกำหนดให้ตายมาตั้งแต่ถูกพาขึ้นเรือมาด้วย แต่ที่ไม่ฆ่าพร้อมสาวใช้ที่ชื่อเมี่ยวจือของไป๋ชิงหนี่ว์คงเพราะเกรงว่าจะเป็นการโจ่งแจ้งเกินไปหากถูกทางการพบศพที่เดียวถึงสองศพ พวกมันจึงตั้งใจจะฆ่านางไกลจากจุดเดิม
“พวกเราต้องรอด หากไม่รอดพวกเราก็มาตายด้วยกัน”
นางกุมมือของว่านอันหยี่แน่นพร้อมทั้งเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและจริงใจ
เมี่ยวจือต้องมาตายเพราะนางไปแล้วคนหนึ่ง นางจะไม่ยอมให้ผู้ใดต้องมาตายเพราะนางเป็นต้นเหตุอีก
ครึ่งชั่วยามต่อมาพวกนางถูกพาออกมาจากห้องพักภายในเรือ ซึ่งพอได้ออกมาสิ่งแรกที่พวกนางเห็นมีแต่หมอกเต็มไปหมด จนแทบจะมองสิ่งใดไม่เห็น
ยิ่งยามนี้เป็นตอนกลางคืนยิ่งทำให้มองเห็นได้อย่างยากลำบากเข้าไปอีก ถึงขั้นที่หากมองไปแม้จะรู้ได้ว่าตรงไหนเป็นจุดที่มีคนยืนอยู่แต่ก็จะเห็นเป็นเพียงรูปร่างของคนผู้นั้นผ่านหมอกก็เท่านั้น
นางและว่านอันหยี่ถูกดันให้นั่งคุกเข่าอยู่กับพื้นเรือ ก่อนที่จะมีคนผู้หนึ่งซึ่งหน้าจะเป็นหัวหน้าของพวกมันเดินเข้ามาหยุดอยู่เบื้องหน้าของพวกนาง
นางเห็นพวกมันมองใบหน้าของนางก่อนที่จะแสดงสีหน้าพอใจเป็นอย่างมากออกมา และพอหันไปมองที่ว่านอันหยี่ก็ขมวดคิ้วออกมาอย่างไม่พอใจนัก ก่อนจะเอ่ยสั่งกับลูกน้องของมันที่ยืนรอท่าอยู่ไม่ไกลนัก
“รีบกำจัดตัวไร้ประโยชน์ไปซะ”
สิ้นเสียงคำสั่งของผู้ที่เป็นหัวหน้า นางก็เห็นว่าหนึ่งในสองคนที่เป็นผู้พาตัวนางออกมา รีบตรงเข้ามากระชากแขนว่านอันหยี่ให้ลุกขึ้นก่อนที่จะพาไปใกล้ๆกับรั้วเรือ
“เจ้าปล่อยข้า”
เสียงว่านอันหยี่ที่ดังทะลุหมอกออกมาก็ทำให้ไป๋ชิงหนี่ว์ร้อนใจไปมากเลยทีเดียว นางไม่รอช้ารีบใช้จังหวะที่พวกมันคนอื่นๆซึ่งก็กำลังสนใจไปทางว่านอันหยี่เช่นเดียวกันนั้น รีบวิ่งไปทางที่นางจำได้ว่าว่านอันหยี่ถูกพาตัวไป
ทันทีที่นางวิ่งฝ่าหมกไป สิ่งที่เห็นคือว่านอันหยี่ที่ใบหน้ายามนี้ เต็มไปด้วยเลือดคงเป็นใครสักคนฝนลูกน้องของพวกมันที่เป็นคนทำร้ายนาง เสี่ยวนาทีหนึ่งที่สายตาของนางและว่านอันหยี่นั้นบังเอิญสบกันพอดี สายตานั้นของว่านอันหยี่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดทรมาน
“รีบจับนางเอาไว้ ข้าจะได้รีบลงมือให้มันจบๆไปเสียที”
นางได้ยินเสียงบุรุษผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น บุรุษผู้นั้นกำลังเดินตรงไปยังว่านอันหยี่โดยที่ในมือนั้นถือไม้พายอันหนึ่งมาด้วย เห็นดังนั้นนางก็ไม่รอช้าอีกต่อไป
นางรีบวิ่งเข้าไปหาว่านอันหยี่ในทันที จังหวะที่นางวิ่งไปถึงนั้นเป็นจังหวะเดียวกันที่บุรุษผู้นั้นเงื้อไม้พายขึ้นและกำลังจะฟาดลงไปที่ศีรษะของว่านอันหยี่พอดี
นางจึงใช้ตัวนางบังว่านอันหยี่เอาไว้ จนกระทั่งไม้พายนั้นฟาดลงมาที่ศีรษะของนางพอดี
ความเจ็บอย่างรุนแรงที่นางได้รับทำเอานางนั้นไม่สามารถทรงตัวได้อีก นางหงายหลังตกจากเรือทันที
ยามที่ร่างกายนางรู้สึกช้าไปหมดทั้งร่าง สติสัมปะชัญญะของนางก็หมดไปเมื่อร่างทั้งร่างจมลงสู่ใต้ท้องทะเล…
