ตอนที่2 ทำทุกอย่าง
“บอส?” ณิลินน์เปิดประตูห้องพักของเธอเข้ามาก็ตกใจกับร่างสูงของผู้เป็นนายที่นั่งไขว่ห้างดูดบุหรี่อยู่กลางห้องของเธอ
“ไปไหนมาล่ะ เลิกงานตั้งนานแล้วนี่” เสียงราบเรียบของผู้เป็นนายถามขึ้นโดยไม่ได้มองเจ้าของห้องเลยสักนิดซ้ำยังพ่นควันสีขาวขุ่นออกมาจากปากและจมูกของตัวเองราวกับนี่เป็นห้องของเขา
แต่ก็ไม่ผิดหรอกนะที่ว่านี่เป็นห้องของเขา ห้องที่เขายกให้เลขาส่วนตัวอย่างณิลินน์พักอาศัยอยู่เพื่อสะดวกกับการเรียกใช้งานและเลิกงานดึกๆ ดื่นๆ ในบางโอกาส ห้องขนาดห้าสิบตารางเมตรแต่กลับแบ่งสัดส่วนอย่างชัดเจนและได้รับการตกแต่งบิ้วอินครบครันทั้งเฟอร์นิเจอร์และเครื่องไฟฟ้าจนไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นห้องที่ยกให้พนักงานคนหนึ่ง
“บอสเข้ามาได้ยังไงคะ” แม้จะเป็นห้องของเขาแต่เพราะเขายกให้เธอพักอาศัยอยู่แล้วตั้งแต่วันแรกที่ทำงานด้วยกันนั่นก็ไม่น่าเป็นเหตุผลที่เขาจะเข้าออกที่นี่ตามใจตัวเองแบบนี้นะ
“เธอยังไม่ตอบฉันเลยว่าไปไหนมา” เว หรือ เวหา ไม่ได้ตอบแต่ย้อนถามคำถามที่เขาถามเธอออกไปก่อนหน้านี้และยังไม่ได้คำตอบ
“ฉันแวะซุปเปอร์มาเก็ตมาค่ะ...”
“แต่บอสไม่ควรเข้าออกห้องนี้ตามใจตัวเองแบบนี้นะคะ” ณิลินน์ตอบคำถามเขาพร้อมกับเดินเอาถุงในมือไปวางบนเคาน์เตอร์ครัวขนาดพอให้ทำอาหารได้แล้วบอกเขาอย่างไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่
ไม่พอใจกับการทำตัวแปลกมนุษย์ของเจ้านายเธอนั่นเอง
“งั้นไปอีกรอบ ซื้อเหล้ามาหน่อย” ไม่พูดเปล่าเขาคาบบุหรี่ไว้แล้วขยับตัวหยิบกระเป๋าเงินของตัวเองล้วงหยิบบัตรเครดิตสีดำใบหรูออกมาวางไว้บนโต๊ะตัวกลาง
“ทำไมบอสไม่ไปหาดื่มเองข้างนอกคะ” ณิลินน์ไม่ได้หยิบบัตรเครดิตขึ้นมาแต่กลับถามเขาขึ้นอย่างไม่เข้าใจการกระทำของเขาที่ทำให้เธอสงสัยและแปลกใจหลายต่อหลายครั้ง
“เร็วๆ ล่ะ” เหมือนเขาไม่ได้ยินคำถามของเธอก่อนจะเอ่ยปากสั่งออกมาอีกครั้งพร้อมกับพ่นควันบุหรี่ออกมาจนมันคลุ้งห้องไปหมด
“.....” ณิลินน์ถึงกับไปไม่เป็นในทีเดียว สุดท้ายก็ได้แต่ก้มไปหยิบบัตรสีดำใบหรูตรงหน้าแล้วเดินกระทืบเท้าแสดงออกอย่างไม่พอใจก่อนจะออกจากห้องไปอย่างทำอะไรไม่ได้
ชีวิตลูกคุณหนูคนหนึ่งที่เคยสุขสบายไม่ต้องทำอะไรแต่ต้องเปลี่ยนไปหลังจากครอบครัวเจอภาวะวิกฤตทางการเงินทั้งที่พยายามหาทางออกยังไงก็ไม่เจอจนทางออกสุดท้ายตกอยู่ที่ลูกสาวอย่างเธอ ลูกสาวที่ต้องแต่งงานกับผู้ชายที่ไม่ได้รักแลกกับเงินก้อนใหญ่ แต่ดันโชคร้ายถูกประจานคลิปลับที่แม้แต่เจ้าตัวอย่างเธอก็ไม่รู้ตัวมาก่อนว่าถูกแบล็คเมล์
สุดท้ายเงินก็ไม่ได้แถมยังต้องอับอายขายหน้าและถูกไล่ออกจากบ้าน แต่เส้นทางของเธอกลับไม่ได้ย่ำแย่แค่นั้น เมื่อเธอออกจากบ้านเพื่อหางานทำเกือบเดือนแต่กลับไม่มีที่ไหนรับเธอเลย ซึ่งวงการธุรกิจมันก็ไม่ได้ต่างจากวงการอื่นหรอก คอยตามข่าวคราวของกันและกันจนรับรู้เรื่องราวของอีกฝ่าย และก็เอาเรื่องนี้มาปิดกั้นอนาคตการทำงานของเธอ
เพียงแต่ในความโชคร้ายก็ยังพอมีความโชคดีอยู่บ้าง ความโชคดีที่เธอบังเอิญเจอเพื่อนสมัยเรียนแนะนำให้สมัครงานโชว์รูมรถนำเข้าแห่งหนึ่งและเธอก็ได้ลองดูก่อนผลจะเป็นอย่างที่เธอไม่คาดหวังเท่าไหร่
“พร้อมเริ่มงานวันไหนล่ะ” หลังจากสัมภาษณ์ไปไม่กี่คำถามฝ่ายบุคคลก็ถามขึ้น
“พร้อมทันทีค่ะ” ณิลินน์ที่ได้ยินคำถามนี้แทบไม่อยากเชื่อว่าตัวเองจะถูกรับทำงานแล้ว แต่ก็ไม่ได้ถามออกไปให้ดูตื่นเต้นแต่ตอบกลับอย่างมั่นใจ
“งั้นก็เริ่มพรุ่งนี้เลยแล้วกัน” พนักงานหญิงคนเดิมพูดขึ้น
“รับหนูเข้าทำงานแล้วเหรอคะ” สุดท้ายเธอก็อดถามไม่ได้เพราะคำถามที่ถูกถามมีแต่คำถามง่ายๆ ทั่วไปและไม่กี่คำถามด้วย
“ทำไม ไม่อยากทำเหรอ” ฝ่ายบุคคลถามกลับ
“เปล่าค่ะ หนูแค่ไม่คิดว่าจะรับเด็กไร้ประสบการณ์อย่างหนูง่ายขนาดนี้” ณิลินน์ตอบตามความคิดของตัวเอง
“ที่นี่ไม่ได้ติดเรื่องเด็กจบใหม่ไร้ประสบการณ์อะไรหรอกเพราะเรื่องแบบนี้มันสอนกันได้ ถ้าทุกที่คิดเหมือนกันหมดว่าต้องรับเฉพาะคนมีประสบการณ์แล้วเด็กจบใหม่จะได้โอกาสหาประสบการณ์จากไหนล่ะ จริงไหม” ฝ่ายบุคคลย้อนถามกลับไป
“ค่ะ” ณิลินน์ตอบรับอย่างไม่มีข้อโต้แย้งอะไร
“งั้นก็อ่านสัญญาและข้อตกลงให้เรียบร้อย อ่านแล้วก็เซ็นทุกหน้าล่ะ” ฝ่ายบุคคลพูดพร้อมกับหยิบสัญญาจ้างงานขึ้นมาให้กับหญิงสาวได้อ่าน
“ค่ะ” ณิลินน์ก็ไม่ได้รู้กฎระเบียบของแต่ละที่ว่าเหมือนหรือต่างกันยังไงจึงรับเอกสารตรงหน้ามาเพื่อเปิดอ่าน
“พี่สมรบอสเรียกค่ะ” แล้วประตูห้องก็เปิดออกพร้อมกับเสียงของพนักงานสาวคนหนึ่งดังขึ้น
“อ่านทำความเข้าใจไปนะ เดี๋ยวฉันมา” คนที่ถูกเรียกว่าพี่สมรหันมาพูดกับณิลินน์ก่อนจะลุกออกไปตามคำเรียกของพนักงานอีกคน
ณิลินน์จึงนั่งอ่านเอกสารตรงหน้าต่ออย่างท้อใจกับระเบียบและข้อควรรู้ต่างๆ ที่มันเยอะเหมือนกับต้องอ่านข้อตกลงเวลาทำธุรกรรมในธนาคารที่ทำมาเหมือนไม่อยากให้คนอ่านแล้วก็เซ็นรับทราบผ่านๆ ทั้งที่อะไรแบบนี้มันควรทำอย่างกระชับ เข้าใจง่าย และรวดเร็วในการทำความเข้าใจด้วยซ้ำ เพราะหากทุกคนอ่านกันหมดทุกบันทัดแบบนี้วันหนึ่งจะรับลูกค้าหรือทำธุรกรรมได้กี่คนกัน นี่ดีนะการสมัครงานไม่ได้รับทุกคนทุกวันเลยไม่เป็นปัญหาล้นโชว์รูมไปได้
แต่เพื่อไม่ให้มีข้อผิดพลาดณิลินน์ก็พยายามอ่านให้หมดทุกหน้า อ่านเพื่อให้เข้าใจจะได้ไม่ทำอะไรผิดเข้าได้ กระทั่งถึงหน้าสุดท้ายที่เธอพึ่งเริ่มได้สองบันทัดประตูห้องก็ถูกผลักออกมาพร้อมกับเสียงของพี่สมรที่ดังขึ้น
“เสร็จหรือยัง บอสอยากเจอพนักงานใหม่” พี่สมรพูดขึ้นติดจะเร่งรีบ
“เจอหนูเหรอคะ” ณิลินน์ถามอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมบอสต้องเจอพนักงานใหม่อย่างเธอด้วย
“ตอนนี้เธอยังไม่ได้ถูกจับลงแผนก บอสอยากลองคุยกับเธอดูว่าเหมาะกับส่วนไหน” พี่สมรบอกเหตุผลขึ้น
“อ๋อ ค่ะ” ณิลินน์ตอบรับอย่างเข้าใจ
“เสร็จหรือยังล่ะ บอสรออยู่” พี่สมรถามขึ้นอีกครั้ง
“ค่ะ เสร็จแล้วค่ะ” สุดท้ายเธอก็ตอบรับออกไปทั้งอย่างนั้นก่อนจะหันมาเซ็นลายมือชื่อของตัวเองในกระดาษแผ่นสุดท้ายโดยที่ยังอ่านไม่จบ โดยที่พึ่งอ่านไปเพียงสองบันแรกของหน้าเท่านั้น
เพราะแบบนั้นเธอจึงไม่รู้เลยว่าข้อความที่เหลือของกระดาษแผ่นนี้อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนในอนาคตของตัวเอง
“ตอนนี้ฉันต้องการเลขาส่วนตัว เธอมารับหน้าที่นี้ก็แล้วกัน” ผู้เป็นเจ้านายบอกสิ่งที่ต้องการออกมาอย่างไม่ให้เสียเวลาหลังจากเธอมาถึงห้องของเขา
“เลขาส่วนตัว ต้องทำอะไรบ้างคะ” ณิลินน์ถามด้วยความอยากรู้ถึงหน้าที่ในตำแหน่งนี้ ตำแหน่งที่ไม่คิดว่าตัวเองจะต้องมาทำ
และ...
“ทำทุกอย่าง ตามความต้องการของฉัน”
และนี่ก็เป็นเหตุลที่ทำให้ตลอดเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมาจนตอนนี้เธอกลับต้องมาเป็นลูกน้องคนอื่นและต้องทำตามคำสั่งของคนอื่นอย่างไร้ข้อกังขา
