บท
ตั้งค่า

บทที่ 29 สาวสวยพลังไฟฟ้า

โอ๊คที่ออกจากเกมมาก็ถอดหมวกเบรนแคปออก และลุกขึ้นไปล้างหน้าตาล้างตา จากนั้นเขาก็เข้าครัวทำข้าวกลางวันกิน หลังจากนั้นก็กลับไปเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อหาข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับการเปลี่ยนอาชีพ

ในเกม Fate Online นั้นมีอาชีพให้เลือกเล่นมากมาย เพียงแต่ว่าต้องมีเงื่อนไขตรงจึงสามารถรับภารกิจเปลี่ยนอาชีพนั้นๆ ได้ เขาอ่านข้อมูลของสายอาชีพที่นักดาบสามารถเปลี่ยนได้ซึ่งมีอยู่หลายอาชีพ แต่เขาก็มีอาชีพที่สนใจอยู่แล้ว ถึงแม้เท่าที่ดูมามันจะอาชีพที่เงื่อนไขในการเปลี่ยนยากที่สุดเลยก็ว่าได้

จากนั้นเขายังดูเนื้อหาเกี่ยวกับเผ่าพันธุ์ ในเกมมีเผ่าพันธุ์ให้เปลี่ยนจำนวนมาก เพื่อสนับสนุนอาชีพที่ตัวเองเล่นได้อย่างอิสระ โดยเงื่อนไขและภารกิจนั้นสอบถามได้ที่อาคารภารกิจเป็นส่วนใหญ่ ยกเว้นเผ่าพิเศษหรือหายากที่ต้องค้นหาเอาเอง เหมือนเขาที่ตอนนี้ได้เผ่าพันธุ์ยมทูตที่สาบสูญมา ซึ่งเป็นไปได้ว่ายังไม่มีใครได้เผ่าพันธุ์นี้มา เพราะในกระดานข่าวสารไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับเผ่าพันธุ์ที่เขาได้รับมาเลย มีเพียงข้อมูลของเผ่ายมทูตอยู่บ้างเล็กน้อย

จากนั้นโอ๊คก็หาข้อมูลพื้นที่ที่จะเก็บระดับต่อ เขาพบว่าถ้าเดินทางไปเมืองอัลเคียหรือมาเทียที่อยู่ทางตะวันออกของเมืองฮาร์เบอร์จะพบกับแหล่งเก็บระดับสำหรับพวกที่ระดับ 50 ขึ้นไป และที่เมืองอัลเคียกับมาเทียยังไปรับภารกิจเปลี่ยนอาชีพขั้นที่สองได้อีกด้วย

ส่วนสัตว์อสูรนั้นเขาพบว่าพวกตั้งแต่ระดับ 50 ขึ้นไปมีความสามารถที่สูงกว่าระดับ 49 ลงมาอยู่มากพอสมควร และจำนวนของพวกมันก็ไม่เยอะเท่าด้วย เขาจึงคิดว่าจะหาพวกสัตว์อสูรเก่งๆ สู้ทีละตัว เน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ ดีกว่าการที่จะไปหาเก็บระดับกับสัตว์อสูรระดับต่ำกว่าเป็นจำนวนมากๆ

สถานที่เก็บระดับขึ้นชื่อของเมืองมาเทียคือหุบเขาแฟรี่ เป็นหุบเขาที่มีภูเขาสูงปิดล้อมทุกด้าน มีทางเข้าอยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ติดกับเมือง มีสัตว์อสูรจำพวกภูติและวิญญาณระดับ 60 - 70 อาศัยอยู่ ส่วนของเมืองอัลเคียคือบึงมรณะ มีลักษณะเป็นบึงน้ำท่วมขังไม่สูงนักสลับกับที่ดอน และมีสัตว์อสูรจำพวกสัตว์เลื้อยคลานจำพวกกบ จระเข้และอันเดธระดับ 51 - 55 อาศัยอยู่ หลังจากดูข้อมูลเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย โอ๊คก็ลองโทรหาพี่ชายของเขาดู ถึงแม้ตอนนี้ที่อเมริกาจะเป็นกลางคืน แต่เขารู้ว่าพี่ชายทำงานตลอดเวลา

“สวัสดีครับพี่ คุยได้หรือเปล่า” โอ๊คถามพี่ชาย

“ได้สิ ว่ามาเลย” โอมตอบ

“คือผม...” โอ๊คเล่าเรื่องการผจญภัยต่างๆในเกมที่เกิดขึ้นให้พี่ชายฟัง ซึ่งพี่ชายก็อุทานเป็นระยะๆ

“ใช้ได้เลยนี่เรา แล้วนี่จะทำยังไงต่อล่ะ” โอมถาม

“คิดว่าคงต้องเปลี่ยนอาชีพก่อนน่ะครับ ว่าแต่พี่รู้อะไรเกี่ยวกับอาวุธวิญญาณบ้างไหม?” โอ๊คถามด้วยความหวัง

“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันนะ มันเป็นสิ่งที่เครื่องเซิฟเวอร์กำหนดเองน่ะ แต่พี่คิดว่านายจะได้รู้ชื่อของมัน แน่ๆ ที่พี่รู้ก็คืออาวุธพวกนี้น่ะ ถ้ารู้ชื่อและใช้พลังได้ล่ะก็ มันจะเป็นพลังที่สุดยอดเลย” โอมบอก

โอ๊คอุทานด้วยความดีใจ “อย่างนั้นเชียวหรือพี่!!” จากนั้นเขาก็คุยกับพี่ชายต่ออีกสักพักใหญ่ จากนั้นก็กลับเข้าเกมไปอีกครั้ง

หลังจากเข้าเกมมา ราดิชก็พบกว่าตัวเองอยู่ที่ตรอกข้างอาคารภารกิจเหมือนเดิม เขาตัดสินใจไปร้านขายเสื้อผ้าก่อน เพื่อหาชุดแฟนซีที่ดูดีกว่าชุดที่สวมอยู่ใส่ โดยปกติแล้วชุดแฟนซีนั้นจะไม่มีค่าพลังป้องกันอะไร และส่วนใหญ่จะเน้นสวยงามมากกว่า เหมือนกับชุดของอาธูเรีย แต่มันมีข้อดีคือชุดพวกนี้ซ่อมแซมตัวเองได้ ส่วนมากมักนิยมใช้เพื่อปกปิดอุปกรณ์ป้องกันบางอย่างที่สวมใส่อยู่

เขาออกเดินไปตามถนน ตอนนี้เป็นเวลาเกือบเที่ยงในเกมแล้ว มีผู้คนเดินจับจ่ายซื้อของอยู่เป็นจำนวนมาก และสิ่งที่เขาได้ยินผู้คนคุยกันนั้นก็คาดไว้ไม่ผิด นั่นก็คือเรื่องที่กิลด์ม้าดำและม้าแดงที่โดนเขาสังหารตายไปเกือบสามร้อยคนที่ทุ่งมรณะ ข่าวนี้เป็นข่าวที่คนในเมืองนี้พูดกันไม่ขาดปากเหมือนไฟลามทุ่ง

ราดิชที่ตอนนี้ใส่แว่นกันแดดสีดำนั้น ถ้าไม่ใช่คนที่เคยเจอหน้ามาก่อนไม่มีทางจำได้แน่นอน และไม่มีใครตรวจสอบชื่อเขาได้ นอกจากสัตว์อสูรระดับสูงหรือ NPC ของระบบเท่านั้น

เมื่อเขามาถึงร้านขายเสื้อผ้า เจ้าของร้านเห็นราดิชเข้ามาจึงเดินมาต้อนรับ

“รับชุดแบบไหนดีครับคุณลูกค้า” เจ้าของของร้านกล่าวทักทาย พลางพาราดิชไปดูชุดที่วางโชว์อยู่

“ขอชุดแฟนซีเป็นเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงสแล็คสีดำ แล้วก็รองเท้าผ้าใบก็แล้วกันครับ” ราดิชบอกชุดที่ต้องการไป ทางเจ้าของร้านก็หายไปพักหนึ่งก็ได้ของที่ราดิชต้องการมาครบเซต

“ผมลดให้เหลือ 100,000G พอดีก็แล้วกันครับ” เจ้าของร้านบอกแล้วยื่นชุดที่ใส่ถุงเรียบร้อยแล้วมาให้ ราดิชจ่ายเงินและรับของมา เขาหยิบออกมาดูก็พอใจมาก และสวมใส่ชุดใหม่ทันที ตอนนี้เขาอยู่ในชุดเสื้อขาวกางเกงดำแทน

ราดิชกล่าวลาเจ้าของร้านและออกจากร้านขายเสื้อผ้ามา จากนั้นก็เดินทางต่อไปยังร้านขายยาเพื่อซื้อยาฟื้นพลัง เขาซื้อมาเป็นจำนวนมากนับหมื่นขวดเลยทีเดียว และยังซื้อเชือกยาวมาอีกหนึ่งเส้นเพื่อมัดไว้กับดาบ และสะพายไว้ที่หลัง ทำให้ตอนนี้เขาเหมือนพวกเด็กช่างกลสะพายดาบยังไงก็ไม่รู้

ราดิชแวะเข้าไปที่ภัตตาคารประจำเมือง เมื่อได้ที่นั่งเรียบร้อยเขาก็สั่งอาหารหลายชุดเหมือนปกติ โดยมีปิกามอนออกจากแหวนมานั่งกินกับเขาด้วย ระหว่างที่ทั้งสองกำลังรออาหารนั้นก็ได้ยินบทสนทนาของโต๊ะข้างๆ เกี่ยวกับตัวเขาเข้าพอดี

“นี่แกได้ข่าวเรื่องกิลด์ม้าดำกับม้าแดงเกือบสามร้อยคนที่ว่าโดนผู้เล่นคนเดียวฆ่าตายหรือเปล่า” ผู้เล่นคนหนึ่งในกลุ่มพูดขึ้น

“ได้ยินมาเหมือนกัน เห็นเขาว่าคนคนนั้นคือราดิชที่จัดการกับลิเวียธานได้น่ะ” ผู้เล่นอีกคนหนึ่งบอก

“แต่ว่าคนสามร้อยคนนั่นเกือบทั้งหมดระดับเกิน 50 ไปแล้ว แถมบางคนได้อาชีพขั้นสองแล้วด้วยนี่นา” อีกเสียงหนึ่งแสดงความเห็น

“ก็ใช่นะ แล้วหัวหน้าของทั้งสองกิลด์ก็ระดับมากกว่า 60 แล้วด้วย แสดงว่าราดิชต้องมีไอเทมระดับสูง หรือไม่ก็มีทักษะพิเศษที่มีพลังโจมตีสูงมากแน่ๆ” ผู้เล่นคนหนึ่งบอก

“ข้ายังได้ข่าวมาอีกว่าพวกที่ตายแล้วกลับมาเกิดใหม่น่ะ ทุกคนอยู่ในสภาพที่หวาดผวาสุดๆ แค่ได้ยินชื่อราดิชก็แทบจะร้องไห้แล้ว แถมปกติถ้าเราตายก็รอเกิดแค่สองชั่วโมง แต่พวกนั้นน่ะรอเกิดถึง 24 ชั่วโมงเลยนะ ข้าว่าราดิชต้องมีทักษะโกงๆ แน่เลยว่ะ” อีกคนหนึ่งบอก

“นั่นสิ บลาๆๆ” ผู้เล่นพวกนั้นเริ่มใส่สีตีไข่กันใหญ่ ทำให้ข่าวตอนนี้ออกมากลายเป็นว่าราดิชนั้นกลายเป็นผู้เล่นสุดโหดเหี้ยมและแข็งแกร่งมากๆ ไปเสียอย่างนั้น แถมยังมีข่าวลือว่าเขามีทักษะที่ทำให้คนหวาดกลัวและกำหนดเวลาตายได้อีกออกมา

“ข้าว่าเจ้านายปลอมตัวแบบนี้ก็ดีนะ ยังไงเจ้าพวกนั้นอาจมาหาเรื่องเจ้านายอีกก็ได้” ปิกามอนเสนอความคิดเห็น

“ฉันก็ว่าแบบนั้นนะ แต่ยังไงถ้าเราเจอคนเดือดร้อนก็ช่วยเท่าที่ช่วยได้นั่นแหละ” ราดิชตอบและเริ่มปลงกับชีวิต พอดีอาหารที่สั่งมาถึง เขาก็ลงมือจัดการอาหารบนโต๊ะกับปิกามอนอย่างเอร็ดอร่อย หลังจากออกจากภัตตาคาร เขาก็ต้องอุ้มเจ้าปิกามอนไปด้วยเพราะมันไม่ยอมเดินเอง เขาเดินออกมาและมองซ้ายมองขวา ก็คิดว่าจะเดินเที่ยวดูสินค้าต่างๆ ก่อนก็แล้วกัน

ราดิชเดินชมตลาดไปเรื่อยๆ ก็พบว่ามีสินค้าหลายอย่างที่น่าสนใจ อย่างเช่นน้ำยาที่ช่วยเพิ่มความสามารถของร่างกายอย่าง น้ำยาเบอร์เซิร์ก ที่กินแล้วจะเพิ่มค่าสถานะทุกอย่าง 20% เป็นเวลา 30 นาทีหรือน้ำยาที่เพิ่มความเร็วในการโจมตีและการเคลื่อนที่ และอีกหลายๆ รูปแบบ แต่เขาซื้อมาแค่น้ำยาพิ๊กซี่ที่เพิ่มความสดชื่นมาหลายสิบขวด เพราะเห็นว่ามันมีประโยชน์ที่สุด

หลังจากนั้นเขาก็เดินดูตลาดต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งไปพบกลุ่มชายฉกรรจ์นับสิบคนที่กำลังรุมล้อมคนคนหนึ่งอยู่ในตรอกข้างทาง เขาจึงลองแวะเข้าไปดู ก็พบว่าพวกมันกำลังล้อมผู้หญิงคนหนึ่งที่แต่งตัวเป็นเด็กนักเรียนใส่กระโปรงสั้น เธอมีผมสั้นสีน้ำตาลดูทะมัดทะแมง หน้าตาของเธอจัดว่าสวยน่ารักอยู่มากเหมือนกัน

“ว่าไงน้องสาว ไปนั่งกินข้าวกับพวกพี่หน่อยได้หรือเปล่า” ชายหน้าบากคนหนึ่งในกลุ่มของพวกมันบอกพร้อมทำหน้าตาลามก

“แหมพี่ชายก็ เพิ่งจะเจอหน้ากันก็ชวนไปกินข้าวเลยเหรอ เรายังไม่รู้จักกันสักหน่อย” ผู้หญิงคนนั้นตอบ

“แหมๆ ไม่เป็นไรหรอก ไปกินข้าวกับพวกพี่ก็รู้จักกันแล้ว” ผู้เล่นที่ดูท่าทางเป็นหัวหน้ากลุ่มบอกด้วยน้ำเสียงหื่นๆ พร้อมเข้าไปดึงแขนหญิงสาว

“ไม่เอาหรอก ปล่อยนะพี่ชาย” เธอพยายามขืนตัวไม่ไปตามแรงดึง ราดิชที่เห็นเหตุการณ์ก็สังเกตว่าพวกผู้เล่นกลุ่มนี้มีสัญลักษณ์ของกิลด์ม้าดำ และเป็นพวกที่เคยทำร้ายเขานั่นเอง เมื่อเห็นดังนั้นเขาก็ให้ปิกามอนกลับเข้าแหวน จากนั้นก็ดีดตัวขึ้นกลางอากาศและร่อนลงไปยืนกลางวง แยกชายหน้าบากและหญิงสาวคนนั้นออกจากกัน และใช้ตัวบังหญิงสาวไว้

ราดิชเอ่ยเสียงเข้ม “ผมว่าพวกคุณปล่อยเธอไปดีกว่านะครับ ผู้หญิงเขาไม่เต็มใจจะไปด้วยแล้วยังไปบังคับอีก” และทำให้พวกมันทั้งหมดรู้ว่ามีคนเข้ามายุ่งกับเรื่องที่มันทำ

“เฮ้ย!! แกเป็นใครวะ มายุ่งเรื่องชาวบ้านเขาทำไม ไม่รู้เหรอไงว่าข้าเป็นคนของกิลด์ม้าดำ ถึงได้ไม่กลัวตายมาขวางทางข้าแบบนี้” ชายหน้าบากที่โดนขัดขวางขู่ขึ้น

“ก็รู้นะสิว่าเป็นคนของกิลด์ม้าดำ แล้วมันจะทำไมล่ะ” ราดิชตอบ พร้อมปล่อยจิตสังหารเข้าใส่พวกอันธพาลอย่างรุนแรง โดยที่ไม่ให้ไปโดนผู้หญิงคนนั้น ที่เขาทำได้แบบนี้เพราะทักษะติดตัวของเผ่าพันธุ์นั่นเอง

‘บ้าน่า แรงกดดันอะไรนี่ เจ้าคนนี้มันเป็นใครกัน’ ชายหน้าบากคิดในใจ

“ลูกพี่ ผมจำได้แล้ว มันคือราดิชที่ฆ่าพวกคนของกิลด์เรารวมทั้งหัวหน้าคาเครุไปไง” ผู้เล่นคนหนึ่งซึ่งเคยอยู่ในกลุ่มคนที่ปิดล้อมราดิชนึกขึ้นได้ และบอกลูกพี่ของมัน

“ซวยแล้วงานนี้” ชายหน้าบากพูดกับลูกน้อง มันได้ยินเรื่องราวของราดิชจากเพื่อนในกิลด์มามาก ทำให้รู้ว่าคนคนนี้มีฝีมือร้ายกาจ พวกมันไม่ใช่คู่ต่อสู้อย่างแน่นอน แต่ในขณะที่ราดิชเตรียมเอื้อมมือไปชักดาบ ทว่าหญิงสาวที่ราดิชช่วยเอาไว้นั้นก็เอามือจับบ่าของเขาไว้ และยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ

“นี่นาย ไม่ต้องมาช่วยฉันก็ได้นะ เสียเวลาจริงๆ ฉันกะว่าจะเชือดพวกมันทิ้งอยู่พอดี ถ้านายไม่มาขวางไว้ก่อนน่ะ” เธอพูดกับราดิชด้วยน้ำเสียงที่โมโหพอสมควร ราวกับว่ามีคนมาขัดความสุขอย่างนั้นแหละ

“หา เธอว่าอะไรนะ” ราดิชถามด้วยความงุนงง เธอปล่อยมือจากบ่าราดิชแล้วถอยไปข้างหลัง ราดิชสังเกตเห็นว่ามีกระแสไฟฟ้าเริ่มวิ่งพล่านไปทั่วตัวเธอ ทันใดนั้นเองก็เกิดวงเวทสีส้มนับสิบอันปรากฏขึ้นที่ข้างหลังของหญิงสาว

“นายที่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน ก็ป่นไปพร้อมเจ้าพวกนี้เสียเถอะ” เธอบอกราดิช พร้อมกับที่สายฟ้านับสิบถูกยิงออกมาโดยมีเป้าหมายที่เขาและกลุ่มชายฉกรรจ์ ราดิชเห็นท่าไม่ดีจึงใช้ก้าวพริบตาหลบออกมาอย่างหวุดหวิด

ตูม! ตูม!! ตูม!!

เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวพร้อมฝุ่นควันจำนวนมาก ราดิชที่ถอยออกมาได้ทันมองกลับเข้าไปยังกลุ่มควันก็พบว่าชายฉกรรจ์กลุ่มนั้นหายไปแล้ว แถมพื้นตรงที่พวกนั้นอยู่ก็กลายเป็นหลุมลึกจากการระเบิดอย่างรุนแรง พอฝุ่นเริ่มจางผู้หญิงคนนั้นก็เดินออกมา และพบว่าราดิชยังมีชีวิตอยู่ ทำให้เธอแปลกใจมาก

“นี่นายยังรอดอยู่เหรอ แถมไม่เป็นอะไรเลยด้วย ชิ!! คนยิ่งอารมณ์ไม่ดีอยู่ เอานี่ไปกินละกัน” เธอว่าและยิงเวทสายฟ้าใส่เขาอีกหลายลูก ทางราดิชก็ใช้ก้าวพริบตาหลบออกมา ที่เขาไม่ตอบโต้เพราะการโจมตีนี้ไม่ได้แฝงจิตสังหารแม้แต่น้อย เขาคิดว่าเธอแค่อารมณ์ไม่ดีเท่านั้นเอง จึงได้แต่หลบไปมา ตอนนี้พื้นที่แถวนั้นกลายเป็นหลุมเป็นบ่อจากการโจมตีเต็มไปหมด

“หลบเก่งนักใช่ไหม แบบนี้ล่ะ” เธอส่งสายฟ้าเข้าโจมตีราดิชมากขึ้น ตอนนี้สายฟ้าจำนวนมากพุ่งเข้าใส่ราดิชหลายทิศทาง ทำให้เขาไม่มีทางเลือกต้องชักดาบออกมาและวาดดาบออกไปเพื่อป้องกันตัว

ทักษะหมื่นกระบี่รวมหนึ่ง กงล้อกระบี่!!

กระบี่ไร้สภาพนับพันแผ่ออกป้องกันราดิชจากสายฟ้า การปะทะเกิดขึ้นอย่างรุนแรง เขาอาศัยจังหวะนั้นใช้ก้าวพริบตาหนีออกมาจากที่นั่นด้วยความรวดเร็ว หลังจากการปะทะเสร็จสิ้น เหลือแต่ผู้หญิงคนนั้นที่อยู่ที่นั่น

“หายไปไหนแล้วเนี่ย แต่รู้สึกว่าจะป้องกันการโจมตีของฉันได้ เขาเป็นใครกันแน่นะ?” เธอบ่น และออกจากตรอกแห่งนั้น ขณะเดินกลับก็มีเสียงสัญญาณการติดต่อเข้ามาดังขึ้น เธอจึงรับสาย

“ว่าไงซากุระ ว่าแต่เธอทำอะไรอยู่เนี่ย ฉันมาถึงเมืองฮาร์เบอร์ตั้งนานแล้วนะ” เธอถามไปยังอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

“ขอโทษทีมิคัง พอดีของที่ฉันสั่งซื้อไว้มันมาถึงช้าน่ะ เอาเป็นว่าเราไปเจอกันที่ภัตตาคารประจำเมืองก็แล้วกันนะ” ซากุระบอกที่นัดหมาย

“เอาแบบนั้นก็ได้ แต่เธอต้องเลี้ยงฉันนะ ตอนนี้ฉันอารมณ์เสียสุดๆ เลย” มิคังบอก

“มีเรื่องอะไรเหรอ” ซากุระถามกลับ

“เรื่องไอ้บ้าที่ชอบผดุงคุณธรรมคนหนึ่งน่ะ เดี๋ยวมาเจอกันแล้วจะเล่าให้ฟัง แค่นี้ก่อนนะ” มิคังบอกและตัดการติดต่อไป จากนั้นก็ออกเดินไปที่ภัตตาคารตามที่นัดไว้ แต่ในใจยังคิดถึงเรื่องของราดิชอยู่ไม่หาย ทางด้านราดิชที่หลบรอดมาได้นั้น ตอนนี้แอบอยู่ไม่ไกลจากตรอกนั้นเท่าไร เขารอจนหญิงสาวที่ชื่อมิคังเดินจากไปเขาจึงออกมาจากที่ซ่อน

“เดาอารมณ์ผู้หญิงไม่ออกจริงๆ ไม่รู้อยู่ในอารมณ์ไหนกันแน่ เฮ้อ” ราดิชถอนหายใจเบาๆ และเริ่มออกเดินเที่ยวต่อ แต่ในขณะที่เดินต่อไปได้สักพักก็มีสัญญาณติดต่อเข้ามา ปรากฏว่าเป็นคูลแมน

“สวัสดีน้องคูลแมน สบายดีหรือเปล่าเรา” ราดิชกล่าวทักทาย

“สวัสดีครับพี่ ผมก็สบายดีแหละครับ พอดีติดต่อมาบอกพี่ว่าตอนนี้ผมระดับ 30 แล้ว ตอนนี้ผมเดินทางออกจากเกาะเริ่มต้นมาที่เมืองฮาร์เบอร์แล้วน่ะครับ” คูลแมนบอก

“พี่ก็อยู่เมืองนี้เหมือนกัน เราอยู่ตรงไหนแล้ว มาเจอกันที่ลานกลางเมืองแล้วกัน ตกลงไหม” ราดิชเสนอแนะสถานที่

“ได้เลยครับพี่ เจอกันที่ลานกลางเมืองนะครับ” คูลแมนกล่าวตกลง และตัดการติดต่อไป ส่วนทางด้านราดิชก็ออกเดินไปยังลานกลางเมืองตามที่นัดไว้ เมื่อมาถึงก็พบคูลแมนคอยอยู่ก่อนแล้ว ราดิชจึงเดินเข้าไปหา

“สวัสดีครับพี่ ว่าแต่ทำไมพี่แต่งตัวแบบนี้ล่ะ” คูลแมนที่ใส่ชุดเกราะระดับ C ถามราดิชที่แต่งตัวเหมือนพวกเด็กนักเรียนช่างกล แถมสะพายดาบอีก และไหนจะแว่นตาสุดแสนจะเท่นั่นอีก

“มันเป็นการปลอมตัวน่ะ คนอื่นจะได้ไม่รู้ว่าเราเป็นอะไรไง อ่อ พี่มีของจะให้ด้วยนะ” ราดิชบอก แล้วเปิดหน้าต่างไอเทม หยิบชุดเกราะเหล็กน้ำเงินออกมาและยื่นให้คูลแมน

“ให้ผมเหรอพี่ จะดีเหรอครับ มันแพงมากเลยนะ” คูลแมนพยายามส่งชุดเกราะคืนราดิช แต่เขายกมือห้ามไว้

“ไม่เป็นไรหรอก พี่ให้เราเพราะเห็นว่าเป็นน้องของพี่น่ะ รับไว้เถอะ อย่างน้อยมันก็ยังใช้ประโยชน์ได้” ราดิชชี้แจงเหตุผล

“ขอบคุณมากครับพี่” คูลแมนกล่าวขอบคุณ และเปลี่ยนมาใส่ชุดเกราะเหล็กน้ำเงินแทนของเก่าทันที

“ว่าแต่เราเปลี่ยนอาชีพเป็นนักรบแล้วใช่ไหม เป็นยังไงบ้างล่ะ” ราดิชถาม หลังจากที่คูลแมนเอากระจกขึ้นมาส่องดูว่าตัวเองในชุดเกราะใหม่หล่อขึ้นแค่ไหน

“ดีครับพี่ ทักษะของนักรบมันสนับสนุนอาวุธทุกชนิดเลยครับ แล้วก็มีทักษะที่ช่วยเพิ่มพลังโจมตีด้วย ทำให้เก็บระดับได้ง่ายกว่าเดิมมากเลยครับ” คูลแมนตอบอย่างมั่นใจ

“เราไปหาที่นั่งคุยกันดีกว่า ตอนเดินผ่านมาพี่เห็นร้านกาแฟที่ผู้เล่นเปิดบริการเองอยู่ร้านหนึ่ง ตกแต่งได้น่ารักมาก ไปที่นั่นกันเถอะ” ราดิชบอกและออกเดินนำ โดยมีคูลแมนตามมาติดๆ พวกเขาเดินกันไปตามถนนใหญ่ จนพบร้านกาแฟร้านหนึ่งที่ตกแต่งด้วยตุ๊กตารูปสัตว์ต่างๆ ดูน่ารัก พวกเขาเข้าไปในร้านนั้น มีพนักงานเข้ามารับเมนู ราดิชก็สั่งกาแฟคาปูชิโน ส่วนคูลแมนขอเป็นชาเขียวเย็นเจี๊ยบ ระหว่างรอก็นั่งคุยกันฆ่าเวลา

“แล้วพี่ราดิชระดับเท่าไรแล้วหรือครับ” คูลแมนเริ่มบทสนทนาก่อน

“49 แล้วแหละ เดี๋ยวพอ 50 พี่ก็เปลี่ยนอาชีพขั้นสองแล้ว” ราดิชตอบคำถามของน้อง

“โห สุดยอดเลยพี่ ตอนนี้ผม 30 พอดีเลย พี่มีที่เก็บระดับดีๆ แนะนำผมหรือเปล่าครับ” คูลแมนถามราดิชตาเป็นประกาย

ราดิชบอกเท่าที่เขารู้ “ถ้าอยากเล่นคนเดียวก็ทุ่งหญ้าหน้าเมืองน่ะ มีพวกเห็ดยักษ์ระดับ 35 พอระดับ 40 จะไปดินแดนร้างหรือทุ่งมรณะก็ได้ พวกนี้เก็บได้ถึงระดับ 50 พอดี”

“ครับผม ว่าแต่พี่มีธุระไปไหนหรือเปล่าครับ ผมว่าจะออกไปนอกเมืองแล้วจะชวนพี่ไปด้วยน่ะ” คูลแมนเอ่ยถามราดิชอย่างมีความหวัง

ราดิชหยุดคิดไปสักพักก็ตอบคูลแมนว่า “พอดีพี่มีธุระนิดหน่อยนะ เอาอย่างนี้สิ ถ้าเราเก็บระดับถึง 40 แล้ว พอพี่ทำธุระเสร็จเราไปผจญภัยด้วยกันเอาไหม”

“จริงหรือครับพี่ ขอบคุณมากเลยครับ” คูลแมนบอก แล้วทั้งสองก็นั่งทานกาแฟกับชาเขียวอย่างสบายอารมณ์พลางพูดคุยกันไปเรื่อย จนเวลาผ่านไปสักพัก ทั้งสองก็แยกทางกัน โดยคูลแมนจะออกไปเก็บระดับนอกเมือง ส่วนราดิชหลังออกจากร้านกาแฟก็หาตรอกลับตาคนแถวนั้น และใช้บัตรวาร์ปไปกระท่อมของอู๋หมิงในทันที

เมื่อราดิชมาถึงกระท่อมของอู๋หมิง ก็พบว่าที่หน้ากระท่อมไม่มีคนอยู่ เขาถอดแว่นออกและเดินเข้าไปในกระท่อมก็พบอาจารย์กำลังปรุงยาอยู่

“ลูกศิษย์ของข้า ลมอะไรหอบเจ้ามาที่นี่ล่ะ” อู๋หมิงพูดขึ้นโดยไม่ได้หันมามอง

“ตอนนี้ผมสามารถผนึกพลังได้ในเสี้ยววินาทีแล้วน่ะครับ แล้วก็มีเรื่องมาเล่าให้อาจารย์ฟังมากมายเลยด้วย” ราดิชบอกอาจารย์ของเขา

“เจ้าไปรอหน้ากระท่อมก่อน ข้าปรุงยาเสร็จเดี๋ยวตามออกไป” อู๋หมิงหันกลับมาและพูดขึ้น ราดิชก็กลับไปรอที่หน้ากระท่อม หลังจากอู๋หมิงทำยาเสร็จก็ออกมาพบราดิชที่รออยู่

“ไหนมีเรื่องอะไรบ้าง” อู๋หมิงถามราดิช ราดิชปล่อยปิกามอนออกมา จากนั้นก็เล่าเรื่องการผจญภัยตั้งแต่ออกจากเกาะเริ่มต้นให้อาจารย์ฟัง พร้อมทั้งปลดดาบวิญญาณออกมาให้อาจารย์ดู

“ดาบคาตานะของญี่ปุ่นเหรอเนี่ย” อู๋หมิงรับดาบมาจากราดิช ลองชักออกมาพิจารณาดูอย่างถี่ถ้วนและกล่าวกับราดิชอีกว่า “ดาบดีนะนี่ เท่าที่ข้ารู้พวกอาวุธวิญญาณจะเกี่ยวพันกับเจ้าของ การที่ดาบของเจ้ามีลักษณะที่ดีแบบนี้ บ่งบอกถึงตัวเจ้าได้เป็นอย่างดี”

“จริงหรือครับอาจารย์ พอดีผมจะมาให้อาจารย์สอนวิธีใช้ที่ถูกต้องของดาบประเภทนี้น่ะครับ ผมรู้สึกว่าใช้จับฟันสองมือได้ดี แต่ปกติผมใช้มือเดียวตลอดน่ะ” ราดิชบอกวิธีการที่เขาใช้ดาบเล่มนี้มา

“อืม...ถ้าอย่างนั้นเรามาเริ่มกันเลย” อู๋หมิงบอก แล้วก็เริ่มสอนวิธีการใช้ดาบประเภทนี้อย่างถูกต้องให้ราดิช แน่นอนว่าราดิชที่เรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว ผ่านไปไม่นานก็สามารถใช้ดาบวิญญาณได้อย่างถูกวิธี เมื่อลองซ้อมกับอาจารย์ดูก็ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ราดิชที่เก็บดาบเข้าฝักเรียบร้อยถามอู๋หมิงขึ้นว่า “อาจารย์จะสอนการสร้างอาวุธไร้สภาพให้ศิษย์ได้หรือยัง”

“อืม...ทักษะผนึกพลังของเจ้าเชี่ยวชาญขึ้นมาก ข้ารู้ได้ตอนสู้กับเจ้า เอาล่ะเดี๋ยวข้าจะสอนให้ก็แล้วกัน” อู๋หมิงสอนวิธีให้กับราดิชที่มีทีท่ากะตือรือร้นเป็นอย่างมาก

“มันก็ไม่ยากหรอก เจ้าลองยื่นนิ้วหรือมือออกมาแล้วผนึกพลังลงไปดู สัมผัสให้ได้ถึงการไหลเวียนของพลัง พอจับสัมผัสได้ก็พยายามบังคับให้มารวมกันเป็นรูปร่างดู เจ้าลองทำดูก่อนละกัน ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ค่อยๆ ฝึกไป” อู๋หมิงบอก ทางราดิชก็นั่งลงและยื่นนิ้วชี้กับนิ้วกลางประกบกันออกมา จากนั้นก็ลองสัมผัสถึงพลัง และพยายามรวบรวมมันเพื่อให้ออกมาเป็นรูปร่าง ซึ่งนับว่ายากกว่าการผนึกพลังยิ่งนัก เขาทำอยู่จนถึงเย็นก็ยังทำให้มันยื่นออกมาไม่ได้เสียที

อู๋หมิงที่ยืนมองดูการฝึกของราดิชพูดขึ้น “ไปกินข้าวก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวค่อยมาฝึกต่อ” ราดิชจึงได้แต่เลิกฝึก เดินไปตักน้ำและกลับมาช่วยอาจารย์ทำอาหาร หลังจากที่กินข้าวเย็นเสร็จเรียบร้อย เขาก็เตรียมออกมาฝึกต่อ แต่อาจารย์เขาเรียกไว้ก่อน

“ราดิช เรื่องการสร้างอาวุธไร้สภาพไว้ต่อพรุ่งนี้ก็แล้วกัน วันนี้เรามาเรียนเรื่องการฝึกประสาทสัมผัสและการเพิ่มความเร็วกันดีกว่า” อู๋หมิงบอกพร้อมส่งดาบไม้และผ้าปิดตาอันหนึ่งให้ราดิช

“อะไรหรืออาจารย์ จะให้ผูกผ้าปิดตาหรือ?” ราดิชรับผ้ามาอย่างงงๆ

“ใช่แล้ว ถ้าเจ้าใช้จิตมองจะสามารถรับมือกระบวนท่าระดับสูง หรือมองเห็นคนที่ใช้ก้าวพริบตาแบบเจ้าได้ด้วยยังไงล่ะ” อู๋หมิงบอกและจรดดาบเตรียมพร้อม

“ศิษย์จะพยายามครับ” ราดิชผูกผ้าปิดตาและตั้งท่าเตรียมพร้อม ด้านอู๋หมิงก็เข้าโจมตีราดิชอย่างรวดเร็ว ในตอนแรกๆ ราดิชไม่สามารถป้องกันได้เลย จึงโดนอู๋หมิงเคาะดาบใส่จนน่วม พอเริ่มดึกอู๋หมิงก็ให้ราดิชไปอาบน้ำนอน หลังจากที่อาบน้ำเสร็จและล้มตัวลงนอนก็หลับไปในทันทีด้วยความอ่อนเพลีย

เช้าวันใหม่มาถึง การฝึกก็ยังดำเนินต่อไปในรูปแบบเดิม ตอนเช้าฝึกสร้างอาวุธไร้สภาพ ช่วงบ่ายและค่ำฝึกปิดตาต่อสู้กับอู๋หมิง จนกระทั่งผ่านไปสองวันราดิชก็สร้างดาบไร้สภาพได้สำเร็จ ถึงแม้มันจะมีความยาวเพียงสามนิ้ว สั้นพอๆ กับมีด แต่ก็ถือว่าเป็นความสำเร็จก้าวแรกของเขาเลยทีเดียว

ส่วนการฝึกปิดตานั้นดีขึ้นมาก ตอนนี้ราดิชปัดป้องการโจมตีของอู๋หมิงได้มากกว่าครึ่ง ตอนแรกอู๋หมิงบอกว่าแค่นี้ก็พอแล้ว แต่ราดิชกลับขอร้องอาจารย์ให้ฝึกต่อจนอย่างน้อยต้องป้องกันได้หมดจดกว่านี้ เพราะเขาคิดว่าคู่ต่อสู้คงไม่ออมมือให้เขาแบบอาจารย์เป็นแน่ ทำให้อู๋หมิงภูมิใจกับราดิชมากยิ่งขึ้น เขาจึงฝึกราดิชอย่างหนักเท่าที่เขาจะสอนได้ในขั้นนี้

ผ่านไปอีกสามวันราดิชก็ป้องกันการโจมตีจากอู๋หมิงได้อย่างสมบูรณ์ ตอนนี้ประสาทสัมผัสของเขาดีขึ้นมาก และเขายังชักดาบด้วยความเร็วที่ตามองแทบไม่ทันได้แล้ว ในเย็นวันนั้นเขาจึงลาอู๋หมิงเพื่อกลับไปผจญภัยต่อยังโลกภายนอกต่อไป

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel