บทที่ 17 เหตุระทึกกลางภูเขาดินเหลือง
พวกราดิชที่ออกจากภัตตาคารมา ตอนนี้ก็กำลังปรึกษากันว่าจะไปไหนกันต่อดี
“ข้าอยากเดินเที่ยวซื้อของในเมืองน่ะนายท่าน” อาธูเรียเสนอ
“ข้าอยากให้นายท่านออกไปเก็บระดับ จะได้ออกจากเกาะนี้ไวๆ” ปิกามอนบอก ความจริงมันก็ตรงกับความคิดของราดิช เพียงแต่ว่าตอนนี้เขายังไม่อยากตายศพไม่สวยเพราะไปขัดใจอาธูเรียเข้า
“เอาอย่างนี้ พวกเราเดินซื้อของในเมืองกันรอบหนึ่งก่อน แล้วค่อยไปเก็บระดับเป็นไง” ราดิชเสนอออกมา ซึ่งทั้งอาธูเรียและปิกามอนก็เห็นด้วยกับความคิดของราดิช ทำให้เขาโล่งอกไปมาก
“พวกเราลุย” ราดิชเดินนำออกไป ในสายตาของคนอื่น พวกเขาเป็นกลุ่มที่แปลกประหลาดมาก ประกอบด้วยชายหนุ่มหน้าตาธรรมดา คุณหนูแสนสวย หนูไฟฟ้าตัวกลม
พวกราดิชเดินชมเมืองไปเรื่อย ราดิชได้ซื้อในสิ่งหลายสิ่งที่ไม่เคยซื้อ เช่นพวกขนมต่างๆ ที่สายอาชีพพ่อค้าทำมาขาย เครื่องประดับเล็กน้อยๆ และของอื่นๆ อีกหลายอย่างที่อาธูเรียและปิกามอนอยากได้ ทำให้เขาได้รู้ว่าพวกอาชีพสายพ่อค้ามีทักษะประดิษฐ์สิ่งของต่างๆ มากมายเพื่อหาเงิน เพราะทักษะส่วนใหญ่ของพ่อค้ามักใช้เงินเข้าช่วยเสมอ หลังจากที่เดินรอบเมือง ก็ถึงเวลาที่จะออกไปเก็บระดับนอกเมืองแล้ว
“เอาล่ะ ตอนนี้เราก็เที่ยวกันพอแล้วนะ ไปเก็บระดับกันดีกว่า จะได้ไปที่สวยๆ กว่านี้ได้ไง” ราดิชเจตนาส่งคำพูดนี้ให้อาธูเรียโดยเฉพาะ
“อืม งั้นเราไปกันเถอะ ว่าแต่จะไปที่ไหนกันดี เกาะนี้มีแต่พวกอ่อนๆ นี่” อาธูเรียว่า ซึ่งมันก็จริง ถ้าเทียบกับระดับชั้นของเธอแล้ว
“ว่าจะไปที่ภูเขาดินเหลืองน่ะ มีพวกโกเล็มดินระดับ 30 อยู่เยอะ เห็นว่าที่นั่น พวกที่ใกล้ 30 จะไปเก็บระดับกัน” ราดิชบอกสถานที่ที่จะไป
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราออกเดินทางกันเถอะ” อาธูเรียว่าพร้อมกับออกเดินนำหน้าไป พร้อมกับอุ้มปิกามอนไปด้วย เจ้าปิกามอนก็เลยสบายไป
“เห็นป้าโรซ่าบอกว่าเธอซื้อชุดมาอีกหลายชุดนี่ แล้วชุดพวกนั้นมันหายไปไหนล่ะ” ราดิชเริ่มชวนคุย
“ข้าก็มีที่เก็บไอเทมเหมือนกันนะ แถมเก็บได้ตั้ง 5,000 ชิ้นแน่ะ” อาธูเรียบอกด้วยความภูมิใจ แล้วหยิบชุดออกมาให้ราดิชเห็นจากในอากาศ
“อย่างนี้นี่เอง แล้วเธอเพิ่มระดับได้อีกรึเปล่าเนี่ย” ราดิชลองถามต่อ
“ตอนนี้ยังไม่ได้ จนกว่านายท่านจะระดับเท่าข้า ข้าถึงจะเพิ่มระดับต่อได้ ตอนนี้ฆ่าสัตว์อสูรไป นายท่านก็ได้ค่าประสบการณ์เต็มๆ คนเดียว” อาธูเรียว่า
“ฉันก็นึกว่าจะมีตัวหารมาอีก แล้วนี่เธอใช้ทักษะหรือเวทมนตร์ได้หรือเปล่าล่ะ” ราดิชถามต่อ
“ข้ามีเวทมนตร์อยู่หลายบท แต่เวลาใช้มันจะใช้พลังมานาของนายท่านแทน เพราะข้าเป็นอสูรมายาที่ถูกท่านอัญเชิญมาแล้ว” อาธูเรียบอก
“งั้นหมายความว่า ถ้าเธอเรียกดาบออกมาสู้ พลังมานาฉันก็ลดฮวบๆ เลนน่ะสิ” ราดิชตกใจมาก เขาเริ่มเห็นแววหมดตัวมาแต่ไกล
“เรื่องนั้นมันแน่นอนอยู่แล้ว” เธอบอกขณะที่กำลังจะออกนอกเมืองพอดี
ตลอดทางนั้นราดิชก็ใช้พวกสไลม์เป็นตัวเก็บทักษะร่ายเวทกับทักษะต่อสู้มือเปล่า โดยมีอาธูเรียที่อุ้มปิกามอนเดินตามอยู่ไม่ห่าง พวกเขาพบผู้เล่นใหม่กำลังเก็บระดับอยู่หลายคนเหมือนกัน จนเมื่อผ่านเขตทุ่งหญ้ามาได้ก็เป็นเวลาบ่ายแก่ๆ แล้ว พวกเขาเดินไปอีกพักใหญ่ก็ถึงจุดหมายของวันนี้
เบื้องหน้าที่ราดิชเห็นคือเนินเขายาวหลายกิโลเมตร กินอาณาเขตเป็นรูปครึ่งวงกลม ที่ด้านหลังเป็นแนวเขาสูงใหญ่ และดินในบริเวณเป็นสีออกน้ำตาลเหลืองทั้งหมด
ส่วนสัตว์อสูรที่เห็นอยู่หลายตัวคือโกเล็มดินระดับ 30 ที่ไม่โจมตีก่อน ซึ่งมันเป็นโกเล็มที่มีความสูงกว่า 2 เมตร ตัวมันมีสีออกน้ำตาลเหลือง ดูเหมือนว่าจะเป็นดินจริงๆ ราดิชเห็นผู้เล่นเก็บระดับกับพวกมันอยู่หลายคนเหมือนกัน เพราะพวกนี้ไม่รุม แต่ว่ามันค้อนข้างอึดอยู่
ราดิชเดินหาอยู่พักใหญ่ก็เจอบริเวณที่ยังว่างอยู่ เขาก็เรียกดาบจู่โจมออกมาใช้งาน แต่ก็นึกได้ว่ายังไม่ได้ติดตั้งดาบของอาธูเรียเลย จึงเรียกอาธูเรียมาเพื่อขอยืมดาบ อาธูเรียก็เรียกออกมาให้เขาแต่โดยดี ราดิชรับมันมาและจัดการตั้งมันเป็นอาวุธรอง พอเสร็จแล้วก็ส่งคืนให้เธอไป
ราดิชว่าขึ้นพร้อมชี้มือไปมุมหนึ่ง “เอางี้ดีกว่า ชั้นอยากเก็บทักษะน่ะ เธอไปนั่งดูอยู่ตรงนั้นก็แล้วกัน ส่วนแกปิกามอนจะไปด้วยก็ได้ แต่อย่าลืมทำงานล่ะ” อาธูเรียได้ยินดังนั้นก็เดินไปหาที่นั่งเพื่อดูราดิชเก็บระดับ
ราดิชกระชับดาบและก้าวเข้าหาเป้าหมายตัวแรกที่อยู่ใกล้ที่สุดทันที เขาเรียกใช้ทักษะมาเจสตีเพื่อเพิ่มความเร็วในการโจมตี นอกจากมือขวาที่ถือดาบแล้ว มือซ้ายเขายังถือระเบิดไว้ด้วย พอเข้าใกล้เขาเปิดฉากด้วยทักษะอันรุนแรงที่สุด นั่นคือทักษะซอร์ดสไตร์คนั่นเอง ดาบอาบพลังถูกฟันออกไปที่ลำตัวของโกเลมดินจนเศษดินปลิวกระจาย มันเซตามแรงฟันเล็กน้อย และหันกลับมาดูคนที่ทำร้ายมัน พร้อมกับเสียงประกาศจากระบบที่ดังขึ้น
-สัตว์อสูรโกเล็มดิน ระดับ 30 เตรียมโจมตี
มันยกแขนขึ้นหมายทุบราดิชให้จมดิน แต่เขาก้าวหลบไปด้านข้างได้อย่างสบาย เขาตวัดดาบฟันออกไปอย่างรวดเร็ว ระดมฟันใส่ทั้งตัวของมันจนตัวมันส่ายไปส่ายมา ถอยหลังไปหลายก้าว
หลังจากการโจมตีของราดิชจบลง มันก็เริ่มร่ายเวท เกิดวงแหวนเวทสีเหลืองขึ้นที่มือของมัน แล้วหอกดินก็โผล่พรวดขึ้นตรงหน้าราดิช เขาอาศัยสัญชาตญาณถอยหลบออกมาได้ทันอย่างหวุดหวิด พลางคิดในใจว่า ‘ร่ายเวทได้ด้วย มิน่าล่ะถึงได้โหดนัก’ แล้วกระชับดาบในมือพุ่งเข้าโจมตีอีกครั้ง เขาแทงดาบออกหลายครั้งโดยมีเป้าหมายคือบริเวณรอยแตกตรงหน้าอก ที่เป็นจุดอ่อนนั่นเอง
ราดิชระดมแทงอย่างรวดเร็วไปที่จุดเดียวจนดินบริเวณนั้นหายไปหม เผยให้เห็นแกนพลังงานของมัน เขายัดระเบิดที่ถือไว้เข้าไปในรูนั้น ก่อนจะถอดสลักออกและดีดตัวถอยห่างออกมา ไม่ถึงชั่วอึดใจระเบิดก็ทำงาน ร่างกายของเจ้าโกเล็มระเบิดออกเป็นชิ้นๆ และสลายกลายเป็นแสงไปในที่สุด เหลือแต่ไอเทมที่หายไปแทบจะทันทีด้วยฝีมือเจ้าปิกามอน
“ยังดีที่เรียนเรื่องจุดอ่อนของสัตว์อสูรมาจากอาจารย์ ไม่อย่างนั้นคงได้ฟัดกับมันอีกนานแน่” แล้วราดชิก็หาเป้าหมายต่อไปทันที เขาใช้วิธีเดิม นั่นคือทำลายเกราะด้านนอกจนเห็นแกนพลังงานแล้วยัดระเบิดเข้าไปทำลายจากภายใน แต่ถ้าเขายัดระเบิดไม่ทันก็จะระดมแทงจนแกนพลังงานเสียหายไปในที่สุด
ในเกมนี้นั้นถ้าเป็นเวทมนตร์ขั้นต้นจะไม่ปรากฏวงเวทเวลาร่าย แต่ถ้าเป็นเวทที่ระดับสูงกว่านั้น เมื่อทำการร่ายเวทก็จะปรากฏวงแหวนเวทขึ้นมา ซึ่งเราสามารถดูธาตุของเวทได้จากสีของมัน โดยปกติแล้วสัตว์อสูรจะร่ายเวทเร็วกว่าผู้เล่นเสมอ ถ้าใช้เวทบทเดียวกัน
และที่ราดิชเลือกใช้ดาบจู่โจม ก็เพราะว่ามันไม่สนใจพลังป้องกันนั่นเอง ทำให้เขาสามารถเจาะช่องเข้าไปในลำตัวของโกเลมดินได้อย่างง่ายดาย ความจริงโกเล็มพวกนี้ถือว่ามีพลังป้องกันที่สูงมาก คนอื่นต้องใช้เวลานานกว่านี้หรือต้องรุมเพื่อจะจัดการมัน ราดิชที่ได้เปรียบในจุดนี้อยู่จึงสบายไป
เวลาค่อยๆ เดินผ่านไปอย่างช้าๆ ราดิชสังหารโกเล็มดินที่เกิดมาใหม่เรื่อยๆ จนเย็น มีหลายคนที่เห็นว่าราดิชจัดการพวกมันได้อย่างรวดเร็ว ก็แอบเอาวิธีของเขาไปใช้บ้าง แต่ก็ยังไม่มีใครกล้าเข้ามาทักเขา ราดิชที่เห็นว่าเย็นแล้วจึงกลับไปหาอาธูเรียที่ตอนนี้กำลังนั่งโยนก้อนหินเล่นอยู่ด้วยท่าทางเซ็งๆ
เห็นดังนั้นราดิชเลยลองแกล้งดู “เดี๋ยวผมจะตั้งเต็นท์พักที่นี่นะ ว่าแต่เธอจะนอนเต็นท์เดียวกับผมหรือเปล่าล่ะ ฮ่าๆ” เขาเรียกเต็นท์ออกมาและเริ่มกางมันออก
โป๊ก!! “โอ๊ย!!!”
แทนคำตอบของอาธูเรีย ก้อนหินขนาดเขื่องก้อนหนึ่งก็ปลิวเข้าใส่หัวราดิชอย่างแม่นยำจนเลือดอาบเลยทีเดียว อาธูเรียพูดอย่างโกรธจัดว่า “เดี๋ยวข้าอยู่กินข้าวเย็นก่อนแล้วจะกลับไป พรุ่งนี้เช้านายท่านค่อยอัญเชิญข้ามาใหม่ก็กัน” พร้อมโยนหินก้อนยักษ์ในมือเล่น ราวกับมันไร้น้ำหนักก็ไม่ปาน
“ทราบแล้วครับเจ้านาย” ราดิชที่เห็นแบบนั้นก็รีบพูดทันที และใช้ทักษะฮีลเพื่อรักษาแผลจนหาย จากนั้นก็กางเต็นท์ และเริ่มก่อไฟ เขาจัดการนำเนื้อที่เก็บไว้ออกมาปรุงรส และนำไปย่างไฟจนส่งกลิ่นหอมไปทั่ว เขาหยิบชิ้นที่สุกแล้วให้อาธูเรียและปิกามอนก่อน แล้วเอาอาหารที่เคยสั่งจากภัตตาคารไว้ออกมาเสริมด้วย
อาธูเรียเบ้ปากและกล่าวขึ้นมา “นี่นายท่านทำเป็นแต่ของแบบนี้เหรอ ว่างๆ ก็หัดทำอย่างอื่นมั่งนะ ข้าไม่อยากกินเนื้อย่างไปตลอดหรอก” แต่ว่าเธอก็กินมันเข้าไปอยู่ดี
“อาธูเรีย เจ้านี่ขี้บ่นเป็นยายแก่จริงๆ เลย ข้าว่ามันก็อร่อยดีออก” ปิกามอนช่วยเถียงแทนราดิช
อาธูเรียปรายตามองมัน “เจ้าอยากโดนอัดเหรอไง เจ้าหนูติ๊งต๊อง” พร้อมกับดึงแก้มเจ้าปิกามอนจนโย้ไปมา ปิกามอนรีบร้องบอก “ง่ะ อย่าทำข้าเลย ข้ายอมแล้ว ท่านอาธูเรียผู้แข็งแกร่ง งามเลิศในปฐพี”
“ก็ได้ เจ้านี่มันดีแต่กินจุจริงๆ เลยนะ” อาธูเรียว่า แต่ก็ยอมปล่อยมันโดยดี แล้วหันมาสนใจอาหารที่ราดิชสั่งจากภัตตาคาร ซึ่งเธอก็จัดการอาหารเหล่านั้นไปมากกว่าเนื้อย่างของราดิชซะอีก ราดิชได้แต่คิดในใจว่า ‘สงสัยเรียกมาบ่อยๆ ไม่ดีแน่ กินล้างกินผลาญแบบนี้’ แต่เขาก็ไม่กล้าพูดออกมา เพราะยังไม่อยากตายก่อนหมดอายุขัย
หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จ อาธูเรียก็บอกลาราดิชและสลายร่างไป เขาจึงนั่งเล่นกับเจ้าปิกามอนต่อ และเปิดหน้าต่างข้อมูลขึ้นมาดู
-ท่านสังหารสัตว์อสูรสไลม์ระดับ 1 เป็นจำนวน 120 ตัว ได้รับค่าประสบการณ์ 1,200
-ท่านสังหารสัตว์อสูรโกเล็มดินระดับ 30 เป็นจำนวน 40 ตัวได้รับค่าประสบการณ์ 120,000
-ท่านได้รับค่าประสบการณ์รวม 121,200
-ระดับของท่านเพิ่มเป็น 29
-ทักษะหลบหลีกเพิ่มระดับเป็น 96 -ทักษะชำนาญดาบเพิ่มระดับเป็น 94
-ทักษะต่อสู้ด้วยมือเปล่าเพิ่มระดับเป็น 65 -ทักษะชำนาญเวทเพิ่มระดับเป็น 75
-ท่านได้รับเงินรวม 82,348 G
ตอนนี้ราดิชมีเงินติดตัวอยู่ล้านเศษๆ เขาก็รู้สึกดีขึ้นมาหน่อย แต่ว่าเขาต้องรีบหาเงินให้ได้มากกว่านี้ เพราะรายจ่ายนั้นมันมากเหลือเกิน ไอเทมที่ได้มานั้นส่วนใหญ่เป็นอัญมณีประเภทโทแพซ และบุษราคัมที่ตกง่ายมาก แร่เหล็ก ถ่านหิน แล้วยังมีพวกแร่ตะกั่ว เงิน และแร่อีกหลายอย่าง ซึ่งราดิชสงสัยอยู่ว่ามันเอาไว้ทำอะไร แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก
“ปิกามอน ขอฉันเปลี่ยนอาชีพครั้งที่สองก่อน แล้วค่อยแชร์ค่าประสบการณ์ให้แกได้หรือเปล่า” ราดิชลองถามเจ้าปิกามอน
“ได้เลยเจ้านาย ข้ายังไงก็ได้อยู่แล้ว” ปิกามอนตอบอย่างร่าเริง ทำให้ราดิชสบายใจมากขึ้น ที่ตอนนี้ไม่ต้องแชร์ค่าประสบการณ์ให้มัน
จากนั้นเขาก็นั่งหาข้อมูลแล้วอ่านกระดานข่าวสารในเกม โดยมีปิกามอนอยู่เป็นเพื่อนไปจนถึงสี่ทุ่ม จากนั้นก็เข้านอน โดยมีปิกามอนเป็นหมอนข้างเหมือนเคยจนหลับไปในที่สุด
เช้าวันใหม่มาถึง ราดิชตื่นขึ้นมาก่อนด้วยเสียงปลุกของอาธูเรียในหัว เขาเลยร่ายเวทอัญเชิญในเต็นท์นั่นแหละ พออาธูเรียปรากฏตัวขึ้นก็บอกว่าจะไปรอด้านนอก ให้เขารีบทำอาหารให้กินไวๆ เขาจึงออกจากเต็นท์มา และเริ่มเก็บเต็นท์โดยมีเจ้าปิกามอนนั่งเป็นเพื่อน
หลังจากที่เขาเก็บเต็นท์เสร็จก็ลงมือก่อไฟ แล้วย่างเนื้ออย่างรวดเร็ว เขายังเอาอาหารที่สั่งมาออกมาให้ด้วย เพราะรู้ว่าอาธูเรียชอบแบบนั้นมากกว่า
พวกเขานั่งกินไปคุยไปอย่างสนุกสนาน ผู้เล่นที่อยู่แถวนั้นก็เริ่มออกจากเต็นท์ของตัวเองกันบ้างแล้ว แต่มีอยู่กลุ่มหนึ่งที่กำลังใช้กล้องส่องทางไกลจับตาดูพวกราดิชอยู่
“แกว่าไอ้นั่นมันใช้ดาบอะไรวะ ถึงโจมตีได้โกเล็มได้แรงขนาดนั้น แต่วิธีที่มันใช้นี่สิ คิดได้ยังไง เอาระเบิดไปยัดในตัวโกเล็มเนี่ย” ชายคนแรกว่า
“ข้าเห็นไกลๆ คิดว่าเป็นดาบจู่โจมระดับ C น่ะ แต่มันก็ไม่ได้หายากอะไรนี่ มีเงินก็หามาใช้สบายๆ เลยนะ แต่ชุดของมันนี่สิ ชุดเกราะเหล็กน้ำเงินเชียวนะ” ชายคนที่สองว่า
“แล้วเห็นแฟนมันเปล่าวะ ทั้งสวยทั้งน่ารัก ดูท่าจะเป็นคุณหนูซะด้วย แต่ไม่เห็นทำอะไรเลย ข้าเห็นนั่งเล่นอยู่เฉยๆ หรือว่าจะนั่งดูดค่าประสบการณ์จากหมอนั่น” ชายคนแรกว่า
“ข้าก็ว่าแบบนั้นแหละ ว่าแต่แกอิจฉามันหรือไงวะที่มีแฟนสวยน่ะ” ชายคนที่สองบอก
“ก็นิดหน่อยว่ะ” ชายคนแรกอ้อมแอ้มตอบ แต่ชายคนที่สามก็โพล่งขึ้นมากลางวง “อย่ามัวคุยกันอยู่เลย ข้าว่าพวกเราเข้าไปคุยกับมันเลยดีกว่า” ซึ่งเจ้าสองคนแรกก็เห็นด้วย เลยออกเดินไปยังพวกราดิช
ทางด้านราดิชนั้นหลังจากกินอาหารเช้าจนเสร็จแล้ว เขาก็เตรียมตัวที่จะไปเก็บระดับต่อตามโปรแกรมที่วางไว้ พอดีกับที่กลุ่มคนดังกล่าวเดินตรงเข้ามา
ชายคนแรกถามขึ้นก่อน “สวัสดีครับคุณ ไม่ทราบว่ามีปาร์ตี้หรือยังครับ”
“ออ ไม่มีหรอกครับ ปกติผมเก็บระดับคนเดียวน่ะครับ” ราดิชตอบ
‘ข้าตรวจสอบแล้ว หมอนี่ชื่อราดิช ระดับ 29 ส่วนแฟนมันรู้แค่ว่าชื่ออาธูเรีย ตรวจสอบระดับไม่ได้ว่ะ ข้าล่ะงง’ ชายคนสองพูดกันในช่องปาร์ตี้ของพวกเขา
‘แล้วจะเอาไงดี ขอซื้อดาบต่อจากมันก่อน หรือจะแย่งมันเลยดี’ ชายคนที่สองถาม
‘ถามเรื่องดาบก่อนดีกว่า อย่าเพิ่งเสี่ยง ลองมันมาเก็บระดับคนเดียวแบบนี้ได้แสดงว่ามันมีดีอะไรบ้างแหละ’ ชายคนที่สามว่า
“ไม่ทราบว่าคุณสนใจจะขายดาบจู่โจมหรือเปล่าครับ” ชายคนแรกที่ทำหน้าที่เจรจาเข้าเรื่อง
“คงไม่หรอกครับ ผมยังต้องใช้อยู่น่ะครับ แล้วก็ไม่มีดาบเล่มอื่นแล้วด้วย” ราดิชตอบกลับอย่างสุภาพ เขาบอกความจริงกับอีกฝ่าย แต่บอกไม่หมดเท่านั้นเอง
‘เอาไงกันต่อดีวะ พวกเรา’ พวกเขาปรึกษากัน
‘จัดการมันเลยดีกว่า เผื่อดาบจะตกให้พวกเรา’ ชายคนที่สามออกความคิดเห็น
‘เอาก็เอาวะ’ อีกสองคนเห็นด้วย
ทางราดิชที่เห็นพวกนั้นเงียบไปก็พอจะได้ว่าพวกนี้ใช้ช่องสนทนาอื่นอยู่ เขาจึงค่อยๆ ขยับตัวให้อยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบที่สุด และเตรียมพร้อมกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น ทันใดนั้นชายคนที่สองก็ตะโกนขึ้นมา “ถ้าอย่างนั้น นายก็ตายเพื่อพวกเราก็แล้วกัน” พวกมันกระจายตัวออกไป ล้อมเขาไว้ทันที
“นายท่าน ให้ข้าเชือดพวกมันทิ้งเลยไหม” อาธูเรียที่นั่งเล่นอยู่ตอนนี้ถามขึ้นมาเบาๆ
“ผมจัดการเอง เธอนั่งดูไปก่อนก็แล้วกัน” ราดิชรีบบอก ขืนให้อาธูเรียจัดการมีหวังเจ้าพวกนี้ศพไม่สวยแน่ๆ เขาชักดาบจู่โจมออกมาเตรียมพร้อม และตั้งท่าอย่างรัดกุมไร้ช่องโหว่
“ย๊าก!!! พาวเวอร์สแมช!!”
ชายคนหนึ่งในกลุ่มพุ่งเข้ามาฟันเขาด้วยทักษะโจมตีอันรุนแรงของอาชีพนักรบ แต่ราดิชก้าวหลบออกข้าง และตวัดดาบฟันเข้าที่กลางหลังมันอย่างแรงจนเลือดสาดกระเซ็น มันถลาไปตามแรงฟันจนหน้าคะมำไปกับพื้น
“หนอยแน่ะแก!!” ชายที่เข้ามาพูดกับราดิชพุ่งเข้ามาฟันใส่ราดิช ซึ่งเขาก็ต้านรับไว้ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก แต่ในขณะที่เขากำลังจะโต้กลับก็เห็นชายคนที่สามกำลังเริ่มร่ายเวท จึงเปลี่ยนเป้าหมายทันที ราดิชสะกิดเท้าดีดตัวพุ่งเข้าใส่คนที่ร่ายเวทอยู่ พร้อมแทงดาบออกไปที่คอหอยของมันอย่างรวดเร็ว
ชายคนที่สามที่เป็นนักเวทนั้น เมื่อร่ายเวทจะขยับตัวไม่ได้ จึงถูกราดิชแทงทะลุคอหอยไปอย่างง่ายดาย และค่อยๆ ทรุดลงกลายเป็นแสงหายไป ราดิชไม่รอช้าพุ่งตัวหาชายคนที่บาดเจ็บอยู่อย่างรวดเร็ว
“แกฆ่าเพื่อนฉัน อย่าอยู่เลยแก” ชายคนแรกที่เข้ามาพูดกับราดิชก้าวมาขวาง และเหวี่ยงดาบใส่ราดิช เขาจึงต้องยกดาบไปป้องกันไว้ ทำให้ชายอีกคนมีเวลารักษาตัว ราดิชพลิกดาบและตวัดฟันสั้นๆ ใส่ชายคนที่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว ดาบของราดิชเฉือนเข้าที่ต้นแขนซ้ายของมัน แต่มันก็ดีดตัวหลบฉากไปได้หวุดหวิด
ราดิชกล่าวกับพวกมันอย่างหงุดหงิด “พวกคุณหาเรื่องก่อนเองนะ ผมยังไม่ได้ทำอะไรให้พวกคุณเลย” แล้วพุ่งตัวทะยานตามไป จากนั้นก็เหวี่ยงดาบฟาดฟันอย่างต่อเนื่อง อีกฝ่ายใช้ดาบป้องกันการโจมตีของราดิชแต่ก็ป้องกันได้ไม่หมด โดนฟันเข้าที่ลำตัวอีกสองแผล แสงน้ำยาพื้นพลังกะพริบออกมาให้เห็น
มันผงะถอยไปและรีบใช้ทักษะมาเจสตีของนักดาบ ร่างของมันเปล่งแสงสีทองออกมา จากนั้นมันก็พุ่งเข้าหาราดิชและฟันใส่อย่างเขาอย่างรวดเร็ว แต่ราดิชก็ป้องกันและแลกดาบกับมันได้อย่างสบาย
พาวเวอร์สแมช!!
เป็นชายอีกคนนั่นเอง มันรักษาตัวหายแล้วและพุ่งเข้ามา เงื้อดาบขึ้นหมายฟันใส่ราดิชที่ด้านหลัง เมื่อราดิชได้ยินเสียงก็พุ่งถอยหลังหนีชายคนแรกพร้อมกลับตัวเหวี่ยงหมัดซ้ายซัดเข้าหน้ามันอย่างจัง ด้วยความที่มันเงื้อดาบอยู่เหนือหัวเลยไม่มีอะไรป้องกันเลยโดนหมัดของราดิชกระแทกหน้าจนผงะไป เขาได้โอกาสจึงฟันใส่จนกลายเป็นแสงหายไปในที่สุด ราดิชอาศัยสภาวะเหวี่ยงดาบนั้นหมุนตัวถอยออกมา หลบจากการพุ่งเข้ามาฟันของชายคนแรก
“เวรเอ้ย นี่เราคิดผิดหรือเปล่าวะเนี่ย” ชายคนแรกบ่นกับตัวเอง แต่ก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นราดิชพุ่งเข้ามาอีกครั้งพร้อมเงื้อดาบฟันใส่ ทำให้เขาต้องยกดาบขึ้นกัน ดาบต่อดาบปะทะกันหลายครั้ง
ตอนนี้ชายคนนั้นชักเหงื่อตก ที่ฝ่ายตรงข้ามยังไม่ได้ใช้ทักษะเลย กลับรับมือมันได้อย่างสบาย มันยังรุกไล่ราดิชต่อ แต่ว่าราดิชก็ป้องกันไว้ได้ เขาอาศัยแรงปะทะดีดตัวออกมาและใช้ทักษะมาเจสตีบ้าง จากนั้นราดิชก็ตวัดดาบปล่อยคลื่นดาบออกไปจู่โจมอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
แต่อีกฝ่ายก็ปล่อยคลื่นดาบออกมาหักล้างกับราดิชเช่นเดียวกัน แต่ราดิชนั้นพุ่งตามไปตั้งแต่ยิงลูกที่สองแล้ว ตอนนี้ราดิชเข้าประชิดตัวอีกฝ่าย พร้อมตวัดดาบฟาดฟันใส่อีกครั้ง
ชายคนนั้นตวัดดาบป้องกันไว้ได้ ราดิชพลันพลิกดาบก้าวถอยออกมา และแทงใส่หลายดาบด้วยความรวดเร็ว ส่งผลให้ชายคนนั้นกันได้ไม่หมด ถูกแทงเข้าที่ลำตัวหลายแผล ตอนนี้น้ำยาฟื้นพลังของเขากะพริบติดต่อกันอีกหลายครั้ง ชายคนนั้นรีบดีดตัวถอยห่างออกจากรัศมีดาบของราดิชไปตั้งหลัก แต่ราดิชก็ไม่ปล่อยไปง่ายๆ เขาตวัดดาบปล่อยคลื่นดาบเข้าใส่ และพุ่งตามไปโจมตีอย่างต่อเนื่อง
อีกฝ่ายพยายามป้องกัน เขากันคลื่นดาบลูกแรกได้ แต่ก็โดนลูกที่สองที่ตามมาติดๆ จนกระเด็นไป เป็นจังหวะเดียวกับที่ราดิชพุ่งตามมา และตวัดดาบฟันใส่ชายคนนั้นด้วยทักษะซอร์ดสไตร์ค ชายคนนั้นพลิกตัวเอาดาบขวางป้องกันไว้จนดาบของเขาหักกระเด็นไป และโดนฟันเข้าเต็มอก กระเด็นลงไปกองกับพื้น รวดเร็วเกินกว่าจะคาดคิด ราดิชก็แทงดาบลงที่หัวใจของชายคนนั้น ชายคนนั้นมองราดิชอย่างตกใจ และสลายกลายเป็นแสงหายไปในที่สุด
“เฮ้อ ทำไมมีแต่พวกโลภมาก แต่ไม่ขวนขวายหากันเอาเองเยอะแยะแบบนี้นะ” ราดิชบ่นกับตัวเอง และเดินกลับไปหาอาธูเรียที่ตอนนี้กำลังดูของที่ปิกามอนไปเก็บมาจากสามคนนี้
อาธูเรียที่ตอนนี้กำลังดูพวกชุดเกราะอยู่นั้นกล่าวขึ้น “ใช้ได้นี่นายท่าน แต่ดาบของท่านยังขาดซึ่งพลังหรือรังสีดาบนะ ให้ข้าสอนให้เอาเปล่า”
“มีที่ดีกว่านี้อีกเหรอ ไว้สอนฉันด้วยก็แล้วกันนะ” ราดิชยิ้มให้เธอ
“ได้อยู่แล้ว ว่าแต่เราจะไปทำอะไรกันต่อดี” อาธูเรียถามต่อ
ราดิชยิ้มให้และกล่าวต่อไปว่า “ก็เก็บระดับต่อน่ะสิ ถ้าเธอเบื่อจะกลับไปก่อนก็ได้นะ” เขาเก็บข้าวของใส่หน้าต่างไอเทม จากนั้นเปิดดูหน้าต่างข้อมูลก็พบว่าได้ค่าประสบการณ์มานิดหน่อย
“ไม่หรอก ข้าตามไปด้วยก็ได้” อาธูเรียว่า
“ถ้าอย่างนั้นก็เริ่มการเก็บระดับต่อได้” ราดิชพูดขึ้น จากนั้นเขาก็เริ่มออกเดินเพื่อไปเก็บระดับต่อไป
