บทที่ 13 ความทรงจำที่เฝ้าตอกย้ำ
เสียงประกาศผ่านโทรโข่งของเซเรียปลุกชนะชนให้ตื่นจากภวังค์ คราวนี้เธอไม่ได้อยู่ในทีมของคณะนักโบราณคดีชาวอียิปต์ ซึ่งคอยเป็นไกด์ให้กับคณะนักโบราณคดีจากประเทศอื่น แต่ทำหน้าที่ประกาศเรียกคณะนักโบราณคดีจากประเทศต่างๆ ตามลำดับ เพื่อไม่ให้ใครรู้ว่าเธอแกล้งสลับลำดับของคณะนักโบราณคดีจากประเทศไทยไปไว้ในลำดับสุดท้าย แทนลำดับที่ได้จากการสุ่มเลือกโดยใช้คอมพิวเตอร์ แม้จะต้องทนร้อนจากแสงแดดที่แทบจะเผาผิวกายให้ไหม้เกรียม แต่เธอก็พอใจที่ได้ทำให้ชนะชนต้องทุกข์ทรมาน ในเมื่อไฟแค้นของเธอมันร้อนยิ่งกว่าแสงแรงกล้าจากดวงอาทิตย์เป็นไหนๆ
“ ค่อยๆ เดินนะคะหัวหน้า ” มินตราเข้าไปช่วยจตุรงค์ประคองชนะชนที่เริ่มมีอาการทรุดลงจากพิษไข้ แต่ยังคงรั้นที่จะเข้าไปภายในพีระมิดทั้งสามแห่งให้ได้ และระหว่างที่ทั้งหมดเดินผ่านหน้าเซเรียซึ่งยืนยิ้มอยู่บริเวณทางเข้าพีระมิดฟาโรห์คูฟู....
“ ถึงกับต้องให้มเหสีสุดรักประคองเชียวหรือคะ... ท่านพี่ ” เธอพูดภาษาอียิปต์โบราณกับชนะชนพลางยิ้มเยาะเขา ยิ่งทำให้ชายหนุ่มรู้สึกเจ็บแค้นกับสิ่งที่เซเรียเคยทำไว้กับเขาและมิรา ในขณะที่คนอื่นๆ คิดว่าเซเรียพูดภาษาอาหรับจึงไม่ได้ให้ความสนใจ ยกเว้นจตุรงค์ซึ่งเข้าใจภาษาอาหรับดี และรู้ว่านั่นไม่ใช่ภาษาอาหรับ นั่นเองที่ทำให้จอมกะล่อนคอยลอบสังเกตท่าทางแปลกๆ ของชนะชนกับเซเรียอยู่คนเดียวเงียบๆ
“ ต้องขอโทษแทนเจ้าหน้าที่ของเราด้วยนะคะ เรื่องที่ทำกิริยาไม่เหมาะสม ” ตัวแทนคณะนักโบราณคดีอาวุโสชาวอียิปต์ ซึ่งทำหน้าที่ไกด์อยู่ภายในพีระมิด ก้มหัวขอโทษป๋าวิบูลย์ เจ๊แหม่ม และพวกชนะชน ทันทีที่ทั้งหมดเดินเข้าไปจนถึงส่วนในสุดของพีระมิด
“ ไม่เป็นไรครับ แต่ถึงยังไงก็ควรตักเตือนเธอบ้างนะครับ แบบนี้จะอยู่ในสังคมยาก ” ป๋าวิบูลย์เป็นตัวแทนตอบด้วยท่าทีขรึมๆ หากแต่แฝงความไม่พอใจไว้ให้อีกฝ่ายสัมผัสได้
“ เซเรียเป็นคนมีความสามารถเรื่องโบราณคดีอียิปต์มาก ปกติเธอจะไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงได้แสดงกิริยาแบบนั้นกับพวกคุณ ต้องขอโทษจริงๆ นะคะ ทางเราจะดำเนินการลงโทษเธอตามสมควรค่ะ ”
“ แค่ตักเตือนเธอก็คงพอมั้งครับ เดี๋ยวเธอไม่พอใจพวกเรา แล้วอาจจะทำให้มีปัญหามากกว่านี้ ” ชนะชนแย้งขึ้นทันที ไม่ใช่แค่เพื่อป้องกันไม่ให้ทุกคนต้องเดือดร้อน แต่เพราะรู้ถึงแรงอาฆาตแค้นของเธอดีว่ามีมากเพียงใด ต่อให้เธอเป็นคนผิด เธอก็จะตามราวีคนที่ตั้งตัวเป็นปรปักษ์กับเธอไม่เลิก จนกว่า... จะตายจากกันไปข้างหนึ่ง
แน่นอน ! ความแค้นข้ามภพข้ามชาติย่อมรุนแรงกว่านั้นหลายเท่านัก และเขาจะขอรับมันไว้เพียงคนเดียวทั้งหมด
“ เอ่อ... ห้องนี้ใช่ไหมครับสถานที่ตั้งพระศพ ดูๆ ก็คล้ายกับพีระมิดที่ทะเลทรายขาวนะครับ เพียงแต่ที่นี่ใหญ่โตโอ่โถงกว่ามากเลย ” จตุรงค์พูดทำลายความเงียบขึ้น หลังจากที่ทุกคนต่างพากันเงียบไปกับเรื่องของเซเรีย
“ ใช่ค่ะ แต่ในส่วนของพระศพและโบราณวัตถุอื่นๆ ทางเราได้ทำการขนย้ายไปที่พิพิธภัณฑ์แล้ว เพื่อความปลอดภัยและความสะดวกในการดูแลรักษา ” ตัวแทนคณะนักโบราณคดีอียิปต์คนเดิมตอบยิ้มๆ
“ แต่ดวงพระวิญญาณยังคงสถิตอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ” ชนะชนพูดขึ้นต่อท้าย พร้อมกับเดินไปคุกเข่าลงตรงกลางห้อง บริเวณที่เคยเป็นที่ประดิษฐานโลงพระศพ แล้วโน้มตัวลงจนหน้าผากแตะพื้น แขนทั้งสองวางราบคล้ายท่ากราบ เป็นการขอขมาต่อองค์ฟาโรห์ตามอย่างชาวอียิปต์โบราณ แต่นั่นกลับทำให้ทุกคนในที่นั้นคิดว่า ชนะชนเกิดอาการเพ้อจากพิษไข้
“ กลับไปนอนพักที่รถดีกว่าน่าชนม์ นายน่ะอาการเพียบหนักแล้วนะ ” จตุรงค์เข้าไปประคองชนะชนให้ลุกขึ้น โดยมีมินตราเข้าไปช่วยด้วยอีกคน และแม้อาการไข้จะทรุดลงกว่าเดิมมาก จากการต้องทนอยู่ในสภาพอับทึบ เกือบจะไร้ซึ่งอากาศภายในส่วนในสุดของพีระมิด แต่ชนะชนก็ยังปฏิเสธเสียงแข็ง
“ ฉัน... ไม่เป็นไร เป็นตายร้ายดียังไง ฉันก็ต้อง... ไปกราบ... แทบพระบาท... องค์ฟาโรห์ทั้งสามพระองค์... ให้... ไ... ด้... ”
เสียงของชนะชนขาดหายไปพร้อมกับการล้มลงของเขา โชคดีที่จตุรงค์กับมินตราช่วยกันประคองร่างไร้สติของชนะชนได้ทัน ก่อนที่ชายหนุ่มจะได้รับบาดเจ็บเพิ่ม ถึงอย่างนั้นก็ทำให้ทุกคนพากันตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะคำพูดของชนะชน ซึ่งทำให้ใครหลายคนเริ่มกังวลว่า อาจจะเกิดจากอาถรรพณ์คำสาปฟาโรห์และพีระมิด
ทั้งที่... เป็นเพียงคำพูดจากสำนึกในใจของอดีตฟาโรห์ไร้พระนามแห่งลุ่มน้ำไนล์เท่านั้น
“ มิ... รา... “
เสียงละเมอของชนะชนทำให้มินตราซึ่งอาสาเฝ้าไข้ชายหนุ่มอยู่ที่เต็นท์พยาบาล ระหว่างที่เจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ในคณะไปเยี่ยมชมพีระมิดอีก 2 แห่ง นั่งมองใบหน้าซีดๆ ที่เต็มไปด้วยเหงื่อของเขาด้วยความเป็นห่วง
...เขาละเมอชื่อนี้ออกมาหลายครั้งแล้ว มันคงเป็นชื่อคนรักของเขาและคงเกี่ยวข้องกับคำพูดที่เขาละเมอออกมาเมื่อเช้านี้ด้วย แต่นั่นเป็นภาษาอียิปต์ไม่ใช่เหรอ หมายความว่าหัวหน้าของเธอมีคนรักเป็นชาวอียิปต์ หรือเป็นเพราะอาการประสาทหลอนจากคำสาปและอาถรรพณ์ อย่างที่เจ้าหน้าที่บางคนนึกหวาดกลัว จะว่าไปเขาเองก็ดูแปลกไปตั้งแต่ตอนที่กลับมาจากทะเลทรายขาวเมื่อวานแล้ว อย่าบอกนะว่านั่นเป็นเพราะเขาโดนคำสาปฟาโรห์เข้าเสียแล้ว มินตราครุ่นคิดพลางย่นหน้าให้กับเรื่องเล่าลือเหล่านั้น
“ องค์ฟาโรห์ทรงใจดีจะตายไป ทรงเป็นถึงพระเจ้าแผ่นดิน ไม่ทรงทำกับประชาชนแบบนั้นหรอก ” หญิงสาวพึมพำ ก่อนจะใช้ผ้าเช็ดหน้าของตัวเองชุบน้ำสะอาดที่ทางเจ้าหน้าที่อียิปต์จัดใส่ขันมาให้ เช็ดตามใบหน้าและส่วนต่างๆ ของร่างกายที่อยู่นอกเสื้อผ้าของชนะชนอีกครั้ง เพื่อลดความร้อนจากอาการไข้ตามหลักการพยาบาลเบื้องต้น
...เธอคิดว่านั่นเป็นแค่ความหลังฝังใจของเขาเสียมากกว่า แต่หากเป็นเพราะคำสาปและอาถรรพณ์จริงๆ เธอก็ไม่ได้นึกหวาดกลัวอะไร ตรงกันข้ามมินตรากลับเชื่อมั่นว่าชนะชนและเธอจะไม่เป็นไร ทั้งๆ ที่ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงคิดแบบนั้น
“ คุณเขาเป็นยังไงบ้าง ? ”
เสียงตั้งคำถามที่ดังมาจากทางด้านหลังเรียกให้มินตราหันไปมองเซรีที่เดินหน้าบึ้งเข้ามา วันนี้หญิงสาวอยู่ในชุดเสื้อลูกไม้สีชมพูแขนยาวกับกางเกงยีนส์เข้ารูปสีน้ำเงินดูสวยหวาน ผิดกับมินตราและชนะชนซึ่งยังคงสวมเสื้อผ้าในโทนไว้ทุกข์ พลอยให้สมาชิกคนอื่นๆ ในคณะต้องสวมตามไปด้วย
“ ยังหลับอยู่เลยค่ะ ” มินตราตอบคำถามเซรีด้วยคำง่ายๆ ที่คิดว่าคงไม่ยากนักกับการที่ชาวต่างชาติจะทำความเข้าใจ
“ ดิฉันจะเฝ้าไข้เขาให้เอง คุณไปที่พีระมิดเมนเคอเรเถอะ พวกของคุณกำลังจะเข้าไปที่นั่น ” เซรีบอกมินตรา ฟังดูคล้ายปรารถนาดี ทั้งที่ความจริงแล้วเธอแค่อยากอยู่ใกล้ชนะชน โดยไม่มีก้างขวางคอต่างหาก
“ ขอบคุณนะคะ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ รบกวนคุณเปล่าๆ ดิฉันจะเฝ้าหัวหน้าเองค่ะ ” มินตรายิ้มขอบคุณเซรีอย่างจริงใจ หากแต่เซรีไม่ได้คิดเช่นนั้น
...หญิงสาวมองว่ามันเป็นรอยยิ้มที่มินตราใช้เย้ยหยันเธอ ผู้หญิงคนนี้คงกำลังหลงรักหัวหน้าของตัวเองอยู่ และประกาศตัวเป็นศัตรูความรักของเธออย่างเต็มตัว ซ้ำยังดูถูกว่าเธอไม่มีทางได้หัวใจของเขามาครอง แน่นอนว่าเธอไม่มีทางยอมแพ้แค่นี้ แล้วก็จะขอรับคำท้าที่ส่งมาพร้อมกับรอยยิ้มนั้นด้วย เซรีเชิดหน้ามองมินตราด้วยความหมั่นไส้ระคนเกลียดชัง ขณะที่มินตรายังคงยิ้มให้อีกฝ่ายโดยไม่รู้เรื่องรู้ราวใดๆ ด้วย
“ ที่เขาไม่ฟื้นเพราะคุณปฐมพยาบาลไม่ถูกวิธีล่ะสิ ถ้าทำไม่เป็นก็ควรไปทำหน้าที่ของคุณจะดีกว่า ฉันจะดูแลเขาเอง ” เซรีเปิดฉากกล่าวหาจนมินตราถึงกับนั่งงง
“ ดิฉันก็ทำตามหลักการปฐมพยาบาลเบื้องต้นทุกอย่างแล้วนะคะ หัวหน้าอาจจะอ่อนเพลียมากเลยหลับสนิทก็ได้ ”
“ คุณเรียนแต่โบราณคดีมา จะมารู้เรื่องพยาบาลดีกว่าคนที่จบพยาบาลอย่างฉันได้ยังไง ”
ท่าทางอวดดีกับอารมณ์ขุ่นมัวของเซรี ทำให้มินตรายิ่งงุนงงมากขึ้น นอกเหนือจากการได้รับรู้ว่าอีกฝ่ายใช้ภาษาไทยคล่องราวกับเป็นเจ้าของภาษาเสียเอง และไม่เฉพาะมินตราเท่านั้นที่ได้รับรู้...
“ การดูถูกคนอื่นโดยที่ยังไม่ได้รู้จักเขาอย่างถ่องแท้ เป็นการกระทำที่ผิดพลาดอย่างร้ายแรงเลย ” ชนะชนพูดพร้อมกับยันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งบนเตียงผ้าใบสีแสบตา ซึ่งทางเจ้าหน้าที่อียิปต์จัดมาให้เช่นกัน
“ หัวหน้า ! อย่าพึ่งรีบลุกสิคะ เดี๋ยวจะล้มนะคะ ” มินตราผวาลุกขึ้นประคองเขา โดยที่ชนะชนเองก็ไม่ได้ปฏิเสธใดๆ ไม่ว่าจะเป็นทางคำพูดหรือสีหน้าท่าทาง เป็นภาพที่บาดตาบาดใจจนเซรีแทบจะกรีดร้องออกมา ถึงอย่างนั้นเธอก็ทำได้เพียงแค่แอบจ้องมองมินตราแบบจะกินเลือดกินเนื้อ เพื่อรักษาภาพลักษณ์ของตัวเองในยามอยู่ต่อหน้าชนะชน
“ มินตรา... ช่วยพาผมไปที่พีระมิดฟาโรห์คาเฟรที ” ชนะชนบอกแกมขอร้องหญิงสาว และไม่แม้แต่จะชำเลืองมองเซรี
“ แต่อาการของหัวหน้ายังไม่ดีเลยนะคะ ”
“ นั่นสิคะ ควรจะนอนพักรอคนอื่นๆ กลับมาจะดีกว่านะคะ เพื่อนของคุณตอนนี้ก็ออกจากพีระมิดคาเฟร ไปที่พีระมิดเมนเคอเรกันหมดแล้วด้วย ” เซรีเสริมคำพูดของมินตรา ด้วยท่าทีที่แสดงออกว่าเป็นห่วงชนะชนมาก
“ ผมรู้ตัวเองดีว่ายังไหว ” ชายหนุ่มตอบอย่างเย็นชา แล้วลุกขึ้นเดินออกไป ทำให้มินตราต้องรีบตามไปประคอง แต่ก็ใช่ว่าเซรีจะยอมแพ้เพียงแค่นี้
“ เดี๋ยวดิฉันจะตามเซเรียให้ไปช่วยนำทางให้นะคะ ” เธอรีบเดินตามไปบอกเขา แต่กลับถูกชนะชนหันขวับมาจ้องหน้า นัยน์ตาวาวโรจน์
“ ไม่ต้อง ! ” เขาสวนขึ้นเสียงเข้ม คล้ายไม่พอใจในสิ่งที่เธอพูด ไม่สิ ! เหมือนจะไม่พอใจทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นเธอมากกว่า
“ แต่ว่าคุณอาจจะหลงได้นะคะ แล้วถ้าเข้าไปสุ่มสี่สุ่มห้า ก็อาจจะทำให้ดวงพระวิญญาณในนั้นไม่พอพระทัยก็ได้ ” เซรีพยายามหาข้ออ้างมาชักแม่น้ำทั้งห้าอีก
“ หึ ! คุณกลัวว่าองค์ฟาโรห์จะทรงไม่พอพระทัยจริงๆ น่ะหรือ ? ” ชนะชนหัวเราะขื่นๆ ก่อนจะเดินต่อไปโดยไม่สนใจเซรี ยิ่งทำให้หญิงสาวร้อนรุ่มไปด้วยไฟริษยา ในเมื่อเห็นตำตาว่าชายหนุ่มปฏิบัติต่อมินตราต่างจากที่ปฏิบัติกับเธอราวฟ้ากับเหว เหมือนจงเกลียดจงชังเธอมาแต่ชาติปางก่อน
...ใช่ ! แววตาคู่นั้น สายตาที่จ้องมองมาของเขา มันเหมือนกับมีบางอย่างแฝงอยู่ เป็นความรู้สึกเจ็บแค้นและชิงชัง ทั้งๆ ที่เธอไม่เคยทำอะไรให้เขาต้องรู้สึกแบบนั้นเลยสักนิด เซรียืนน้ำตาคลอมองชนะชนที่ค่อยๆ เดินห่างออกไปพร้อมกับมินตรา ลึกๆ ในอกอัดแน่นไปด้วยความเสียใจ น้อยใจ ซึ่งเป็นเชื้อฟืนอย่างดีที่เติมไฟริษยาให้ยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ เธอไม่มีทางยอมแพ้แค่นี้แน่ เซรีบอกตัวเองพลางมองตามหลังมินตราไปอย่างโกรธแค้น และราวกับเป็นความแค้นที่ฝังลึกมานานแสนนานข้ามภพข้ามชาติ
