บท
ตั้งค่า

บทที่ 8. คือความลับที่อยู่ในใจ คือความรักที่อยู่ข้างใน...

สภาพของชายหนุ่มเจ้าสำอางรูปร่างสูงโปร่งที่ก่อนหน้านี้ยังพอดูรู้ว่าเป็นใครนั้นบัดนี้ผอมโซผมเผ้าหนวดเครายาวรุงรังซ้ำเสื้อผ้ายังสกปรกขาดวิ่นเพราะไม่ได้รับการเอาใจใส่ดูแลจากเจ้าตัวอีกทั้งก็ไม่มีเสื้อผ้าชุดใหม่ให้เขาได้เปลี่ยนใส่ ทำได้เพียงใส่ตัวเดิมซ้ำๆ มากว่าสองสัปดาห์แล้ว แต่สองสัปดาห์ในความรู้สึกของมิ่งเมืองนั้นมันยิ่งกว่าสองปีเสียอีก

“เมื่อไหร่แกจะปล่อยฉันไป” เขาถามพลางมองโซ่ตรวนที่ข้อเท้าและข้อมือผอมๆ ของตนอย่างหมดอาลัยตายอยากในชีวิต

“คิดว่าไม่...” อัครวัฒน์ตอบเบาๆ มองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยแววตาเย็นชา...

“ไม่... จนกว่าแกจะตายไปเอง แล้วเมื่อนั้นฉันจะปล่อยแกไป” เสียงของเขากึกก้องไปทั้งโพรงถ้ำเย็นเฉียบและอับชื้นที่ถูกดัดแปลงเป็นสถานที่กักกันนักโทษของดีแลนด์ซึ่งมันอยู่ท้ายไร่อัคราซึ่งติดกับภูเขาสูงและมีชะง่อนหินผาเป็นปราการอย่างดีที่จะทำให้นักโทษที่นานๆ จะมีมาให้ทรมานสักคนไม่อาจจะหนีไปได้หรือหากคิดจะหนีก็คงจะง่ายและคงจะเป็นการหนีไปตายเสียมากกว่า

“แกมันไม่ใช่คน ดูสิ่งที่แกทำกับฉันสิ ฆ่าฉันเสียยังจะดีกว่า”

“ไม่.. มันง่ายไป หากจะให้แกตายไอ้มิ่งเมือง คนอย่างแกมันต้องเรียนรู้ที่จะต้องรู้สึกถึงความเจ็บปวดทรมานและความทุกข์ของคนอื่นด้วยสิ ตายไปจะได้ไม่เสียชาติเกิด”

“แน่จริงมึงปล่อยกูแล้วมาดวลกันตัวต่อตัวสิวะ” มิ่งเมืองเดือดดาลโดยไม่นึกถึงสารรูปตัวเอง

“ครั้งที่แล้วที่สารรูปมึงยังเป็นผู้เป็นคนมึงยังสู้กูไม่ได้เลยไอ้เมือง ตอนนี้กูก็ไม่คิดจะเสี่ยงกับหมาจนตรอกอย่างมึงหรอก ที่มาวันนี้ก็มาเพื่อจะบอกว่า น้องสาวกับพ่อของมึงอยู่ในกำมือกู...”

อัครวัฒน์พูดช้าๆ มองคนตรงหน้าอย่างเกลียดชัง เขาขังมิ่งเมืองไว้ที่นี่และให้ทำงานหนักกว่าทุกคนในไร่ของพี่ชายและเมื่อทำงานเสร็จก็จะให้คนควบคุมตัวมิ่งเมืองมาขังที่เดิมทุกๆ วัน การดัดสันดานคนอย่างมิ่งเมืองนั้นดูเหมือนจะไร้ความหมายหากดูจากดวงตาที่วาวโรจน์ของเขา แต่อัครวัฒน์ไม่คิดจะใส่ใจ หากมิ่งเมืองยังคงไม่สำนึกและยังสร้างปัญหาเขาก็มีทางออกให้มิ่งเมืองด้วยวิธีของเขาอยู่แล้ว...

“มึง มึงทำอะไรพ่อกับน้องสาวกู... กูไม่เชื่อ มนไปอยู่กับเสียวิบูลเป็นเมียน้อยเสี่ยวิบูลสบายไปแล้วและไอ้เสี่ยนั่นมันคงไม่ยอมให้แกเอาตัวยายมนมาหรอก...”

“หึหึ คิดว่าไอ้เสี่ยกระจอกนั่นมันจะสู้คนอย่างกูได้เหรอวะ ตอนนี้น้องสาวมึงเป็นนางบำเรอกู ที่กูจะเขี่ยทิ้งหรือส่งต่อให้ลูกน้องกูคนไหนก็ได้ กูจะให้น้องสาวมึงมีผัวทีเดียวสิบคน หรือมีทีละคน ทีละวันก็ยังได้เลย...”

อัครวัฒน์กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา หากแต่ลึกๆ ในใจนั้นรุ่มร้อนยิ่งนักเมื่อคิดถึงภาพที่มนตราอยู่ในอ้อมกอดของชายอื่น ซึ่งแค่คิดเขาก็รู้สึกเดือดดาลขึ้นมาด้วยความหวงแหนโดยไม่รู้ตัว...

“มึง... ไอ้ผู้ดีจอมปลอม มึงก็เลวพอๆ กับกูนั่นล่ะ” มิ่งเมืองแทบจะโผนเข้ามาทำร้ายอัครวัฒน์ที่ยืนกางขากอดอกมองเขาเหมือนตัวเชื้อโรคน่าขยะแขยง...

“กูยังมีจิตใจที่ดีกว่ามึงเยอะ อย่างน้อยๆ พ่อมึงก็ได้ไปผ่าตัดที่เมืองนอกแลกกับความบริสุทธิ์ของน้องสาวมึง ไม่นานพ่อมึงก็จะกลับมาและต้องได้เห็นสารรูปของมึงกับน้องสาวมึงว่าเป็นยังไง...”

“ไอ้โดม กูจะฆ่ามึง...”

“มึงคงไม่มีโอกาสนั้นหรอกมิ่งเมือง... คนอย่างมึงเห็นแก่ตัวและไม่คู่ควรจะเป็นลูกหรือพี่ชายใคร... ความชั่วที่มึงทำมึงยังไม่สำนึกอีกหรือ... ชลิตาต้องฆ่าตัวตายก็เพราะมึง... ข้อนี้กูไม่ลืม...”

คำพูดของเขาทำให้มิ่งเมืองสงบลงอย่างไม่น่าเชื่อ จากที่คลุ้มคลั่งจะเข้ามาทำร้ายเขาให้ได้ก็พลันนิ่งงัน ดวงตาที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้นอ่อนแสงลง ร่างซอมซ่อค่อยๆ ทรุดนั่งลงกับพื้นหินเย็นเฉียบเหมือนคนที่กำลังจะหมดแรงหายใจ...

“แล้วพรุ่งนี้กูจะพาน้องสาวมึงมาดูสารรูปหมาขี้เรื้อนของมึง...” อัครวัฒน์กล่าวทิ้งท้ายก่อนจะเดินออกไป แต่ก่อนที่เขาจะก้าวพ้นประตูเหล็กกล้าก็ต้องชะงักเมื่อมิ่งเมืองเรียกเขาเบาๆ

“เดี่ยวก่อน... อย่าเพิ่งไป...” อัครวัฒน์หยุดฟังสิ่งที่มิ่งเมืองจะพูดแต่ไม่ได้หันกลับมามองแม้แต่หางตา...

“อย่าพามนมาที่นี่ อย่าให้มนเห็นสภาพของฉันแบบนี้...” สรรพนามและน้ำเสียงของมิ่งเมืองเปลี่ยนไปทำให้คนฟังลอบถอนใจเบาๆ ก่อนจะเดินออกไปเงียบๆ โดยไม่พูดอะไร...

ทันทีที่ประตูเหล็กหนาปิดลงมิ่งเมืองก็ถึงกับร่ำไห้กับตนเองอย่างไม่อาจหักห้ามน้ำตาที่อัดแน่นอยู่ในกระบอกตาได้... น้ำตาลูกผู้ชายหน้าตัวเมีย... คำคำนี้คงเหมาะสมกับเขาแล้ว... มิ่งเมืองหลับตาลงอย่างปวดร้าวเมื่อเสียงกรีดร้องด้วยความตื่นตระหนกวอนขอความช่วยเหลือและภาพร่างกายที่ชุ่มโชกด้วยเลือดแดงฉานของชลิตายังติดตาเขามาจนทุกวันนี้

ทุกๆ ค่ำคืนเขายังคงฝันร้าย... ในฝันเขาเห็นชลิตานั่งร้องไห้อย่างโดดเดี่ยวในสถานที่เปลี่ยวร้างและหนาวเหน็บ แววตาเธอที่มองเขานั้นเต็มไปด้วยความเศร้าโศกเสียใจแต่เขากลับมองดูเธอเฉยๆ ไม่สามารถเข้าไปช่วยเหลือเธอได้... เสียงร้องไห้ของเธอนั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวดโหยไห้อยู่ในหัวของเขาไม่ว่าจะหลับหรือตื่นเสียงนั้นมันยังคงชัดเจนจนเขาไม่อยากจะข่มตาหลับ

ตลอดสองปีที่ผ่านมาที่เขาพยายามหลบหนีการตามล่าของอัครวัฒน์ ไม่มีคืนไหนเลยที่เขาจะไม่ฝันถึงเธอ

ฝันถึงผู้หญิงที่ครั้งหนึ่งเขาแอบรักเธอ.. ใช่แล้วเขาแอบรักเจ้านายของตนเองมาตลอดและรู้ดีว่าเขาไม่คู่ควรกับเธอแม้แต่จะคิด และสุดท้ายเธอต้องมาตายเพราะเข้าเป็นต้นเหตุ...

“ผมขอโทษคุณหนูเล็ก ผมขอโทษ...” มิ่งเมืองร่ำไห้อยู่คนเดียว ความโดดเดี่ยวเดียวดายและหนาวเหน็บที่เห็นชลิตาเผชิญในความฝันนั้นเขารู้ดีทีเดียวว่ามันทรมานเพียงใด หากตอนนี้เขาสามารถจะทำอะไรเพื่อเธอได้ เขาก็พร้อมจะทำ... แต่เธอตายแล้ว.. เธอไม่ได้มีชีวิตอยู่เพื่อให้เขาชดใช้ให้กับเธอแล้วซ้ำเขายังทำให้บิดากับน้องสาวต้องมารับเคราะห์กรรมจากการกระทำของตนอีกด้วย...

เขาน่าจะตายๆ ไปเสีย แทนที่จะเป็นชลิตา... วูบหนึ่งของความคิดมิ่งเมืองเคยคิดจะฆ่าตัวตายเพื่อชดใช้ความผิดที่ก่อแต่เสียงใสๆ ของชลิตากลับดังกังวานอยู่ในหัวราวกับว่าเธอพูดอยู่ข้างๆ หู

“คุณจะตายไม่ได้ คุณต้องอยู่เพื่อทำสิ่งหนึ่งให้ฉัน... คุณต้องรอ”

เสียงของเธอยังก้องอยู่แม้ในขณะนี้ซึ่งเขาไม่รู้ว่าเธอให้เขารออะไร...

“คุณหนูเล็ก ได้โปรด ปลดปล่อยผมที...”

มิ่งเมืองขดตัวกกกอดตัวเองทั้งน้ำตา... และยังคงเผชิญกับฝันเดิมๆ ดังเช่นทุกค่ำคืนที่ผ่านมา... เขาคงต้องรอ รออย่างที่ชลิตาได้บอกให้เขารอ แล้วเมื่อไหร่การรอคอยที่ไม่มีจุดหมายปลายทางของเขามันจะจบสิ้นลงเสียที...

เสียงหัวเราะสดใสของมนตราดังแว่วๆ มาพร้อมทั้งเสียงหัวเราะของแดนนี่กับดาเนียลบอดีการ์ดคู่ใจของเขาทำให้อัครวัฒน์ขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่ชอบใจก่อนจะเดินหน้าตึงไปตามเสียงของคนทั้งสาม ภาพที่เขาเห็นนั้นยิ่งทำให้ความไม่ชอบใจกลายเป็นโกรธเกรี้ยวเมื่อเห็นคนทั้งสามนั่งคุยกันอย่างสนิทสนมอยู่ที่ม้านั่งสีขาวตัวสวยระหว่างซุ้มทางเดินไปยังเรือนของตน มนตราพูดคุยยิ้มแย้มกับคนของเขาทั้งยังหัวเราะสดใสแตกต่างจากตอนที่เธออยู่ต่อหน้าเขาลิบลับที่เต็มไปด้วยความหวาดหวั่นและดื้อรั้นเงียบๆ

“ขอบคุณมากนะคะพี่แดนนี่ มนก็คิดอยู่ว่ามันต้องอยู่กับพี่เมือง”

“ไม่เป็นไรครับ พี่เองก็คิดว่ามันเป็นของน้องมนและน้องมนคงอยากจะเก็บมันไว้ใช้เองมากกว่า...”

“ค่ะ มนต้องขอบคุณพี่ๆ อีกครั้งนะคะ ไม่รู้จะขอบคุณยังไงเลยค่ะ” มนตรายิ้มหวานให้พี่ชายใจดีทั้งสองด้วยความจริงใจแต่แล้วต้องรีบหุบยิ้มเมื่อหันมาเจอแววตาแข็งกร้าวของอัครวัฒน์ที่กำลังเดินหน้าตึงมายังตน...

“คุ คุณโดม...” เสียงดังแค่กระซิบของเธอทำให้แดนนี่กับดาเนียลรีบยืดตัวตรงโค้งให้เจ้านายหนุ่มแล้วถอยออกมายืนห่างจากผู้หญิงของเจ้านายอย่างรู้ตัว...

“นี่พวกนายว่างงานกันมากรึไง...”

“ผมเพียงแต่เอาของมาคืนน้อง เอ่อ คุณมนครับ” แดนนี่ตอบเสียงเรียบไม่แสดงอาการใดๆ เมื่อตนนั้นบริสุทธิ์ใจ

“ของอะไรถึงได้ดูยินดีระริกระรี้ขนาดนั้น” คำถามของเขาทำให้มนตรารีบซ่อนของที่ว่าไว้ด้านหลังทันทีและท่าทางมีพิรุธของเธอก็ไม่อาจจะรอดพ้นสายตาของอัครวัฒน์ไปได้

“เอามันมาให้ฉันมนตรา...”

“แต่ว่า...”

“เอามันมาให้ฉัน... แล้วนายสองคนก็ไปให้พ้นหน้าฉันเดี๋ยวนี้...” เสียงเข้มๆ ของเจ้านายที่ไม่หันมามองหน้าทำให้สองคู่หูนั้นรู้ดีว่าเจ้านายกำลังโกรธจัดแม้จะนึกห่วงหญิงสาวตัวเล็กแต่พวกเขาก็เป็นเพียงลูกน้องเป็นลูกจ้างที่ยังต้องฟังคำสั่งและซื่อสัตย์ต่อเจ้านาย แดนนี่กับดาเนียลเดินออกไปเงียบๆ ปล่อยให้มนตราเผชิญหน้ากับอัครวัฒน์เพียงลำพัง...

“แต่มันเป็นของของมนนะคะ...” เธอแย้งอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรเธอไม่อยากให้เขาเห็นของที่เป็นของเธอสิ่งนี้เพราะมันซ่อนความลับบางอย่างของเธอไว้

“เธอมีสิทธิ์เถียงฉันตั้งแต่เมื่อไหร่มนตรามันคืออะไร เอามันมาให้ฉันเดี๋ยวนี้” ชายหนุ่มพุดเสียงแข็งทั้งยังเดินเข้ามาหาเธอด้วยท่าทางคุกคาม มนตราก้าวถอยหลังทั้งยังส่ายหน้าจนเรือนผมยาวสยายสะบัดพลิ้ว ท่าทางดื้อดึงของเธอยิ่งทำให้อัครวัฒน์อยากเอาชนะ...

“เธอโดนทำโทษหนักแน่คืนนี้มนตรา...” เขาขู่ฟู่และคำขู่ของเขาก็ก่อให้เกิดจุดแดงก่ำลุกลามไปทั้งใบหน้านวลใส แต่เธอก็ยังดื้อดึงยังคงซ่อนของที่ดูเหมือนเจ้าตัวจะหวงแหนไว้ด้านหลังแน่นทั้งยังถอยหลังหนีเขาไปเรื่อยๆ

“อ้าวโดม กลับมาแล้วเหรอไอ้น้องชาย...” เสียงของอัคนีพี่ชายคนรองดังขึ้น ร่างสูงสมาร์ตหล่อเหลาไม่เสื่อมคลายของอัคนีเดินมาพร้อมกับบารนีผู้เป็นภรรยาและน้องนาเดียลูกสาวคนเล็กที่ยิ้มร่าให้เขามาแต่ไกล...

“พี่เดียว น้องบี หนูนาเดียร์... มายังไงกันเนี่ย...”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel