บท
ตั้งค่า

บทที่ 8. คือความลับที่อยู่ในใจ คือความรักที่อยู่ข้างใน...จบตอน

ดังสวรรค์เข้ามาช่วยเธอจากซาตานร้าย มนตราลอบถอนหายใจเมื่อสามารถหลบเร้นอัครวัฒน์มาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเมื่อเขากับพี่ชายไปคุยธุระกันสามคนพี่น้องดีแลนด์ซึ่งมนตราเองนึกชื่นชมว่าสามพี่น้องตระกูลนี้ช่างหล่อเหลาและร่ำรวยสมบูรณ์แบบเสียจริงๆ เหมือนพระเจ้าลำเอียงประทานความหล่อเหลาร่ำรวยมาให้พวกเขาสามพี่น้องเสียหมดกระนั้น และหญิงสาวทั้งสองไม่ว่าจะเป็นยอดรักหรือบารนีนั้นก็เป็นหญิงสาวที่โชคดีเหลือเกินที่ได้ครอบครองสองในสามดวงใจแห่งตระกูลดัง

เธอจะมีโอกาสเหมือนผู้หญิงทั้งสองคนนั้นไหมหนอ..

มนตราแอบถามตัวเองและตอบเองว่า เธอคงหมดสิทธิ์ตั้งแต่คิดแล้ว และยังหน้าทนคิดว่าตนจะมีโอกาสอีกหรือช่างไม่ละอายและไม่เจียมตัวเสียเลย

“เฮ้อ... ยายมนเอ๋ย เธอคิดอะไรที่มันไม่มีทางเป็นไปได้เลย... เอาล่ะ... ซ่อนไว้ตรงนี้ก่อนก็แล้วกันแล้วค่อยเอาออกมาดูว่ามันใช้ได้ไหม...”

มนตราพูดกับตัวเองพลางเอาผ้าขนหนูผืนเล็กมาปกปิดของสิ่งหนึ่งไว้จากสายตาของอัครวัฒน์ก่อนจะรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเมื่อมีเด็กรับใช้มาตามเธอให้ออกไปรับประทานอาหารเย็นร่วมกับครอบครัวของเขา...

ร่างเล็กของหญิงสาวที่เดินอย่างเหนียมอายเข้ามายังชานเรือนกว้างขวางซึ่งตั้งสำรับอาหารไว้พร้อมสรรพนั้นดึงดูดทุกสายตาให้มองไปที่เธอจนมนตรารู้สึกประหม่าเมื่อคนทั้งห้ามองมายังตนเป็นจุดเดียว...

“เข้ามาเลยจ้ะน้องมน มานั่งข้างๆ พี่นี่มา...” บารนีเป็นผู้เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานในแบบของเธอทั้งยังเดินมาจูงมือเล็กไปนั่งข้างๆ ตน ทั้งอัคราและอัคนีต่างก็ยิ้มให้เธออย่างเป็นมิตรและเอ็นดูเว้นเพียงคนเดียวเท่านั้นที่นั่งหน้าตึงอยู่ตรงข้ามกับเธอ...

“น้องมนอย่าไปสนใจโดมเลยค่ะ พี่รักว่าวันนี้เป็นวันดีนะที่เราอยู่กันพร้อมหน้าซึ่งนานๆ จะมีโอกาสแบบนี้” ยอดรักกล่าวขึ้น หญิงสาวอยู่ในชุดคลุมท้องผ้าไหมสีสวยงดงามยิ้มหวานให้เธอพลางสั่งให้แม่บ้านตักข้าวให้ทุกคน

“น้องมนทานเยอะๆ นะครับ ดูจะผอมไปนะเราน่ะ ตัวเล็กเกินไปเดี๋ยวไม่มีแรงสู้กับยักษ์ใหญ่” อัคนีกล่าวยิ้มๆ อย่างเป็นกันเองแล้วหันไปหลิ่วตาให้น้องชายที่นั่งจิบไวน์ข้างๆ

“บอกให้เธอระวังยักษ์ใหญ่จะจับหักคอด้วยก็ดีนะผมว่า” อัครวัฒน์เอ่ยขึ้นด้วยท่าทางหงุดหงิด หงุดหงิดที่ใครๆ ต่างก็ดูจะรักใคร่มนตรา..

“แต่พี่ว่าบางทียักษ์ใหญ่เนี่ย มันก็อาจจะล้มตึงได้ง่ายๆ เพราะมดตัวเล็กๆ นะ...”

อัคราเสริมคำพูดแกมประชดประชันของอัครวัฒน์ที่เขาดูก็รู้ว่าน้องชายนั้นคงรู้สึกหึงหวงมนตราที่คุยกับบอดีการ์ดคนสนิททั้งสองของตนเอง

อัครวัฒน์เป็นคนที่เก็บอารมณ์เก่งแม้บางทีเขาดูเป็นหนุ่มเจ้าสำราญและขี้เล่น หากเป็นเมื่อก่อนอัครวัฒน์จะกลบเกลื่อนความรู้สึกที่มีด้วยการพูดจาก่อกวนยียวนยอกย้อนหากเขาสนใจใครสักคน เหมือนครั้งที่ชอบพอกับชลิตาซึ่งอัครวัฒน์เองจะมักเข้าไปวอแวและพูดจายียวนกวนประสาทชลิตาอยู่บ่อยๆ เมื่อคนทั้งคู่ได้ปะทะคารมกันได้ทะเลาะกันบ่อยๆ ก็เลยเกิดเป็นความรักที่สุกงอมนั่นเอง...

แต่เมื่อน้องชายของเขาสูญเสียชลิตาไปด้วยเหตุการณ์แสนเศร้าก็ทำให้อัครวัฒน์เปลี่ยนเป็นคนเงียบขรึมและอารมณ์ร้ายแปรปรวนง่ายซึ่งเขาหวังวามนตราจะช่วยเยียวยาและพาน้องชายคนเดิมของพวกเขากลับคืนมา...

ความแค้นและการผูกใจเจ็บไม่เคยให้คุณแก่ใคร เรื่องนี้เขากับอัคนีซึ่งผ่านมันมาก่อนเข้าใจดีและรู้รสชาติความยึดมั่นในทิฐิความโกรธแค้นดีว่ามันเป็นอย่างไร ไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับตนเองหรือคนใกล้ชิดพวกเขาก็ไม่อยากให้ความรู้สึกด้านลบนั้นมาบั่นทอนความสุขในครอบครัวของพวกเขา และเขาก็คิดว่าเรื่องเศร้าที่เกิดขึ้นกับอัครวัฒน์และชลิตานั้นมันควรจบที่คนเพียงคนเดียวนั่นก็คือมิ่งเมือง...

“เราทานข้าวกันเถอะค่ะ เดี๋ยวเด็กๆ จะง่วงนอน ป่านนี้บรรดาพี่เลี้ยงคงจะปวดหัวกันแย่แล้ว...”

บารนีเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นหนุ่มๆ คุยกันมากไปและเธอก็ไม่อยากพาลูกสาวตัวน้อยกลับไปนอนที่ เรือนเดียว เรือนไม้สักทองทั้งหลังรูปทรงทันสมัยซึ่งอยู่ถัดไปต่อจากเรือนโดมดึกนัก แล้วหนุ่มสาวทั้งหกก็รับประทานอาหารไปคุยกันไปอย่างออกรสโดยทั้งโต๊ะอาหารยอดรักกับอัคราซึ่งเป็นเจ้าของบ้านนั้นต่างดูแลเอาใจใส่ทุกคนเป็นอย่างดี...

“อุ๊ย คุณโดม เดินดีๆ ค่ะเดี๋ยวจะล้มนะคะ...” มนตราบอกคนตัวโตที่ทิ้งน้ำหนักลงมาที่เธอจนแทบจะรับน้ำหนักเขาไม่ไหว ยิ่งเขาเมามายแบบนี้ก็ยิ่งเป็นเรื่องยากสำหรับเธอเมื่อเขาไม่ค่อยให้ความร่วมมือนักจนเธอเกือบจะพาเขาล้มหลายครั้งกว่าจะมาถึงเรือน

“เฮ้อ... คนอะไรตัวหนักเป็นบ้า...” หญิงสาวถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อสามารถพาเข้ามานอนบนเตียงกว้างได้สำเร็จ

“ปายเอาเหล้ามาอีก ฉานจาดื่ม ดื่มๆ” เสียงอ้อแอ้พร้อมทั้งมือไม้ไขว้คว้าเปะปะ

“คุณเมาแล้วค่ะนอนดีๆ ก่อนนะคะ เดี๋ยวมนเช็ดตัวให้...” มนตราบอกเขาทั้งที่รู้ว่าเขาคงไม่ได้ยินก่อนจะเดินไปหาผ้ามาเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้เขาอย่างอ่อนโยนจนคนตัวโตหลับไปแล้วแม้จะพยศราวเด็กชายตัวเล็กๆ เมื่อถูกผ้าเย็นๆ เช็ดตามเนื้อตัว

มนตรามองใบหน้าที่รกไปด้วยหนวดเคราของเขาแล้วก็พลันนึกถึงใบหน้าหล่อเหลาที่ปราศจากหนวดเคราของเขาจากที่เธอเคยเห็นก่อนหน้านี้ด้วยความรู้สึกเจ็บลึกๆ ในอก...

อย่าหลงเสน่ห์เขานะมนตรา เขาไม่ใช่คนที่เธอควรจะรัก...

เธอเฝ้าบอกตัวเองแม้ในขณะที่หัวใจของตนเป็นของเขาตั้งแต่เห็นรูปถ่ายของเขากับพี่ชายของเขาในบ้านพักหลังงามเมื่อสามปีก่อนที่เธอมาหาบิดาที่บ้านพักของเขาริมหาด...

มนตราไม่เคยบอกใครเรื่องนี้แม้แต่กับบิดาของตนเพราะเธอคิดว่าการแอบรักเขาก็เหมือนกับความรักที่แอบรักแอบคลั่งไคล้ดารา แต่ในวันนี้เธอรู้ดีว่ามันไม่ใช่ เธอผูกพันกับเขาเสียแล้วทั้งร่างกายและหัวใจและมันก็ยากเหลือเกินที่จะตัดใจแต่ความลับนี้มันก็อยู่ในสิ่งที่แอบซ่อนมันไว้จากสายตาของเขา...

มนตราเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอนผ้าฝ้ายสบายๆ อย่างที่ชอบใส่ก่อนจะมานอนคนละฟากเตียงกับเขาและหลับไปอย่างรวดเร็วจนมารู้สึกตัวอีกทีตอนกลางดึกเมื่อวงแขนแข็งแรงของคนที่นอนอยู่ข้างๆ เกี่ยวเอวบางให้เข้าไปแนบชิดพร้อมทั้งริมฝีปากร้อนๆ ของเขาก็เริ่มไต่แต้มไปทั่วใบหน้านวลอย่างสนิทสนม...

“อืม พี่โดม ต้องการอะไรคะ...” เสียงหวานใสครางพลิ้วด้วยสรรพนามแสนน่ารักเพราะความลืมตัวและกำลังฝันหวานเมื่อถูกรบกวนการนอนเธอก็คิดว่าเขาอาจจะอยากได้อะไรกลางดึกเช่นอยากดื่มน้ำหรือหิวเพราะเธอเห็นว่าเขารับประทานอาหารไปนิดเดียวเมื่อหัวค่ำ แม้งัวเงียเธอก็ยังนึกห่วงเขา

“ฉันต้องการเธอไงล่ะมนตรา...” เสียงนุ่มทุ้มดังอยู่ชิดแก้มใสที่เจ้าตัวกำลังขยับเปลือกตายุกยิกๆ งัวเงียอยู่ทั้งยังมึนๆ งงๆ กับริมฝีปากร้อนๆ ของเขาที่กำลังแตะแต้มไปตามแก้มนุ่มเรื่อยมายังริมฝีปากจิ้มลิ้มของเธอที่กำลังเผยอปากจะเอื้อนเอ่ยคำพูดออกมาจึงเปิดโอกาสให้เขาสอดลิ้นร้อนเข้าไปดูดรัดกับเรียวลิ้นเล็กที่หลงใหลไปกับเขาอย่างง่ายดาย ทั้งยังจูบตอบเขาอย่างน่ารักอีกด้วย ตอนนี้เธอกับเขาเหมือนไฟกับน้ำมันที่เพียงแค่มีประกายไฟเล็กน้อยเพลิงเสน่หาร้อนแรงก็พร้อมจะลุกพรึบได้อย่างง่ายดาย...

“อื้ม อา... คุ คุณโดม... อุ๊ย... โอว...” เมื่อสิ่งที่คิดว่าเป็นความฝันนั้นชัดเจนมากขึ้นเมื่อมือร้อนผ่าวสัมผัสกายสาวความง่วงงัวเงียหายไปถ้อยคำที่จะเอ่ยขัดเขาก็กลายเป็นเสียงครางเบาๆ ด้วยความซ่านรัญจวนแทนที่...

มือบางอ่อนแรงเกินกว่าจะผลักอกกว้างเปล่าเปลือยซึ่งเธอจำได้ว่าเธอใส่เสื้อให้เขาแต่ตอนนี้เสื้อนอนของเขามันหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ แต่เธอก็ไม่อาจจะให้ความสนใจว่าเสื้อผ้าของเขาหรือของเธอมันจะอยู่ตรงมุมไหนของห้อง เพราะตอนนี้เธอต้องสนใจอย่างอื่นมากกว่านั่นคือความร้อนเร่าที่ก่อเกิดในกายสาวที่เริ่มเดือดระอุมากขึ้นตามจังหวะเรียวลิ้นและมือใหญ่ร้อนผะผ่าวที่ลูบไล้ไปทั่วเรือนร่างเปลือยเปล่า...

เขาช่างมีความสามารถในการถอดเสื้อผ้าเป็นเลิศเสียจริงๆ ถอดเบามือจนไม่รู้สึกและรวดเร็วจนเธอไม่อาจจะทัดทานเขาได้เลยสักครั้ง...

มนตราครางเบาๆ ในลำคออย่างยอมแพ้พลางแอ่นกายขึ้นเหนือที่นอนนุ่มเมื่อทรวงสาวอวบใหญ่ถูกปากและลิ้นของเขาดื่มกินอย่างเอร็ดอร่อย ยอดทรวงสีหวานแทบจะละลายไปในอุ้งปากร้อนผ่าวของเขา

ร่างสาวบิดเร่าส่ายพลิ้วเสียดสีกับร่างแกร่งอย่างไม่อาจหักห้ามหรือควบคุมกลไกในร่างกายที่เดือดระอุและต้องการบางสิ่งบางอย่างมาช่วยให้หายจากอาการเสียวซ่านทรมานนี้ มือเล็กไต่แต้มลูบไล้กล้ามเนื้อชายแกร่งกระด้างอย่างเงอะงะไร้เดียงสาแต่สร้างความพอใจให้กับเขาเป็นอย่างมาก อัครวัฒน์ยิ้มบางๆ กับทรวงสาวแดงก่ำที่แทบจะชอกช้ำเพราะมือและปากของตนแล้วจับมือเล็กไปยังจุดร้อนที่สุดในกายชาย...

“สัมผัสฉันสิมน เหมือนวันนั้น...” เขากระซิบสั่งด้วยน้ำเสียงแหบพร่า แววตาคมเข้มขุ่นข้นด้วยแรงฤทธิ์เสน่หาขณะนำพามือน้อยไปจุดหมายที่พูดถึง มนตราหน้าแดงก่ำเอียงอายกับความสนิทชิดเชื้ออย่างที่สุดนั้นแต่ก็ยอมทำตามความปรารถนาของเขาและรวมไปถึงของตนเองด้วย...

“อื้ม ใช่ มน... ใช่แล้ว สัมผัสมันสิจ๊ะ มันต้องการมน...” อัครวัฒน์ครางกระเส่าชิดแก้มสาวพลางฉกจมูกคมดอมดมสูดกลิ่นแก้มสาวเข้าปอดด้วยความพอใจเมื่อมือเล็กนุ่มนิ่มกอบกุมแก่นกายแข็งขึงเร่าร้อนของตนอย่างกล้าๆ กลัวๆ

มนตราหลุบเปลือกตาลงมองสิ่งที่อยู่ในมือน้อยของตนด้วยความตื่นตาตื่นใจและเอียงอายอยู่ในที โอ... ไม่น่าเชื่อว่าสิ่งนี้มันสามารถเติมเต็มและคลายความทรมานแสนเร่าร้อนในกายของเธอได้เมื่อเปรียบเทียบความยิ่งใหญ่กับร่างอรชรของตน ความยิ่งใหญ่ที่มือเล็กๆ ของเธอแทบจะกุมไม่มิด...

“ขยับมือสิจ๊ะ เร็วๆ ขึ้น แรงขึ้น อา... ใช่... มนจ๋าเก่งจังเลย...”

เขากระซิบแหบพร่าแล้วก้มลงปิดปากนุ่มที่เผยอน้อยๆ คล้ายเชิญชวนด้วยจุมพิตเร่าร้อนปล่อยใจไปกับจังหวะมือนุ่มที่สร้างความเสียวซ่านให้กับตนด้วยลีลาอ่อนด้อยแต่แสนน่ารัก...

“อื้ม ไม่ไหวแล้วพอก่อนที่รัก ไว้คราวหน้าฉันจะให้เธอชิมรสชาติของมัน... ตอนนี้ฉันต้องการเธอ...”

พูดจบเขาก็พลิกร่างบางให้คร่อมเหนือร่างแกร่งของตน มือใหญ่จับเอวคอดไว้มั่นแล้วนำพาเธอไปยังจุดที่ต้องการ มนตราหน้าแดงจัดกับท่วงท่าที่เขาจัดแจงให้ซึ่งเธอกับเขาสามารถมองเห็นใบหน้าของกันและกันชัดเจน หญิงสาวหันหน้าหนีแววตาพราวพรายของเขาอย่างเอียงอายแล้วหลับตาลงรับรู้เพียงสัมผัสของแก่นเนื้อกายที่สัมผัสกันและกัน...

“อ๊า คุณโดม อื้ม สะเสียว... / โอ้ว... มน สุดยอด แน่นไปหมดเลยมนจ๋า...”

หนุ่มสาวครางกระหึ่มเมื่อความแนบชิดสนิทแนบนั้นรัดรึงจนความซ่านกระสันเสียดแทงให้เสียวซ่านไปทุกขุมขนแล้วไม่นานเสียงเพลงหฤหรรษ์ของเพลงสวาทก็ร่ายร้อนแรง..

เสียงครางกระเส่าคละเคล้ากับเสียงเนื้อกายกระทบกันพร้อมทั้งกลิ่นสวาทหวามก็คละคลุ้งรุนแรงตามลำดับก่อนที่ร่างเปลือยของสองหนุ่มสาวจะเกาะกอดกันอย่างหมดเรี่ยวแรงเมื่อเพลิงสวาทเร่าร้อนจบลง

“ฉันต้องการเธออีก... มนตรา ยายแม่มด... ของฉัน...”

อัครวัฒน์กล่าวเสียงพร่ากับคนตัวเล็กที่นอนหายใจกระเส่าอยู่บนอกแกร่ง มนตราตาโตกับความแข็งขึงที่ยังไม่สงบซึ่งยังเติมเต็มอยู่ในกายของตนก่อนจะปล่อยใจปล่อยกายไปกับเขาอย่างเต็มอกเต็มใจในทุกท่วงท่าที่เขานำพาไป...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel