บท
ตั้งค่า

บทที่ 7. แค้นหรือคลั่ง... เสน่หา....

เมื่อเวลารับประทานอาหารที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วสิ้นสุดลงมนตราแทบจะไม่อยากลุกจากโต๊ะอาหารไปไหนเลยเมื่อรู้ดีว่าจะต้องเข้าไปนอนร่วมห้องกับเจ้าของบ้านที่นั่งหน้าเข้มบึ้งตึงมองเธอเหมือนโกรธกันมาร้อยชาติ ไม่รู้ว่าวันนี้เธอทำอะไรให้เขาพอตื่นขึ้นมาอีกทีอัครวัฒน์ก็มีท่าทางแบบนี้ ทั้งที่ระหว่างทางเขาก็ดูพูดดีกับเธอ...

มนตรารู้สึกสับสนกับผู้ชายตรงหน้าเหลือเกิน... หญิงสาวลากเท้าเดินเข้ามาในห้องนอนกว้างอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี เธออยากจะเดินไปอีกห้องที่อยู่ตรงข้ามกันแต่ก็ไม่กล้ากลัวว่าเขาจะโกรธทั้งเธอยังไม่รู้เลยว่า ไร่อัครา ที่เขาพามานั้นคนที่นี่เขาอยู่กันอย่างไรแบบไหนและมีใครบ้าง ดึกป่านนี้แล้วเธอเองก็ไม่กล้าที่จะก้าวออกจากบ้าน อย่างน้อยๆ อยู่ในบ้านเธอก็ยังรู้สึกปลอดภัยกว่าจะเดินออกไปข้างนอกที่ไม่รู้ว่าจะเจอกับอะไรบ้าง...

“จะยืนเซ่ออยู่อีกนานไหม ไปแปรงฟันแล้วมานอนได้แล้ว... ทำตัวเหมือนเด็กๆ ไปได้ที่ต้องคอยให้บอกทุกเรื่องอยู่ตลอดเวลา”

“ค่ะ” ดูเหมือนมนตราจะพูดได้เพียงเท่านี้จนคนฟังเริ่มหน้าตึงที่เธอพูดกับเขาเหมือนไม่อยากจะเสวนาด้วยกระนั้น

“ค่ะก็รีบๆ ไปทำเสียสิ” คราวนี้เขาตะคอกกลับมาทำให้มนตราลนลานเข้าห้องน้ำและพบว่าทุกอย่างมันถูกจัดเตรียมไว้หมดแล้วทุกอย่าง

หญิงสาวรีบล้างหน้าแปรงฟันแล้วแปรงผมให้เรียบร้อยแล้วรีบเดินกลับออกมาก็พบว่าเขายังนอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียงกว้างและเขาไม่ได้สวมเสื้อแผงอกกว้างเต็มไปด้วยมัดกล้ามสวยงามเยี่ยงชายชาตรีทำให้เธอใจสั่นหวิวๆ ไหวๆ แทบจะเดินไม่เป็น

แล้วเขาสวมกางเกงรึเปล่า คงไม่สวมเพราะอัครวัฒน์ไม่ชอบสวมเสื้อผ้านอน...

ถามตัวเองและตอบเองเสร็จสรรพเหมือนเคยจนเธอนึกประหลาดใจว่าตนเองจดจำรายละเอียดเขาได้มากขนาดนั้น...

“เอ่อ คุณโดมจะให้มนนอนตรงไหนคะ...” กลั้นใจถามและเตรียมใจรอคอยคำตอบที่บอกตนเองว่าหากเขาจะตะคอกกลับมาหรือเขาจะพูดไม่ดีกับเธอนั่นถือว่าเป็นเรื่องปกติ...

“จะนอนตรงไหนก็เลือกเอา แต่เลือกให้ดีๆ ล่ะ เพราะหากเลือกไม่ดี หรือเลือกไม่ถูกใจฉันแล้วจะหาว่าไม่เตือน...” นั่นไงคำตอบจากเขาทำเอาเธอไปไม่เป็นเลยทีเดียว แต่สุดท้ายมนตราก็รู้ว่าตนเองจะต้องนอนตรงไหน...

ร่างเล็กเดินหงอยๆ มายังเตียงอีกฟากด้วยท่าทางตื่นๆ เหมือนเด็กหลงทางดูน่าสงสารอยู่ไม่น้อย ชายหนุ่มแอบปรายตามองคนตัวเล็กเหมือนไม่ใส่ใจแต่ความจริงแล้วเขาเฝ้าสังเกตทุกอากัปกิริยาของเธอเลยก็ว่าได้ และยิ่งมองเขาก็ยิ่งร้อนรุ่มในกายที่ซ่อนเร้นอยู่ภายใต้ผ้าห่มหนา

ร่างเล็กบางอรชรที่ปล่อยผมยาวสยายดำขลับเต็มแผ่นหลังในชุดนอนผ้าฝ้ายแบบเชิ้ตตัวใหญ่ติดกระดุมหน้าตลอดแนวนั้นดูแสนจะธรรมดา แต่ทำไมนะ มันถึงได้เร้าอารมณ์ปรารถนาในกายของเขาให้ร้อนรุ่มได้อย่างประหลาด ทั้งที่เขาพยายามจะข่มกลั้นมันไว้แต่ยิ่งห้ามใจก็เหมือนยิ่งยุให้ไหลหลง

มนตรา... เจ้าหล่อนคงมีมนตราสมชื่อจริงๆ ถึงทำให้เขามีอาการแบบนี้...

“เตียงนอนตั้งกว้างขวางจะนอนให้มันทรมานสังขารทำไมที่ขอบเตียง ขยับเข้ามาเดี๋ยวนี้...” เสียงทรงอำนาจสั่งทำให้คนที่กำลังจะล้มตัวลงนอนชิดขอบเตียงอีกฟากสะดุ้งลุกขึ้นมองเขาตาแป๋ว

“คุณโดมคะคือ... มนเหนื่อย ขอมนพักได้ไหมคะ มนไม่อยากเอ่อ ทำแบบนั้น...” หญิงสาวรีบพูดลนลานหลบตาเขาเอียงอายหน้าแดงก่ำ

“แล้วเธอรู้ได้ยังไงว่าฉันจะทำอะไรในคืนนี้ เธอคิดเรื่องนั้นอยู่เรื่องเดียวหรือมนตรา...”

เขาพูดเหมือนตำหนิกรายๆ ด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันจนมนตราหน้าม้านไปและรู้สึกอับอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี.หญิงสาวค่อยๆ ขยับเข้ามาใกล้เขาอีกนิดแล้วค่อยๆ ล้มตัวลงนอนหันหลังให้เขาพยายามซ่อนเสียงสะอื้นและเก็บกลั้นน้ำตาเอาไว้สุดความสามารถ...

พ่อจ๋า เมื่อไหร่พ่อจะกลับมาหามน... ในเวลานี้มนตราร่ำร้องหาบิดาราวเด็กหญิงตัวน้อยเมื่อความอ้างว้างโดดเดี่ยวเกาะกินใจทั้งที่เธอไม่ได้อยู่คนเดียว แต่ตอนนี้มนตรากลับรู้สึกเหมือนตัวคนเดียวในโลก หากเธอเห็นแก่ตัวสักนิดเธอจะไม่แคร์ใครเลย เธอจะหนีไปให้ไกล ไกลจากผลพวงความผิดที่ตนไม่ได้ก่อ...

เสียงขยับตัวเบาๆ ของคนข้างๆ ทำให้มนตราหลับตาลงเกร็งไปทั้งตัวและกลั้นใจฟังว่าเขาจะทำอะไรต่อไปที่นอนยวบยาบเล็กน้อยเมื่อร่างใหญ่ขยับตัวแล้วแสงไฟในห้องก็ดับลงทีละจุดๆ จนไฟดวงสุดท้ายดับลงทั้งห้องก็ตกอยู่ในความมืดหัวใจของเธอก็พลันมืดมนไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้...

“อุ๊ย... คุ คุณโดม...” แล้วเธอก็ต้องอุทานออกมาด้วยความตระหนกเมื่อถูกวงแขนแข็งแรงของเขาโอบกอดแล้วรั้งให้ไปชิดอกแกร่งเปล่าเปลือย ใบหน้าเรียวใสหนุนท่อนแขนตึงแน่นของเขาแทนหมอน ระยะห่างแค่ปลายเล็บนั้นดูเผินๆ นั้นเหมือนว่าเธอกับเขานั้นสนิทสนมราวคู่รักแต่ความจริงแล้วมันคงไม่มีทางเป็นไปได้...

“ทำเป็นไม่เคยไปได้ แค่ฉันกอดแค่นี้จะใจขาดตายรึไง”

“ปละ เปล่าค่ะ”

“เปล่าค่ะ แล้วจะผลักฉันไว้ทำไม” เขาพูดด้วยน้ำเสียงพาลอย่างเห็นได้ชัดซึ่งมนตราไม่เข้าใจว่าหากเธอจะทำอะไรก็ขัดหูขัดตาเขาขนาดนั้นเขาจะให้เธอมานอนร่วมเตียงทำไม หญิงสาวอดคิดด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจไม่ได้...

“มนขอโทษค่ะ...” เธอค่อยๆ ละมือน้อยที่เผลอดันอกแกร่งของเขาไว้ด้วยความลืมตัวออกช้าๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเอามือของตัวเองไปไว้ตรงไหนตอนนี้ดูมันเกะกะไปเสียหมด

สุดท้ายมนตราก็วางมันไว้บนอกกว้างของเขานั่นเสียเลยแล้วหลับตาลงนอนนิ่งอยู่ในอ้อมแขนของเขาอย่างเกร็งๆ ทั้งหวั่นไหวและวิตกกังวลจนในที่สุดหญิงสาวก็หลับไปด้วยความอ่อนเพลียแม้จะเพิ่งตื่นมาได้ไม่นานก็ตามแต่ความเหนื่อยอ่อนที่ต้องรับศึกสวาทของเขามาทำให้มนตราหลับไปอีกอย่างง่ายดาย...

แม้มนตราจะหลับไปแล้วแต่อัครวัฒน์เองที่ยังไม่สามารถข่มตาหลับลงได้และก็เกร็งอยู่ไม่น้อย แต่ไม่ใช่เพราะเกร็งด้วยความหวั่นวิตกอย่างที่มนตรารู้สึกแต่เกร็งเพราะพยายามหักห้ามใจตนเองมากกว่า นี่เขาคิดถูกหรือคิดผิดนะที่คว้าเธอมานอนกอดแบบนี้แต่ไม่ทำอะไรอย่างที่ใจปรารถนา... เมื่อคืนที่ผ่านมาเขาตักตวงความสุขจากมนตรามาเกือบตลอดคืนแล้ว คืนนี้ให้เธอพักผ่อนก็แล้วกัน... เขาบอกตัวเองทั้งที่ในใจก็แย้งกลับมาว่า เขามีสิทธิ์จะทำอะไรกับเธอก็ได้นี่นา เพื่อระบายความแค้นที่พี่ชายเธอทำกับคนรักของเขา...

“บัดซบ...” เขาสบถในลำคอเบาๆ ก่อนจะพยายามข่มตาหลับให้ลง...

“หนูเล็ก... โอ หนูเล็กมาหาพี่โดมหรือครับ”

“ค่ะ หนูเล็กแวะมาเยี่ยมพี่โดมสบายดีไหมคะ...” อัครวัฒน์รีบลุกมาโอบกอดคนรักทันทีที่ลืมตามาเห็นชลิตายืนยิ้มอยู่ข้างๆ ตอนนี้เขากับเธอยืนอยู่ริมหาดทรายสวย ชลิตาชอบทะเลมาก...

“สบายดีครับ แต่ถึงจะสบายแค่ไหนแต่พี่คิดถึงหนูเล็กที่สุด... หนูเล็กกลับมาพี่ได้ไหมคนดี”

“พี่โดมขอในสิ่งที่หนูเล็กให้ไม่ได้เลยค่ะ พี่โดมขา ปล่อยหนูเล็กไปเถอะ หากเป็นแบบนี้ต่อไปหนูเล็กทรมาน...” เธอหยุดเดินแล้วหันมามองเขาด้วยแววตาเศร้าสร้อยต่างจากเมื่อครู่ก่อนที่ยังยิ้มแย้มให้เขา

“ทำไม หนูเล็ก เรารักกัน อีกไม่นานพี่ก็จะตามไปอยู่กับหนูเล็กแล้วคนดี พี่อยู่แบบนี้แล้วทรมานเหลือเกิน”

“พี่โดมขา อย่าทำแบบนี้เลยค่ะแค่นี้หนูเล็กก็บาปจะแย่ที่ทำให้ผู้หญิงบริสุทธิ์อีกคนมารับเคราะห์จากสิ่งที่เธอไม่ได้ก่อ พี่โดมอย่าทำแบบนี้เลยนะคะ ยิ่งเธอเจ็บหนูเล็กก็ยิ่งทรมาน...”

ชลิตาบอกเขาด้วยน้ำเสียงแสนเศร้าที่อัครวัฒน์ไม่อาจจะเข้าใจแล้วร่างอรชรตรงหน้าของเขาก็ค่อยๆ เลือนหายไปทีละน้อยๆ จนสุดท้ายก็เหลือเพียงความว่างเปล่า...

“หนูเล็ก...” ชายหนุ่มสะดุ้งตื่นมือหนายังอยู่ในท่าเอื้อมมือไขว่คว้าอยู่กลางอากาศหนึ่งข้างแต่อีกข้างก็รู้สึกเหมือนมีอะไรหนักๆ นุ่มๆ หนุนทับอยู่และรู้สึกเหมือนว่ามีอะไรสักอย่างโอบรัดเกี่ยวเกาะเอวของตนไว้อย่างหวงแหน...

“มนตรา...” นี่คือความจริงที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า... เสี้ยวใบหน้านวลใสมีปอยผมยาวยุ่งเหยิงระตามแก้มนุ่มบางส่วนดูน่ารักแสนซนเหมือนเด็กหญิงตัวเล็กๆ ดวงตาคมทอดมองคนที่นอนกอดเขาแน่นอย่างอ่อนโยนและเอ็นดูโดยไม่รู้ตัวแต่เมื่อภาพความฝันของเขาแทรกเข้ามาทับซ้อนใบหน้าใสสะอาดความเอ็นดูที่มีต่อมนตราก็เปลี่ยนไป...

“อื๊อออ... อุ๊ย คุณโดม...” จากที่นอนหลับอย่างเป็นสุขมนตราก็รู้สึกเหมือนมีอะไรมารบกวนการนอนอันแสนสุขเมื่อผ้าห่มและสิ่งที่เธอคิดว่าเป็นหมอนอุ่นๆ นั้นถูกกระชากออกไป และเมื่อตื่นมาพบว่าสิ่งที่ตนคิดว่าเป็นหมอนข้างคือเนื้อตัวเปล่าเปลือยของผู้ชายที่นั่งหน้าตึงอยู่ตรงหน้าของเธอในขณะนี้หญิงสาวก็หน้าแดงจัดขึ้นมาทันที...

“ตื่นแล้วก็ไปผสมน้ำให้ฉันอาบ... เร็วสิ หรือว่าอยากให้ทำอย่างอื่น...”

“ค่ะๆ” ลนลานรีบคลานลงจากเตียงด้วยความว่องไว มนตรารีบเข้าไปเตรียมน้ำให้เขาและหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง ส่วนพ่อคนเจ้าอารมณ์ก็เดินตามเข้ามาสั่งการเหมือนจะกลั่นแกล้ง

“นี่ฉันไม่ชอบสบู่กลิ่นนี้ ฉันชอบกลิ่นสมุนไพรแบบอโรมาและไม่ชอบฟองเยอะๆ ด้วย แล้วผ้าผืนนั้นฉันก็ไม่ชอบ อันนั้นฉันไม่เอา...” เสียงสั่งการของชายหนุ่มทำให้เธอแทบจะหยิบจับอะไรไม่ถูกไม่ใช่เพราะเขาสั่งการแบบหลายอย่างในเวลาเดียวกันหรอกนะแต่เพราะพ่อคุณไม่สวมอะไรเลยนี่สิ ทำให้เธอใจสั่นขาสั่นไปหมด...

“เสร็จรึยัง...”

“เรียบร้อยแล้วค่ะ คุณโดมอาบน้ำได้เลยค่ะ” รีบบอกพร้อมทั้งจะก้าวออกไปจากห้องน้ำกว้างใหญ่หรูหรากว่าห้องนอนของเธอสมัยที่อยู่หอพักเป็นร้อยเท่า แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้มันจะแคบลงทันตาและเธอก็ไม่อยากจะอยู่ในห้องนี้นานนัก...

“ฉันต้องการคนถูหลัง...” คำพูดเรียบๆ ง่ายๆ แต่ทำให้คนฟังมือไม้เย็นเฉียบ...

“ตะแต่ว่า มน เอ่อ...” มนตราทำหน้าไม่ถูกและไม่สามารถจะเอื้อนเอ่ยอะไรออกมาได้เมื่อเขาเดินเข้ามาหาเธอช้าๆ ขาเจ้ากรรมก็ดันก้าวไม่ออกเสียอย่างนั้นและสุดท้ายเธอก็ต้องตกใจแทบหวีดร้องออกมาแต่ทำได้เพียงทำเสียงอึกอักในลำคอเมื่อเขาช้อนอุ้มร่างเล็กของเธอเดินลงไปในอ่างน้ำวนขนาดกว้างใหญ่จนสามารถลงไปแหวกว่ายได้อย่างสบายๆ และมันทำให้เธอกลัว กลัวทั้งเขาและกลัวระดับน้ำที่มันสูงกว่าระดับเอวของตน เพราะเธอเคยมีประสบการณ์จมน้ำมาก่อนจึงทำให้หวาดกลัวน้ำที่มีระดับสูงกว่าเอวของตนเองมาตลอด

ซึ่งความกลัวนั้นมันทำให้เธอลืมไปว่าเขานั้นเปลือยเปล่าตั้งแต่หัวจรดเท้าและเธอก็เปียกไปทั้งตัวจนชุดนอนสีขาวนั้นมันแนบไปกับเนื้อนางจนเห็นเรือนร่างอวบอิ่มในส่วนที่ถูกที่ควรชัดเจนจนคนมองต้องคอยสงบจิตสงบใจไม่ให้ไขว้เขว...

“คุณโดมคะ มนว่ายน้ำไม่เป็น มนกลัว...” ความหวาดผวาเมื่อคราวที่เขาจับเธอโยนน้ำทะเลคราวก่อนยังติดตาและมันทำให้เธอกลัวน้ำว่าเขาจะทำมันอีก เธอไม่ได้หวั่นวิตกเกินไปแต่มันคือความกลัวจริงๆ ใบหน้าเรียวซีดขาวจนอัครวัฒน์รู้สึกสงสารแต่ก็ทำเป็นไม่ใส่ใจ...

“เธอก็เกาะฉันไว้แน่นๆ สิ จะได้ไม่จมน้ำ”

“ไม่เอา พามนขึ้นไปนะคะ มนกลัวจริงๆ อย่าแกล้งมนเลยนะคะ หากคุณอยากให้มนถูหลังให้มนทำให้ก็ได้แต่ไม่ใช่ตรงนี้ นะคะ... ได้โปรด...” หญิงสาวพูดลนลานหน้าซีดขาวเย็นเฉียบไปทั้งกาย

“อืม... ก็น่าสนใจนะ แต่ฉันอยากนอนแช่น้ำอุ่นๆ นี่นาและระดับเท่านี้ฉันก็ชอบ มันกำลังดี...” เขาพูดเอาแต่ใจทั้งที่รู้ดีว่าระดับน้ำกำลังดีของเขานั้นมันสูงเกือบระดับอกของเธอและมนตราก็กลัวการจมน้ำที่สุด

“คุณโดมใจร้าย...” พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเจือสะอื้นนัยน์ตาแดงๆ เหมือนเด็กหญิงตัวน้อยถูกจอมเกเรตัวโตรังแกอย่างไรอย่างนั้น ท่าทางของเธอทำให้ความขุ่นข้องหมองใจของเขามลายหายไปชั่วขณะอย่างช่วยไม่ได้...

“โอเค ไม่ชอบก็ไม่ชอบ ถ้าอย่างนั้นฉันจะนั่งตรงขอบอ่างแล้วเธอไม่ต้องลงมาแช่น้ำกับฉันก็ได้ แต่จะต้องทำหน้าที่ถูกหลังและนวดตัวให้ฉันด้วยนะ โอเครึเปล่า...”

คำตอบของเธอคือการพยักหน้าเร็วๆ ด้วยน้ำตาคลอๆ อัครวัฒน์ซ่อนยิ้มในหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเครายาวเฟิ้มก่อนจะปล่อยให้เธอยืนบนขอบอ่างแล้วตนเองก็นั่งเหยียดขาลงในอ่างหันหลังให้เธอ มนตราลอบถอนใจโล่งอกที่ไม่ต้องลงไปแช่ในอ่างพร้อมกับเขาแต่การทำหน้าที่ต่อมาก็ทำให้เธอหวั่นๆ หวิวๆ ไม่แพ้กันและมันก็ทำให้เธอรู้ตัวว่าเขากับเธอนั้นใกล้ชิดกันแค่ไหนและสภาพของเธอก็ล่อแหลมเต็มที...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel