บทที่ 5. ใครคือแพะ ใครคือราชสีห์...จบตอน
เท้าเล็กเดินเสมือนย่องมายังร่างใหญ่ของคนที่นอนหลับตานิ่งอยู่บนโซฟาเบดตัวใหญ่ในห้องทำงานติดกระจกซึ่งมองได้เพียงจากภายในบ้านซึ่งสามารถมองเห็นแววจากด้านนอกได้ร้อยแปดสิบองศาเลยทีเดียว และบัดนี้แดดในยามบ่ายก็กำลังส่องแสงเจิดจ้าเล่นริ้วกับระรอกคลื่นเป็นประกายระยิบระยับ หาดทรายขาวสะอาดก็ยังคงรอรับคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่งอย่างซื้อสัตย์อยู่เช่นเดิม แต่หัวใจของเธอนี่สิมันหวั่นไหวและแตกต่างจากที่เคยเป็นมาโดยสิ้นเชิง...
“จะจดๆ จ้องๆ อยู่แบบนั้นอีกนานมั้ย...” เสียงห้าวดังขึ้นพร้อมกับเปลือกตาที่ปิดสนิทของเขาลืมขึ้นมองเธอขุ่นขวางจนหญิงสาวใจแป้ว
“คือ มน เอ่อ มน...”
นอกจากเธอจะใจสั่นหวิวไหวตกใจง่ายแล้วเธอยังกลายเป็นคนติดอ่างไปด้วยในตอนนี้ ช่างน่าโมโหเสียจริง
“ตกลงเธอติดอ่างมาตั้งแต่เกิดรึไง”
“เปล่าค่ะ”
“แล้วเป็นอะไรพูดอึกๆ อักๆ ติดๆ ขัดๆ อยู่ได้น่ารำคาญชะมัด มาตรงนี้สิ” เขาพูดเสียงดังหน้าตาที่ยังเต็มไปด้วยหนวดเคราก็ดูดุดันน่ากลัวจนมนตราใจสั่นมากขึ้นกว่าเดิมแข้งขาก็พานจะหมดแรงเสียดื้อๆ แล้วมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เมื่อเธอเกิดเข่าอ่อนเซเซดๆ ล้มลงนั่งพับเพียบเรียบร้อยตรงหน้าเขาพอดิบพอดีราวกับเธอเกิดมาเพื่อสิ่งนี้อย่างไรอย่างนั้น...
“อุ๊ย ขอโทษค่ะ...”
“เธอนี่นะ ขยันทำให้ฉันอารมณ์เสีย เอาล่ะ ฉันนั่งเซ็นเอกสารทั้งวันเหนื่อยปวดเมื่อยไปหมด นวดให้หน่อยสิ นวดเป็นไหม แต่ถึงไม่เป็นเธอก็ต้องหัดนวดให้เป็นเพราะฉันเป็นคนขี้เมื่อย” เขาบอกด้วยน้ำเสียงเหมือนจะพาลๆ แต่ใบหน้าก็ดูขึงขังเอาจริงเอาจังจนเธอไม่กล้าปฏิเสธหรือขัดใจเขา เพราะเธอเองก็เห็นแล้วว่าวันนี้ทั้งวันเขางานยุ่งเหมือนเขากำลังสะสางงานบางอย่างให้เสร็จโดยเร็ว
“ค่ะๆ”
มนตรารีบลุกมานั่งซ้อนหลังกว้างเมื่อเขาลุกนั่งขัดสมาธิเตรียมท่าให้เธอพร้อมสรรพ มือนุ่มแตะลงบนบ่ากว้างเบาๆ และหากเธอไม่ได้รู้สึกไปเองเธอรู้สึกว่าร่างกายของเขากระตุกไปเล็กน้อยแต่จะด้วยเหตุผลอะไรเธอก็ไม่อาจจะรู้ได้สิ่งที่เธอทำได้คือค่อยๆ ออกแรงบีบนวดให้เขาตามแบบที่เคยนวดให้บิดาของตนช้าๆ
อัครวัฒน์หลับตาลงซึมซับความรู้สึกจากมือเล็กที่ทำหน้าที่นวดให้เขา เขารู้สึกผ่อนคลายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนในขณะนี้ ทั้งที่เคยใช้บริการนวดตัวนวดแผนไทยจากหมอนวดฝีมือเยี่ยมทั้งชายและหญิงมาก่อนก็ตาม และแม้แต่ใช้บริการนวดแสนพิเศษจากอดีตคู่หมั้นของเขาก็เคยแต่ความรู้สึกมันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับตอนนี้.... แล้วทำไมเขาต้องเปรียบเทียบมนตรากับชลิตาด้วยล่ะ ทำไม... เขาไม่ควรเปรียบเทียบผู้หญิงสองคนนี้ แม้จะบอกตัวเองเช่นนั้นแต่อัครวัฒน์ก็ห้ามความคิดของตัวเองไม่ได้และมันทำให้เขาหงุดหงิดขึ้นมาเพื่อกลบเกลื่อน...
“พอแล้วไม่ต้องนวด มาทำอย่างอื่นให้ฉันจะดีกว่า...”
เขาควรทำให้เธอรู้สึกต่ำต้อยด้อยค่าและย่ำยีเธอให้เจ็บ ให้ปวดสิถึงจะถูก... แล้วจอมมารตนหนึ่งก็กระซิบให้เขาทำบางอย่างกับคนตัวเล็กที่นั่งงงอยู่ตรงหน้าเขาเมื่อเขาผละหันมาเผชิญหน้ากับเธอบนโซฟาตัวใหญ่... มนตรารู้ได้ทันทีว่าอารมณ์ของเขาเปลี่ยนไป เธอกำลังจะก้าวลงจากโซฟาแต่กลายเป็นว่าต้องเสียหลักล้มลงนอนเหยียดยาวอยู่ใต้ร่างแกร่งของเขาอย่างง่ายดาย...
“คุณโดมคะ ปล่อยมนก่อนเถอะค่ะเดี๋ยวใครเข้ามาเห็น นี่ห้องนั่งเล่นนะคะ” เธอบอกเขาหน้าตื่นพยายามเอาตัวรอดจากเพลิงร้ายที่ทำให้เธอรุ่มร้อนซ่านทรวง
“แล้วยังไง ฉันอยากทำอะไรที่ไหนในบ้านนี้หรือนอกบ้านก็ยังได้เลยนะ หรือจะลองไปนอกบ้านดู...”
“คุณ...” มนตราตาโตกับคำพูดห่ามๆ ของเขาเสมือนว่าเธอคือผู้หญิงข้างถนนที่เขาจะทำอะไรอย่างไรกับเธอตอนไหนเมื่อไหร่ที่ไหนก็ได้
แต่ความจริงแล้วมันก็เป็นอย่างนั้นไม่ใช่หรือ เธอเป็นผู้หญิงของเขาเธอต้องชดใช้ในสิ่งที่พี่ชายของเธอก่อและเพื่อบิดาที่ต้องการการผ่าตัดด่วนซึ่งหากเธอไม่ทำเช่นนั้นเธอก็คงไม่มีปัญญาหาเงินมาเป็นแสนๆ จ่ายค่าผ่าตัดและไถ่ถอนชีวิตพี่ชายจากการตามล่าของเขาได้ อย่างน้อยๆ ตอนนี้เธอยังมีบิดากับพี่ชายอยู่ พวกเขายังมีชีวิตอยู่เธอควรจะดีใจ... เธอพยายามบอกตนเองให้ยอมรับสภาพที่เธอเป็นอยู่ให้ได้แม้จะยากเย็นแต่เธอต้องยอมรับมัน...
“หึหึ... อะไรล่ะ จะพูดอะไรหรือแม่กวางน้อยของฉัน...”
“เปล่าคะ มนแค่จะบอกว่า คุณโดมอยากทำอะไรมนก็ทำเถอะค่ะ...” บอกเขาแล้วก็รีบหลับตาลงเพื่อไม่ให้เขาเห็นความหวั่นหวาดในแววตาของเธอ
อัครวัฒน์มองใบหน้าใสสะอาดไร้เครื่องสำอางของเธอนิ่ง จะว่าไปแล้วในแวบแรกที่เขาเห็นเธอเขาไม่ได้เห็นถึงความงดงามโดดเด่นของเจ้าหล่อนเลยแม้แต่น้อย แต่เมื่อมองเธออีกทีเขากลับละสายตาจากวงหน้าใสๆ ของเธอไม่ได้และพลอยทำให้เขารู้สึกรุ่มร้อนปวดหนึบที่ใจกลางร่างอย่างช่วยไม่ได้อีกด้วย มนตรา... เจ้าหล่อนคงมีมนต์วิเศษบางอย่างที่ทำให้เขารู้สึกเช่นนั้นแน่ๆ ยายแม่มด... อัครวัฒน์ไม่วายจะนึกโทษเธอด้วยความฉุนเฉียว
“ทำหน้าแบบนี้ใครจะมีอารมณ์...” คำพูดของเขาทำให้คนที่หลับตาแน่นลืมตามองเขาตาแป๋ว
“อืม แบบนี้ค่อยมีอารมณ์หน่อย...” และคำพูดต่อมาทำให้เธอรู้ตัวว่าหลงกลของเขาเสียแล้ว...
ริมฝีปากหยักสวยของเขาบดเคล้าลงมาบนกลีบปากนุ่มที่กำลังจะเผยอค้านหรือเอ่ยทักท้วงอะไรก็ไม่อาจจะทราบได้แต่บัดนี้มันหมดโอกาสที่จะทำเช่นนั้นแล้วเพราะปากร้อนและลิ้นร้ายของเขาครอบครองมันอย่างดูดดื่มและเร่าร้อนไปแล้วราวจะดูดเอาพลังชีวิตและวิญญาณของเธอติดตามเรียวลิ้นของเขาไปทุกๆ ที่ มือเล็กเกาะเกี่ยวบ่าแกร่งแน่นเหมือนกลัวว่าเธอจะหลุดลอยละลิ่วออกไปนอกโลกอย่างไรอย่างนั้นเนื่องจากเธอรู้สึกว่าโลกนี้หมุนคว้างเหมือนในวันก่อนแต่คราวนี้มันรุนแรงและเร่าร้อนกว่าหลายเท่าจนเธอรู้สึกได้และเธอหวั่นๆ ใจว่ามันจะไม่หยุดชะงักเหมือนวันนั้น...
อัครวัฒน์ถอนจุมพิตออกอย่างอ้อยอิ่งเพื่อเปิดโอกาสให้เธอได้มีเวลาได้หายใจบ้างแต่มือร้ายทั้งสองก็ไม่ได้หยุดสร้างความเสียวซ่านให้แก่ร่างเล็กเมื่อมันช่วยกันปลดเปลื้องเสื้อผ้าของเธอและตัวเขาออกอย่างรวดเร็วจนมนตราแทบมองไม่ทันและสงสัยว่าเขามีกี่มือกันแน่...
คงเชี่ยวชาญการถอดเสื้อผ้าผู้หญิงมากสินะ ถึงได้ทำอะไรอย่างนี้ได้รวดเร็วจนเธอตั้งตัวไม่ติดแบบนี้...
มนตราคิดอย่างมึนๆ งงๆ และแทบหวีดร้องออกมาอย่างเสียวซ่านเมื่อเขาก้มลงครอบครองยอดอกสีหวานด้วยปากร้อนๆ และดูดดึงยอดอกไหวระริกด้วยความร้อนแรงจนเธอรู้สึกเจ็บระคนเสียวเสียดรัญจวนใจแทบขาดรอนๆ อีกทั้งมือร้อนผ่าวทั้งสองก็ฟอนเฟ้นสะโพกสาวอย่างเมามันและยังฟาดเบาๆ ที่แก้มก้นหนั่นแน่นเหมือนว่าหมั่นเขี้ยวกระนั้นแต่มันไม่ได้สร้างความเจ็บปวดให้กับเธอเลยแต่กลับทำให้เธอรู้สึกหวิวไหวซ่านทรวงเกินบรรยาย
“อื้ม คุ คุณโดมคะ มน...” หญิงสาวพยายามต้านทานกระแสเสน่หาที่รุมเร้าเมื่อยังรู้สึกได้ว่าตนอยู่ในสถานที่ที่ไม่เป็นส่วนตัวนักและลูกน้องของเขาอาจจะเข้ามาที่นี่ได้ทุกเมื่อแต่จนแล้วจนรอดเธอก็ไม่สามารถคัดค้านอะไรเขาได้เมื่อเขาอุ้มร่างเล็กของเธอขึ้นมาแล้วรั้งให้เธอเกี่ยวเขาเรียวกับเอวสอบมือหนาช้อนสะโพกมนไว้แล้วดันขึ้นให้ใบหน้าแดงปลั่งของเธออยู่เสมอกันกับใบหน้าที่รกด้วยหนวดเคราครึ้มของเขาที่มันไม่ได้แข็งกระด้างจนทำให้เธอแสบผิวหากแต่มันนุ่มนวลและสร้างความเสียวซ่านแทบขาดใจให้กับเธอในทุกๆ ที่ที่เขาเคลื่อนใบหน้าผ่าน... อัครวัฒน์ยิ้มใส่ตาเธอเหมือนรู้ทันว่าเธอคิดอะไรอยู่ก่อนจะตรงไปยังห้องนอนกว้างของเขาซึ่งอยู่ไม่ไกล...
แรงเสียดสีระหว่างที่เขาพาเธอเคลื่อนไหวไปยังจุดหมายนั้นทำให้มนตราแทบลืมหายใจความแข็งกระด้างที่แม้เธอจะยังไม่เคยมีประสบการณ์เร่าร้อนใดๆ กับใครมาก่อนนั้นก็รู้ดีว่ามันคืออะไรนั้นเสียดสีกับก้นงามงอนถนัดถนี่ซึ่งดูเหมือนว่าเขาจงใจให้มันเป็นเช่นนั้นซ้ำมือทั้งสองข้างก็ลูบไล้ก้นงามงอนเล่นอย่างสนุกมือปากร้อนก็เฝ้าเลาะเล็มขบเม้มผิวเนื้อละมุนของเธอเล่นเหมือนเป็นของหวาน ในขณะที่มนตราทำได้เพียงหลับตาลงอย่างเอียงอายและครางแผ่วๆ อย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยงและภาวนาให้การเดินทางไปยังจุดหมายของเขาสิ้นสุดลงเสียทีไม่เช่นนั้นเธอคงใจขาดตายแน่ๆ
“เธอให้ความรู้สึกเป็นบ้า อา... มนตรา เธอคือแม่มดร้าย...” และเมื่อถึงจุดหมายคราวนี้เป็นอัครวัฒน์เสียเองที่ครางกระเส่าเมื่อเขารูดร่างบางให้ลงมาให้เธอยืนบนพื้นหน้าเตียงกว้างแล้วตนเองก็นั่งลงไปบนเตียงแล้วจับเรียวขาเสลาให้คร่อมร่างแกร่งของตนไว้ และทรวงสาวอวบใหญ่ไหวสะท้านระริกระรี้ยั่วยวนอยู่ตรงหน้าก็เป็นภาพที่งดงามจนเขาอดใจไม่ไหวต้องดื่มกินและฟอนเฟ้นดอกบัวงามทั้งคู่อย่างเมามันด้วยทั้งปากและมือเพื่อไม่ให้เสียเวลา...
มนตราหลับตาพริ้มด้วยความหวิวไหวรัญจวนมากกว่าเดิมหลายเท่านักเมื่อคราวนี้เพลิงพิศวาสดูท่าจะลุกลามหนักหน่วงเมื่อนิ้วร้ายมาวนเวียนป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้กับดงดอกไม้งามหวานหอมที่เขาเคยได้ดอมดมดื่มกินน้ำหวานเลิศรสมาก่อน ยิ่งคิดมนตราก็ยิ่งรู้สึกร้อนรนอย่างประหลาด ทั้งอยากเสียดสีกายสาวกับสิ่งที่แข็งขึงดุนดันอยู่ระหว่างเรียวขางามทั้งอยากให้ปากและลิ้นของเขารุกรานจุดอ่อนไหวของตนเหมือนวันนั้น...
นี่เธอเป็นอะไรไป เธอกลายเป็นสาวร่านราคะไปแล้วหรือไร...
มนตราตำหนิตัวเองทั้งยังมึนงงกับความรู้สึกแปลกใหม่และทั้งยังสับสนกับความต้องการของร่างกายและจิตใจที่สวนทางกัน แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้เธอกลับแอ่นอกเสนอทรวงอวบอัดด้วยวัยสาวเสนอสนองปากและลิ้นของเขาอย่างร้อนรนมือเรียวเล็กสอดเสยดึงทึ้งเรือนผมดกหนาของเขากดศีรษะทุยสวยของเขาให้แนบชิดลงมาอีกมือก็ดันทรวงอิ่มเสนอสนองให้เขาดื่มกินอย่างเต็มอกเต็มใจทั้งสะโพกมนก็ส่ายร่อนเสียดสีกับลอนกล้ามหน้าท้องแกร่งอย่างไร้ซึ่งความอาย...
โอ เธอช่างเร่าร้อนเสียจริงๆ ... มนตราแม่มดสาวที่เขาตั้งฉายาให้เธอนั้นก็เร่าร้อนได้ใจจนเขาไม่อาจจะทนได้อีกต่อไป...
“โอ้ว มนตรา แม่มด เธอเป็นแม่มด...” อัครวัฒน์ครางกระเส่าก่อนจะรั้งเอวบางให้หยุดนิ่งและกอบกุมสะโพกมนต่ำลงมายังจุดที่ใกล้ระเบิดของเขาช้าๆ ในขณะที่ปากร้อนยังคงดื่มด่ำกับยอดทรวงฉ่ำหวาน มนตราแหงนเงยแอ่นกายไปข้างหลังด้วยความเสียวกระสันหลงเพริดไปกับรสสวาทที่ไม่เคยพบเจอกันไม่รู้ว่าบัดนี้เธอนั้นยิ่งกว่าผลไม้สุกงอมที่กำลังจะถูกเด็ดดื่มกินไปทั้งตัว...
“โอ๊ะ โอ๊ย... จะ เจ็บ... อื้อออ คุณโดม เอาออกไป มนเจ็บ...”
“อา... พระเจ้า ยายแม่มด นี่เธอ อื้ม อย่าขยับ หยุดก่อนยายเด็กดื้อ” เมื่อร่างแกร่งรุกล้ำเข้าไปในส่วนอ่อนไหวหวานหอมที่เขาเคยได้ลิ้มรสเสียงหวานแหบพร่าก็ครางประท้วงเสียงดัง ทั้งมือน้อยก็ทุบไหล่กว้างอย่างบ้าคลั่งเมื่อความเจ็บปวดกระชากให้เธอตื่นจากภวังค์หวามซ่านเสียว...
“ได้โปรด คุณโดมขา... มนเจ็บ...”
เธอขอร้องทั้งน้ำตาเมื่อก้มมองจุดผสานกายของตนกับเขาก็พบว่าเธอกับเขานั้นช่างแตกต่างเหลือเกิน หญิงสาวเบนหน้าหนีสิ่งที่เห็นและไม่กล้าแม้แต่จะมองคนที่เธอคร่อมทับร่างของเขาอยู่ในท่วงท่าที่น่าอับอายเช่นนี้...
เธอช่างไร้ยางอายเสียเหลือเกินมนตรา... มนตราเฝ้าตำหนิตัวเองหยาดน้ำใสๆ ไหลออกจากดวงตางามช้าๆ แล้วก็ไหลพรากๆ เป็นสายเมื่อความอับอายมีมากกว่าความเจ็บปวดที่ได้รับ...
“ไม่มีทางที่ฉันจะหยุด... โอ อย่าเพิ่งขยับมน อย่าเพิ่ง... เดี๋ยวมันจะดีเอง...” ชายหนุ่มกัดฟันพูดตอบเธอด้วยน้ำเสียงแหบพร่าพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ที่ตื่นเพริดไปไกลเกินกว่าจะหยุดทำในกิจกรรมที่กำลังดำเนินอยู่ ให้เขาตายเสียดีกว่าหากจะต้องหยุด...
“แต่ มนเจ็บ... ฮือ ปล่อยมนนะคะ...”
เด็กดื้อยังพยายามจะขยับสะโพกออกหากจากความแกร่งกระด้างที่สอดลึกอยู่ในกายสาว แต่ทำไมครานี้ยิ่งเธอขยับความเจ็บปวดก็คลายลงและความรู้สึกอื่นก็เข้ามาแทนที่ ทีละน้อยๆ มนตราหน้าแดงก่ำเมื่อมือหนารั้งสะโพกมนให้แนบชิดกับกายแกร่งของเขาแล้วบังคับให้เธอหันมาสบตาเขา...
“มองหน้าฉันยายแม่มดจอมดื้อ... หยุด หากเธอไม่หยุดขยับเสียที เธอได้เจอดีแน่...”
คำขู่ของเขาตามกำชับด้วยการที่เขาเด้งสะโพกแกร่งเข้าหากายสาวแรงๆ จนความเสียวสะท้านบาดลึกเข้าไปในกลีบเนื้อนุ่ม ขนอ่อนของเธอลุกเกรียวกราวไปทั้งร่าง จนมนตราจำต้องทำตามคำขู่ของเขาแต่ในกายสาวกลับรุมร้อนแปลกๆ จนเธอรู้สึกทรมานอัดอั้น ความรู้สึกเช่นนี้มันยากจะบรรยายเสียเหลือเกิน...
