บทที่ 4. ใครกันหนอที่เป็นแพะ...
“พี่โดมคะ... พวกเขาบริสุทธิ์นะคะ พี่โดมจะทำร้ายเธอไม่ได้นะคะ...” เสียงอันคุ้นเคยดังอยู่แว่วๆ ทำให้เขาหันไปตามเสียง...
“หนูเล็ก โอ หนูเล็กกลับมาหาพี่โดมแล้วหรือจ๊ะ...” อัครวัฒน์รีบลุกจากที่นอนมาโอบกอดร่างบอบบางของหญิงสาวในชุดขาวฟูฟ่องน่ารักทันทีและเธอก็โอบกอดเขาเช่นเดียวกันก่อนจะผละออกจากอ้อมแขนของเขาและมองหน้าเขาอย่างจริงจัง...
“พี่โดมไม่ควรทำร้ายมนตรา เธอเป็นคนดีและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ชายคนนั้น...”
“แต่พวกมันจะต้องได้รับกรรมที่ทำกับหนูเล็ก”
“ไม่ค่ะ ไม่ใช่ เรื่องมันจบไปแล้วพี่โดมอย่าทำแบบนี้เลยนะคะ หนูเล็กขอร้อง ปล่อยเธอไปเถอะ ไม่อย่างนั้นพี่โดมจะต้องเสียใจมากกว่าตอนที่สูญเสียหนูเล็ก และอาจจะสูญเสียมากกว่าหากพี่โดมยังดื้อรั้น...” คำพูดของชลิตาทำให้ชายหนุ่มขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่เข้าใจ...
“แต่ว่าพี่ทำทุกอย่างเพื่อแก้แค้นให้หนูเล็ก พี่จะสูญเสียอะไรล่ะ พี่จะทำให้พวกมันเจ็บปวดมากกว่าที่พี่เจ็บ...” อัครวัฒน์ยังคงยืนยันคำเดิม ชลิตามองคนรักยิ้มๆ แล้วส่ายหน้าช้าๆ
“หนูเล็กไม่ดีใจเลยนะคะที่พี่โดมทำแบบนี้...” กล่าวจบหญิงสาวก็ปล่อยมือจากเขาแล้วถอยห่างเขาไปหนึ่งก้าว ก่อนที่ร่างงามของเธอจะค่อยๆ เลือนหายไปพร้อมกับแสงสว่างพราวพรายจนเขาตาพร่ามัว
“อย่าเพิ่งไป หนูเล็ก หนูเล็ก กลับมาหาพี่โดมก่อน หนูเล็ก ไม่นะ ไม่อย่าไป... เฮือกกก...” อัครวัฒน์ผวาเฮือกจากที่นอนนุ่มเหงื่อกาฬผุดพรายเต็มร่างแกร่งที่ไร้อาภรณ์ดังเช่นทุกวัน...
“เช้าแล้วหรือนี่...” ชายหนุ่มเสยผมที่ยาวระบ่ากว้างของตนอย่างเมื่อยล้าและสับสนกับความฝัน... เขาฝันทำนองนี้มาหลายคืนแล้วนับตั้งแต่มาที่บ้านริมหาดซึ่งปลูกอยู่บนชายหาดสวยส่วนตัว ร่างสูงลุกจากที่นอนแล้วคว้าเสื้อคลุมมาปกปิดเรือนกายแกร่งก่อนจะก้าวออกไปที่ระเบียงกว้างซึ่งมองเห็นท้องทะเลงามและหาดทรายขาวสะอาดตา หากเป็นในยามที่ภาวะอารมณ์ของเขาปกติทุกสิ่งทุกอย่างรอบกายของเขาล้วนงดงามสมบูรณ์แบบและเพียบพร้อม แต่ตอนนี้อะไรจะสวยงามเพียงใดก็ไร้ความหมาย... แล้วพลันสายตาของเขาก็สะดุดที่ร่างเล็กที่นั่งอยู่บนชิงช้าใต้ต้นไม้ใหญ่ริมชายหาดขาว
อัครวัฒน์มองดูหญิงสาวที่นั่งเศร้าหงอยเหงาอยู่ที่ชิงช้าหน้าหาดทรายขาวคนเดียวเงียบๆ หลังจากที่เขาให้เวลาเธอสามวันตามที่เธอร้องขอ... วันนี้ครบกำหนดแล้วสินะ สามวันกับการที่จะต้องเป็นผู้หญิงของเขาเต็มตัว ถ้าอย่างถึงเวลาแก้แค้นแล้วล่ะสิ... คิดได้ดังนั้นร่างสูงเดินลงไปชั้นล่างแล้วก้าวยาวๆ ไปหาเธอด้วยแผนการบางอย่าง
มนตราเงยหน้ามองเห็นร่างสูงเขาเดินมาแต่ไกลแล้วหัวใจเต้นกระหน่ำระรัวทั้งแขนขาเหมือนจะไร้เรี่ยวแรงอีกด้วย หญิงสาวกลืนน้ำลายลงคอยากเย็นเมื่อเห็นแววตาของเขา...
“เอ่อ คุณโดมคะ คือ...” หญิงสาวอึกอักทำอะไรไม่ถูก
“ฉันอยากเล่นน้ำมาเล่นเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ...” เขาไม่นำพากับท่าทางเงอะงะของเธอแต่พูดไปอีกเรื่องแล้วเดินนำหน้าเธอไปยังหาดทรายขาวสะอาด ในยามเช้าเช่นนี้ท้องทะเลยังคงสงบ คลื่นซัดเข้าหาหาดทรายแผ่วๆ เอื่อยๆ เรื่อยๆ ดุจแมวน้อยจอมขี้เกียจ...
“คุณอัครวัฒน์คะ คือดิฉันไม่ได้เตรียมเสื้อผ้ามาเล่นน้ำนะคะ”
คำพูดของเธอทำให้ชายหนุ่มหันมาปรายตามองคนที่อยู่ในชุดอยู่บ้านสบายๆ คือเสือแขนกุดสีหวานแสนธรรมกับกระโปรงบานพลิ้วสั้นเสมอเข่ามนลายจุดเล็กๆ มันไม่ใช่ชุดที่เขาซื้อให้เธอใส่และเขาไม่ชอบมันนักเพราะชุดนี้มันทำให้เธอดูเหมือนเด็กสาวมัธยมปลาย อีกทั้งเธอยังถักเปียแล้วไขว้มาที่ไหล่หนึ่งข้างเปิดวงหน้าเรียวสะอาดเกลี้ยงเกลายิ่งทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลังจะพรากผู้เยาว์อย่างไรอย่างนั้น...
“เสื้อผ้าที่ฉันซื้อให้ใส่ทำไมไม่ใส่...”
“คือมัน เอ่อ มันสั้นแล้วก็บางมาก มันเอ่อ ดิฉันไม่ชินกับเสื้อผ้าแบบนั้น”
“ตอนที่เธอทำงานเป็นสาวขายเบียร์เธอใส่สั้นรัดติ้วโชว์นมโชว์ก้นให้ไอ้พวกขี้เมามันดูเธอยังใส่ได้เลย”
“ชุดที่ดิฉันใส่มันไม่ได้สั้นและรัดติ้วและก็ไม่ได้โป๊ขนาดนั้นนะคะ”
“จริงเหรอ เท่าที่ฉันเห็น บางชุดที่สาวๆ พวกนั้นใส่มันแทบจะปิดอะไรๆ ที่พวกเธอมีไม่มิดเลยนะ...” อัครวัฒน์หันมายิ้มเยาะ
“แต่ช่างเถอะ เล่นน้ำแค่นี้ไม่จำเป็นต้องใส่อะไรเลยก็ได้...” พูดจบเขาก็ถอดเสื้อคลุมออกต่อหน้าเธอทันที มนตราตาโตกับการกระทำของเขาและตกตะลึงกับสิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าชนิดที่ว่าเธอเกือบจะช็อกเลยต่างหาก...
“ว๊าย กรี๊ด คุณทำอะไรของคุณ คนบ้า...” หญิงสาวยกมือปิดหน้าและหันหลังให้ภาพวาบหวิวตรงหน้าแทบไม่ทัน อัครวัฒน์หัวเราะในลำคอเบาๆ ขบขันที่ทำให้เธอตกใจและอับอายได้เขาเดินมาใกล้ร่างบางแล้วก้มลงกระซิบข้างใบหูแดงก่ำของเธอเบาๆ
“เธอจะได้เห็นและได้ทำมากกว่าเห็นอีกสาวน้อย เอาล่ะมาทำหน้าที่ของเธอได้แล้ว...” สิ้นคำพูดสองแง่สองง่ามของเขาร่างเล็กก็ลอยหวือขึ้นเหนือพื้นทำให้มนตราต้องรีบหาที่ยึดเหนี่ยว แขนเล็กวาดไปรอบลำคอแกร่งอย่างไม่อาจหลบเลี่ยงได้เมื่อเธอเองก็กลัวหล่นไปกองกับพื้นทราย
“คุณจะทำอะไรคะ...”ถามหน้าตื่นแววตาเต็มไปด้วยความหวาดระแวง...
“มนว่ายน้ำไม่เป็นนะคะคุณโดม อย่านะ ไม่เอาๆ ปล่อยมนนะคะ ไม่เอานะ...”
เธอเริ่มดิ้นเบาๆ เมื่อเขาไม่ตอบต่าพาเธอลงน้ำลึกมาเรื่อยๆ ทั้งร่างเปล่าเปลือยของเขาที่เสียดสีกับร่างนุ่มของเธอก็ยิ่งสร้างความหวาดหวั่นหวามไหวให้กับเธอจนรู้สึกในสั่นหวิวๆ เหมือนจะเป็นลมเสียให้ได้ และมันทำให้เธอลืมตัวพูดแทนตัวเองด้วยสรรพนามที่คุ้นเคยและกอดคอเขาแน่นตัวสั่นด้วยความกลัวเมื่อก้นงามงอนสัมผัสกับน้ำทะเลเย็นๆ ใบหน้านวลก็ยิ่งซีดขาว...
“จะกลัวอะไรไปล่ะ แค่เล่นน้ำ อีกอย่างเธออยู่กับทะเลทุกวันเป็นไปได้เหรอที่เธอว่ายน้ำไม่เป็น อย่ามาเล่นแง่กับฉันดีกว่า หมดเวลาของเธอแล้วมนตรา...” เหมือนต้องการกลั่นแกล้งและอยากให้เธอเผยตัวตนที่แท้จริงออกมา อัครวัฒน์แกะมือที่เกาะคอเขาแน่นเหมือนลูกลิงออกอย่างง่ายดายแล้วโยนร่างเล็กๆ นั้นลงตรงหน้าเขาจนน้ำกระจายเป็นวงกว้างส่วนลูกลิงที่เขาเปรียบไว้ในใจนั้นก็ตะเกียกตะกายอย่างบ้าคลั่งทั้งสำลักน้ำทั้งร้องขอความช่วยเหลือเขาวุ่นวายชายหนุ่มยืนกอดอกมองร่างเล็กที่ดิ้นเร่าๆ ตรงหน้าอย่างขบขันในใจก็คิดว่าน้ำลึกแค่เอวเท่านั้นเธอจะเล่นละครได้สักกี่น้ำแต่แล้วมนตราที่ดูเหมือนเริ่มจะหมดแรงก็ค่อยๆ จมลงไปในน้ำทะเลต่อหน้าเขาจริงๆ นั่นล่ะอัครวัฒน์จึงได้สติคว้าแขนเล็กซีดเซียวนั้นไว้ก่อนที่เธอจะหายไปในท้องทะเลจริงๆ
“โธ่เอ๊ย ใจเสาะจริง ว่ายน้ำไม่เป็นจริงๆ เหรอเนี่ย...”
ชายหนุ่มบ่นพลางอุ้มร่างที่หมดสติขึ้นมาไว้ในวงแขนแล้วรีบปฐมพยาบาลให้เธอเบื้องต้นจนเธอได้สติ มนตราหอบหายใจเอาอากาศเข้าปอดลนลาน แต่ร่างกายก็ยังคงไร้เรี่ยวแรงขัดขืนเมื่อเขาอุ้มเธอเดินเข้าบ้านไปด้วยท่าทางหงุดหงิด...
เขาหงุดหงิดหรือโกรธเรื่องอะไรกัน เธอไม่ได้ทำอะไรเขาเสียหน่อย เธอต่างหากที่ควรจะโกรธเขา...
มนตราถามตัวเองเบลอๆ ก่อนสติลางเลือนจะวูบดับไป...
เสียงไอแห้งๆ ของคนที่หลับสนิทมาตลอดวันดังขึ้นทำให้ชายหนุ่มละสายตาจากจอสมาร์ตโฟนยอดฮิตซึ่งเขากำลังดูผลงานการแก้แค้นของเขาผ่านอินเทอร์เน็ตที่พี่ชายส่งมาให้อย่างพอใจ อัครวัฒน์เก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกงยีนตัวเก่งแล้วเดินมาหยุดหน้าเตียงเล็กของเธอพลางกอดอกมองคนที่ลืมตามองเขาตาแป๋ว
“เอ่อ... คือ...” มนตราพูดอะไรไม่ออกทั้งแสบคอและประหม่ากับสายตาของเขา...
“ลุกไหวรึเปล่า...”
“ค่ะๆ ลุกไหว...” เธอรีบบอกแล้วรีบพยุงตัวลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล อัครวัฒน์มองเธอเฉยเหมือนไม่คิดอะไรแต่จริงๆ แล้วเขากำลังข่มอารมณ์บางอย่างมากกว่า...
“ทำกับข้าวเป็นรึเปล่า”
“ค่ะ เป็นค่ะ”
“งั้นไปทำอะไรมาให้ฉันกินหน่อย ฉันนั่งเฝ้าเธอมาทั้งวันยังไม่ได้กินอะไรเลยนะ ไหนจะเช็ดตัวให้เธอ เปลี่ยนเสื้อผ้าให้... ตอบแทนน้ำใจฉันหน่อยละกัน...” คำพูดของเขาทำให้คนฟังเบิกตาโต ใบหน้าที่ขาวซีดเมื่อครู่แดงก่ำขึ้นมาทันตา อัครวัฒน์ลอบยิ้มในใจแต่ก็ทำหน้าขึงขังใส่เธอ
“ทำไม ตกใจอะไร อะไรๆ ของเธอน่ะฉันเห็นหมดแล้วตั้งแต่เธอมาที่นี่ เมื่อวันก่อนโน้นฉันก็เป็นคนเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เธอ อย่างเธอน่ะไม่เร้าอารมณ์ฉันพอหรอก สวยกว่า อึ๋มกว่า เอ็กซ์กว่าเธอฉันก็เจอมาเยอะแยะ เอาล่ะอย่ามัวมานั่งหน้าแดงอยู่ ฉันหิวแล้วไปทำอะไรมาให้ฉันกินที เร็วๆ ด้วยล่ะ...”
พูดจบเขาก็เดินออกไปจากห้องของเธอหน้าตาเฉย มนตราอ้าปากค้างมองตามเขาอย่างทำอะไรไม่ถูกเหมือนเคย แต่เท่าที่รู้เธอรู้สึกว่าตัวร้อนผ่าวไม่รู้เพราะพิษไข้หรือเพราะอายกันแน่ ทำไมเขาเก่งพูดให้เธอได้อายแล้วก็หันหลังเดินหนีเธอนะ...
“อะไรของเขากันนะ ทำให้เราได้อายแล้วก็เดินหนีทุกที...” มนตราบ่นหน้ายุ่งอย่างไม่เข้าใจ...
