บท
ตั้งค่า

บทที่ 3. แพะเริ่มรับบาป...จบตอน

ดวงตาที่ปิดสนิทแน่นมานานกว่าหนึ่งคืนค่อยๆ ขยับช้าๆ เมื่อแสงตะวันยามสายส่องลอดผ่านม่านใส่เข้ามาในห้องกว้างที่เธอคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็นหรือเจอที่ไหนมาก่อน แต่ที่ไหนล่ะ...

สมองที่มึนงงขณะเพิ่งตื่นค่อยๆ เรียบเรียงข้อมูล และเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตนเองได้พบเจออะไรมามนตราก็ลุกพรวดขึ้นจากที่นอนนุ่มทันที ดวงตากลมโตกวาดมองไปทั้งห้องโทนสีเทาสลับกับสีขาวอย่างลงตัวนั้นอย่างหวาดระแวงแต่ก็แอบถอนใจอย่างโล่งอกที่ร่างกายของเธอไม่มีร่องรอยการถูกล่วงเกินหรือทำร้ายแม้ชุดที่สวมอยู่จะค่อนข้างเบาหวิวเพราะภายใต้ชุดนอนตัวบางนั้นเธอไม่ได้สวมชั้นในเลยสักชิ้น...

“ที่นี่... ที่ไหนเหมือนจะคุ้นๆ ... โอ... ไม่จริง เป็นไปไม่ได้...” ด้วยความสงสัยเธอจึงลุกไปเปิดหน้าต่างบานยาวจรดพื้นนั้นออกไปดูก็พบว่าเบื้องหน้าของเธอมันคือทะเลและชายหาดงามที่แสนจะคุ้นตา สนามหญ้าเขียวขจีตรงนั้นเธอเคยรดน้ำพรวนดิน ดอกไม้ตรงมุมนั้นเธอเองก็เป็นคนปลูก ต้นไม้ที่มีชิงช้าตรงโน้นเธอก็มักไปนั่งเล่นบ่อยๆ ที่นี่มันคือบ้านหลังงามที่เธออยู่ประจำนั่นเอง และห้องนี้ก็เป็นห้องของเจ้าของบ้านเพราะเธอเคยขึ้นมาทำความสะอาดช่วยแม่บ้านของที่นี่อยู่หลายครั้ง... แล้วเธอมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรล่ะ...

“สงสัยล่ะสิว่าเธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง...” เสียงห้าวกังวานด้วยความเย็นชาดังขึ้นทำให้มนตราหันขวับมาตามเสียงอย่างรวดเร็วก็พบกับร่างสูงของชายหนุ่มคนหนึ่งผมเผ้ายาวปะบ่าไม่ค่อยจะเป็นทรงนักหนวดเคราก็รุงรังดูน่ากลัวยิ่งดวงตาสีน้ำเงินเข้มหม่นมัวนั้นยิ่งน่ากลัวเพราะเธออ่านมันไม่ออกเลยว่าเจ้าของนัยน์ตาคมเข้มนั้นกำลังคิดอะไร

แล้วยิ่งเห็นการแต่งกายของเขาแข้งขาของเธอสั่นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้... ร่างสูงใหญ่ของเขาสวมเพียงกางเกงยีนตัวเดียวโชว์กล้ามเนื้อแน่นตึงของชายชาตรี ผิวสีน้ำตาลจางๆ ของเขาดูเรียบเนียนก็จริงแต่เธอรู้ดีว่ามันแกร่งกระด้างเพียงใด ที่สำคัญขอบกางของเขามันรั้งต่ำจนน่าหวาดเสียว มนตราหน้าแดงสลับซีดขาวเหมือนจะเป็นลมเสียให้ได้จนต้องรีบจับราวระเบียงกว้างไว้แน่น...

“ฉะ ฉัน เอ่อ มน...” เธอพูดติดขัดเหมือนจะหายใจไม่ออกโดยไม่รู้ว่าตลอดเวลาตั้งแต่ครั้งแรกที่เธอรู้สึกตัว ความเคลื่อนไหวทุกอย่างของเธออยู่ในสายตาเขาตลอด...

อัครวัฒน์เฝ้าสังเกตอากัปกิริยาของมนตรามาตั้งแต่เธอเริ่มขยับตัว ผู้หญิงคนนี้คือน้องสาวของไอ้ชายชั่วที่ลักพาตัวคู่หมั้นของเขาไปให้เนวินปู้ยี่ปู้ยำจนชลิตาต้องฆ่าตัวตายเพื่อหนีจากเงื้อมมือคนใจร้าย และมันยังคิดขายน้องสาวตัวเองให้กับไอ้เสี่ยหมูตอนนั่นอีก ความจริงเขาน่าจะปล่อยให้เธอตกเป็นของเสี่ยวิบูล แต่เขาไม่ต้องการให้เรื่องมันจบง่ายเกินไป คนอย่างมิ่งเมืองไม่รักใครนอกจากตัวเองก็จริงอยู่แต่เขาเชื่อว่ามันจะต้องทนไม่ได้ที่เห็นพ่อกับน้องสาวเจ็บเจียนตาย... และเขาจะเป็นคนที่หยิบยื่นความเจ็บปวดให้มัน...

แต่ทว่าให้ตายเถอะ... เขารู้สึกแปลกๆ กับร่างกายของตัวเองอย่างน่าโมโห ความร้อนรุ่มที่จู่ๆ ก็เกิดขึ้นในกายแกร่งที่ด้านชามากว่าสองปีมันกลับเกิดประทุขึ้นมาในขณะที่เธอเคลื่อนไหวอยู่บนเตียงของเขา มันเป็นไปไม่ได้เขาไม่ได้รู้สึกอะไรอย่างนั้นกับน้องสาวของคนเลวๆ อย่างแน่นอน... อัครวัฒน์รีบปัดความคิดนั้นออกไปจากหัวทันที...

“มนตรา ธนากิจ อายุยี่สิบเอ็ดปี พนักงานบัญชีร้านอาหาร... สถานะโสด เป็นลูกสาวของนายมิ่งพ่อบ้านของนักธุรกิจชื่อดัง และตอนนี้นายมิ่งกำลังป่วย ส่วนพี่ชายชื่อมิ่งเมือง ตกงานตกอับ จนต้องขายน้องสาวประทังชีวิต... ประวัติสั้นๆ คร่าวๆ แค่นี้ก็ฟังดูน่ารังเกียจพอใช้นะ...”

“คุณคือ คุณอัครวัฒน์...” ไม่รู้ว่าคำพูดของเธอคือคำตอบหรือคำถามหรือเป็นคำอุทานกันแน่ แววตาของมนตราดูสับสนและเจ็บปวดไม่น้อย แต่เขาไม่ได้นำพามันนักชายหนุ่มเดินมาหยุดตรงหน้าเธอระยะใกล้พอที่จะเห็นความแตกต่างระหว่างร่างแกร่งกระด้างของชายชาตรีกับร่างอรชรแบบบางของหญิงสาว

ความแตกต่างระหว่างร่างใหญ่โตของอัครวัฒน์ราวจะข่มให้ร่างเล็กของเธอดูยิ่งเล็กลงไปอีกหลายสิบเท่า ความกร้าวกระด้างที่แผ่รัศมีจากตัวเขาราวเปลวเพลิงที่กำลังโหมไหม้ตุ๊กตาแก้วบางใสให้แตกละเอียดเป็นเถ้าถ่าน... มนตราถอยไปด้านหลังจนสะโพกมนชิดราวระเบียงร่างอรชรไม่มีทางหลบเลี่ยงหรือหลีกหนีเขาไปทางไหนได้อีกเพาะร่างกายใหญ่โตของเขาข่มให้เธอไม่กล้าแม้แต่จะคิด...

“ใช่ ฉันคืออัครวัฒน์ เจ้าชีวิตของเธอนับแต่นี้เป็นต้นไป รับรู้ไว้ด้วยสาวน้อย...” น้ำเสียงเย็นชาทั้งแววตาก็เช่นเดียวกัน...

“ตะ แต่ มน... ไม่ได้เป็นหนี้อะไรคุณนะคะ แล้ว เอ่อ... ตกลงนี่มันเรื่องอะไรกันคะ หากจะกรุณาคุณช่วยอธิบายให้ดิฉันฟังได้ไหมคะ”

“เดี๋ยวอีกไม่กี่นาทีเธอจะได้รู้เอง... แต่ตอนนี้ฉันขอทดสอบอะไรสักอย่างก่อนดีกว่า...” พูดจบปากหยักสวยดุจอิสตรีของเขาก็ฉกวูบลงมาบนกลีบปากนุ่มที่เผยอค้างอย่างงงงันของเธอทันที...

และทันทีที่ริมฝีปากนุ่มถูกแตะแต้มด้วยจุมพิตร้อนแรงจากเขามนตราก็รู้สึกเหมือนว่าเธอกำลังจะจมน้ำแต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกเหมือนว่าลอยล่องขึ้นไปบนท้องนภาช่องท้องโหวงวูบเหมือนนั่งรถไฟเหาะและเสียดเสียวอยู่บริเวณใจกลางร่าง... ความรู้สึกช่างประหลาดเหลือล้นจนต้องอ้าปากกว้างหวังจะอุทานอะไรออกมาสักอย่างแต่ก็เป็นการเปิดโอกาสให้เขาสอดลิ้นร้อนเข้าไปดูดรัดพันพัวกับเรียวลิ้นเล็กของเธออย่างถนัดถนี่สนิทสนมราวกับว่าเขาเป็นเจ้าของมันหาใช่เธอไม่...

มนตรามึนงงกับจุมพิตร้อนแรงนั้นจนหัวหมุนในขณะเดียวกันนั้นเจ้าของจุมพิตร้ายก็มีความรู้สึกไม่ต่างจากเธอนัก... เขาไม่ควรรู้สึกรุมร้อน ปรารถนาเธอ ต้องการเธอมากมายขนาดนี้ เขาจะต้องไม่รู้สึกอะไรกับเธอนอกจากแก้แค้น ทำลายเธอให้หายแค้นใจไม่ใช่ปรารถนาจะทำกับเธอมากกว่าจูบ... อัครวัฒน์ผละริมฝีปากและมือหนาที่ลูบไล้เอวบางของเธอออกอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งหันหลังให้เธอก่อนจะเสยผมรวกๆ สบถเบาๆ ในลำคอ... ส่วนคนที่ถูกขโมยจุมพิตยืนนิ่งเหมือนถูกสาปให้เป็นหิน...

“ไปอาบน้ำแต่งตัวเสียใหม่ บอกตรงๆ ว่าตอนนี้ฉันไม่เกิดอารมณ์พอจะพูดคุยอะไรกับเธอตอนนี้ อ้อ... อีกอย่างแม้ว่าเธอจะหน้าอกใหญ่เกินตัวแต่มันยังเร้าใจฉันไม่พอหรอกนะ...”

คำพูดของเขาก่อนจะเดินออกไปจากห้องทำให้มนตราต้องก้มลงมองหน้าอกตัวเองแล้วแทบจะกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บแค้นเมื่อคอเสื้อชุดนอนตัวบางมันรั้งลงมาลึกจนเห็นป้านยอดอกสีชมพูจางๆ ชัดเจนน่ะสิ...

“บ้าจริง คนบ้า บ้าที่สุด... อ๊าย ยายมนเขาเห็นเธอไปถึงไหนต่อไหนแล้วเนี่ย...”

เขาทำมากกว่ามองอีกย่ะแม่คุ้นนน... ไม่วายเสียงเล็กๆ จะกระซิบบอกเธอเบาๆ ให้อายได้อีก... มนตราหันรีหันขวางกระวนกระวายใจทั้งอับอายเขาอยู่สักครู่จนเมื่อสามารถตั้งสติได้เธอจึงรีบอาบน้ำแต่งตัวใหม่แล้วค่อยๆ เยี่ยมหน้าออกมาจากห้องนอนหรูของอัครวัฒน์ด้วยชุดเสื้อผ้าของเขาคือเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่เพียงตัวเดียวซึ่งมันไม่มีอะไรในตู้ที่เธอพอจะใส่ได้ดังนั้นเธอคิดว่าจะใส่เสื้อของเขาไปก่อนแล้วจะรีบไปเปลี่ยนใหม่ยังเรือนเล็กที่ตั้งอยู่หลังบ้านหลังงามซึ่งเป็นเรือนพักของคนงานที่เธอพักอยู่กับบิดาและแม่บ้านวัยกลางคนอีกสองคนซึ่งเป็นพี่น้องกันและบังเอิญว่าพวกนางทั้งสองลากลับบ้านที่ต่างจังหวัดพอดี...

“จะไปไหน” เสียงทุ้มกังวานทว่าห้วนจัดดังขึ้นทำให้คนที่กำลังจะซอยเท้าวิ่งลงบันไดชะงักกึกหันมามองเขาตาโต

“ฉันถามว่าจะไปไหน...”

“เอ่อ คือ มะ มน จะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เรือนเล็กค่ะ”

“ไม่ต้อง เอ๊า... นี่ เสื้อผ้าของเธอ ผู้หญิงของฉันก็ต้องอยู่ใกล้ๆ ฉัน นับจากนี้เธอจะต้องอยู่ในสายตาของฉันตลอดเวลาและทำตามที่ฉันต้องการทุกอย่าง ห้องของเธอจะอยู่ห้องติดกับฉัน เอาล่ะเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ชุดไหนก็ได้ที่คิดว่าใส่แล้วมันเร้าอารมณ์ฉันพอที่จะทำให้ฉันอารมณ์ดี...” เขาพูดร่ายยาวแล้วโยนถุงเสื้อผ้าที่มีตรายี่ห้อหรูให้เธอจนเธอแทบรับไม่ทันเพราะมัวแต่ยืนอ้าปากหวอฟังเขาด้วยความงงงันกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตนเองเพียงชั่วข้ามคืน ก่อนสติของเธอจะกลับคืนมาเมื่อเขาบอกว่าให้เวลาเธอสิบนาทีในการไปเปลี่ยนเสื้อผ้า...

มนตรามองบิดาที่นอนหลับตานิ่งและหายใจแผ่วเบาด้วยน้ำตานองหน้าหลังจากที่เธอได้รับแจ้งจากโรงพยาบาลว่าอาการของบิดาทรุดหนักลงเธอจึงขออนุญาตอัครวัฒน์มาเยี่ยมบิดาซึ่งเขาก็ให้เธอมาแต่เขาก็มาพร้อมกับเธอด้วย ความเจ็บปวดของเธอมันมีมากมายเมื่อเธอได้รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างละเอียดจากปากของอัครวัฒน์ และคิดว่าเขาช่างโหดร้ายนักที่นำเรื่องนี้มาบอกกับบิดาของเธอจนอาการของท่านทรุดหนักลง

ใจคอเขาทำด้วยอะไรรู้ทั้งรู้ว่าบิดาของเธอป่วยเป็นโรคหัวใจ หากบิดาของเธอไม่แข็งแรงและมีใจคอที่เด็ดเดี่ยวพอท่านคงหัวใจวายและคงจะจากเธอไปแล้วในวันนี้... ที่สำคัญเธอเพิ่งรู้ว่าตนนั้นคือหมากตัวหนึ่งในการแก้แค้นของเขา... นี่มันความผิดอะไรของเธอ ไม่ยุติธรรมเสียเลย เขาจะทำอย่างนี้ไม่ได้...

“คุณทำแบบนั้นไม่ได้ คุณไม่มีสิทธิ์...” มนตราหันมาพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงเครือๆ หลังจากที่หมดเวลาเยี่ยมและเธอก็ยังไม่ได้คุยกับบิดาเลยสักคำ...

“ฉันมีสิทธิ์เต็มที่เลยล่ะ อยากถามไหมว่าทำไม... ข้อหนึ่ง ฉันเป็นคนจ่ายค่ารักษาพยาบาลพ่อของเธอทุกอย่างจนกระทั่งการผ่าตัดที่จะมีขึ้นอีกสองวันข้างหน้า ข้อสองฉันเสียเงินจ่ายชดเชยจ่ายค่าตัวเธอมาจากไอ้เสี่ยหมูตอนนั่นมาแพงมาก... รู้ไหมค่าตัวเธอนี่ก็ใช่จะถูกๆ นะ เพราะไอ้มิ่งเมืองมันขายเธอไปแค่สองหมื่นแต่ฉันต้องจ่ายให้ไอ้เสี่ยนั่นไปตั้งหนึ่งแสนแน่ะ แพงใช้ได้สำหรับลูกสาวพ่อบ้านกระจอกๆ อย่างเธอ... และข้อที่สาม... อย่าให้ฉันต้องพูดถึงเหตุผลใดๆ ทั้งสิ้นกับเรื่องนี้เพราะฉันอาจจะเจ็บใจมากถึงขนาดบ้าคลั่งทำร้ายเธอได้ง่ายๆ หวังว่าเธอคงเข้าใจ...”

น้ำเสียงของเขาเหยียดหยันอย่างเห็นได้ชัด มนตราถึงกับกัดปากด้านในของตนจนได้รสเลือดในปากของตน...

ผู้ชายคนนี้หรือที่บิดาเธอชื่นชมเสียนักหนาว่าคุณโดมช่างเป็นคนดีมีเมตตา อ่อนโยนและเจ้าเสน่ห์ สาวๆ ทั่วประเทศต่างลุ่มหลงอยากเป็นคนรักของคุณโดมกันทั้งนั้น...

นี่น่ะหรือคุณโดมแห่งดีแลนด์แอร์ไลน์ ที่ใครๆ ต่างก็พูดถึง...

“อย่ามองฉันด้วยแววตาแบบนั้นสาวน้อย เธอไม่ควรจะหวังอะไรจากฉัน แม้แต่ความเมตตา...” เขาย้ำความคิดของเธอให้กระจ่างขึ้นมาอีก ชายตรงหน้าเธอไม่ใช่เทพบุตรที่เธอควรจะร้องขอความเมตตาจากเขา แต่เขาคือซาตาน ที่พร้อมจะพร่าผลาญทุกๆ อย่างในชีวิตเธอ และเธอก็ไม่มีทางหลีกเลี่ยงในเมื่อชีวิตของบิดาและพี่ชายอยู่ในกำมือของเขา รวมทั้งชีวิตทั้งชีวิตของเธอด้วย แล้วเมื่อไหร่ล่ะที่เขาจะหยุดแค้นพี่ชายของเธอ...

แล้วเมื่อไหร่ล่ะที่เขาจะปลดปล่อยเธอจากปลอกคอที่เขาเอามาแขวนคอเธอไว้นับจากนี้... คำถามมากมายเกิดขึ้นในหัวของเธอซึ่งมันไม่มีคำตอบอะไรนอกจากความว่างเปล่าเย็นชา...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel