บท
ตั้งค่า

บทที่ 4. ใครกันหนอที่เป็นแพะ...จบตอน

ทางด้านอัครวัฒน์ที่เดินกลับมายังห้องของตนเองด้วยความรู้สึกหงุดหงิดและไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเองสักเท่าไหร่นัก ทำไมนะพอเขาจะทำอย่างที่ตั้งใจไว้เขาก็ทำไม่ได้เสียที ชายหนุ่มเสยผมอย่างหงุดหงิดใจแล้วสบถกับตัวเองดังๆ

“บ้าเอ๊ย ไอ้โดมแกจะใจอ่อนกับน้องสาวศัตรูไม่ได้นะ ทำให้เธอเจ็บปวดสิ ทำให้เธอเจ็บปวด...

แกต้องทำให้ได้ ไอ้ตาใสๆ ของเจ้าหล่อน มันก็แค่ภาพลวงตา... คำพูดของหนูเล็กมันก็แค่ความฝัน...” เขาพยายามบอกตัวเองทั้งที่ในใจนั้นกำลังต่อสู้กันอย่างหนัก

แค้นต้องชำระกับปล่อยวางทุกสิ่งแล้วมุ่งไปที่ตัวต้นเหตุเพียงคนเดียว... แต่การทำให้มันตายทั้งเป็นมันสะใจกว่า แต่มนตราไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยกับการกระทำของมิ่งเมือง... แต่เธอก็คือน้องสาวของคนที่มีส่วนทำร้ายหนูเล็กจนตายนะ...

คำพูดที่ตอบโต้กันในหัวของเขาทำให้อัครวัฒน์หลับตาแน่นขมวดคิ้วมุ่นอย่างปวดร้าวอยู่ในอกและปวดหัวจี๊ดๆ ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ แต่แล้วความคิดของเขาก็สะดุดลงเมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น

“มีอะไรแดนนี่...” เขาถามปลายสายเสียงเครียดกับสิ่งที่ตกค้างอยู่ในอารมณ์

“มันพยายามหนีจากไร่ครับ”

“แล้วพี่เด่นทำยังไง...”

“คุณเด่นซ้อมมันปางตายครับ แต่มันไม่เชื่อว่าน้องสาวมันอยู่กับคุณโดม มันยังโลกสวยอยู่ว่าน้องสาวมันเป็นเมียน้อยไอ้เสี่ยวิบูลสุขสบายไปแล้ว มันพยายามจะมาหาคุณมนตราที่บ้านริมหาดด้วย...”

“เดี๋ยวฉันจะพาน้องสาวมันไปหามันเอง ให้ได้เห็นว่ามันถูกล่ามโซ่ไว้เหมือนหมา...” คำพูดของเขาทำให้คนที่กำลังจะมาเรียกเขาให้ไปรับประทานอาหารเย็นชะงัก

ความจริงแล้วมนตราไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟัง เพียงแต่ประตูห้องนอนของเขามันแง้มไว้เหมือนว่าเจ้าตัวกำลังจะเดินออกมาแต่ก็เดินกลับเข้าไปจึงไม่ได้ล็อกให้เรียบร้อย แต่สิ่งที่เขาคุยกับอีกคนที่ปลายสายทำให้เธอรู้ดีว่าเขากำลังหมายถึงใคร

แม้มิ่งเมืองจะทำไม่ดีกับเธอแต่เขาก็เป็นพี่ชายของเธอและเป็นคนในครอบครัวหนึ่งในสองคนที่เหลืออยู่ หากไม่มีพี่ชายหรือบิดาแล้วเธอจะอยู่คนเดียวบนโลกนี้ได้อย่างไร...

มนตราเดินกลับมานั่งแหมะอยู่ที่ห้องรับประทานอาหารเหมือนคนที่สิ้นหวัง...

“มนตรา... มนตราเธออยู่ไหน มาหาฉันหน่อยสิ...” เสียงร้องเรียกลั่นบ้านทำให้มือบางที่กำลังเช็ดจานใบสุดท้ายคว่ำในตู้ชะงักแล้วรีบวิ่งออกไปขานรับเขาอยู่หน้าห้องครัว

“คะ คุณอัครวัฒน์... ดิฉันอยู่นี่ค่ะ”

“อ้อ... อยู่นี่เอง ใจคอเธอจะอยู่ในครัวนั้นทั้งคืนรึไง นี่กี่ทุ่มแล้ว” คำถามของเขาทำให้เธอปรายตามองนาฬิกาแขวนผนังเรือนหรูซึ่งบอกเวลาสองทุ่มพอดี...

“ขึ้นมาบนห้องฉันหน่อยสิ” เขาบอกแล้วเดินกลับไป หญิงสาวถอนใจแล้วค่อยๆ เดินตามเขาขึ้นไปในใจก็นึกหวั่นว่าคราวนี้เธอจะโดนเขาแกล้งอะไรอีกหรือใช้ให้ทำอะไรที่... เธอต้องฝืนใจ...

มือบางสั่นระริกเมื่อผลักประตูเข้าไปในห้องนอนกว้างโทนสีอบอุ่นทว่าเธอกลับรู้สึกว่ามันช่างเต็มไปด้วยความเย็นชาเมื่อเจ้าห้องไม่เคยจะยิ้มให้เธอเลยสักครั้ง กว่าสัปดาห์ที่เธออยู่กับเขาในบ้านหลังนี้เธอไม่เคยเห็นเขายิ้มเลย จะพูดกับเธอก็เพียงไม่กี่คำส่วนใหญ่คำพูดที่ออกจากปากเขานั้นจะเป็นคำสั่งเสียมากกว่า

ทุกๆ วันเขาทำงานและเคร่งเครียดอยู่กับอะไรบางอย่าง และเธอก็เพิ่งจะรู้ว่าเขาให้แม่บ้านทั้งสองคนนั้นลางานต่อไปอีกไม่มีกำหนดแต่ก็ยังได้รับเงินเดือนปกติจนว่าเขาจะเรียกให้กลับมา ส่วนบิดาของเธอก็ถูกส่งตัวไปผ่าตัดที่เมืองนอกตามที่เขาให้สัญญาไว้จะกลับมาเมืองไทยในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้าซึ่งเธอก็เพิ่งได้คุยกับบิดาเมื่อวันก่อนจะไป และท่านก็ให้สัญญาว่าจะกลับมาหาเธอ นั่นคือสิ่งที่ทำให้เธอยังอยู่ที่นี่เพื่อรอบิดาของเธอกลับมา

“คุณอัครวัฒน์คะ ดิฉันมาแล้วค่ะ...” เมื่อมองหาเจ้าของห้องไม่เจอเธอเลือกที่จะยืนอยู่หน้าประตูห้องมากว่าจะเดินเข้าไป มันเหมือนกับว่าเธอกำลังจะเดินเข้าถ้ำเสืออย่างไรอย่างนั้นในตอนนี้...

“เข้ามาสิ จะยืนเซ่ออยู่หน้าห้องอีกนานไหม...” เสียงดังออกมาจากห้องน้ำห้วนๆ ในขณะที่เจ้าตัวเดินเช็ดผมลวกๆ ออกมาจากห้องน้ำด้วยผ้าเช็ดตัวเพียงผืนเดียว มนตราแทบหายใจไม่ออกเมื่อเจอสภาพของเขาเช่นนี้ และแทบอยากจะหันหลังกลับเลยทีเดียวหากไม่สบสายตาเข้มๆ ของเขาเสียก่อน

“เอ่อ คุณ คุณอัครวัฒน์มีอะไรจะใช้ดิฉันรึเปล่าคะ...”

“มีน่ะมีอยู่แล้วไม่อย่างนั้นฉันจะเรียกเธอมาทำไม เข้ามาแล้วก็ปิดประตูซะด้วย”

“ค่ะ...”

คือคำพูดที่เธอพูดได้และทำได้คือเดินด้วยแข้งขาที่สั่นๆ เข้าในห้องของเขาก่อนที่ประตูจะงับปิดลง พร้อมๆ กับจังหวะหัวใจที่เต้นระรัวจนเธอรู้สึกเหนื่อยอ่อน...

“มาตรงนี้สิ” เสียงทรงอำนาจสั่งทำให้มนตราจำต้องเดินเข้าไปหาเขาและพยายามไม่มองอะไรที่นอกเหนือไปจากปลายเท้าของตัวเองเธอจึงไม่ได้เห็นแววตาของเขาที่แวบหนึ่งมันอ่อนโยนลงเหมือนจะ เอ็นดูเธอ...

“ที่พื้นมันมีอะไรถึงได้ก้มมองอยู่ได้” เขาถามเสียงเรียบซึ่งเดาไม่ออกว่าเขารู้สึกอย่างไรแต่มนตราก็ไม่รู้จะตอบเขาเช่นไร...

“ก็ เอ่อ ดิฉัน...”

“พูดแทนตัวเองอย่างที่เคยพูด เป็นเด็กเป็นเล็กอย่าทำตัวแก่แดด” เขาติติงตรงๆ มนตราหน้าม้านไปเล็กน้อยแล้วรีบเงยหน้ามองเขาชนิดที่ว่ารีบเงยหน้าขึ้นเพื่อมองหน้าเขาเลยดีกว่าจะได้ไม่ต้องเห็นส่วนอื่นของร่างกายเขาให้ใจหวิว

“คุณอัครวัฒน์มีอะไรจะใช้มนคะ”

“เตรียมเสื้อผ้าให้ฉันหน่อย ฉันจะไปโคราชพรุ่งนี้”

เขาพูดพลางเช็ดผมที่เริ่มจะหมาดๆ แล้วของตนขณะเดินไปหยิบกางเกงขายาวมาสวมต่อหน้าเธอ มนตราแทบหันหน้าหนีภาพคนตัวโตที่ยืนแก้ผ้าหราอยู่ตรงหน้าแทบไม่ทันแล้วเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าหลังใหญ่มองหากระเป๋าเดินทางเพื่อจะได้จัดเตรียมเสื้อผ้าให้เขาตามที่สั่งแล้วเธอจะได้รีบๆ ออกไปจากห้องนี้ แต่ว่ากระเป๋าเดินทางมันอยู่ไหนล่ะ...

“คุณอัครวัฒน์คะ กระเป๋าเสื้อผ้าของคุณอยู่ไหนคะ อุ๊ย คุณ... ถะ ถอยไปก่อนได้ไหมคะ...” เธอตกใจเมื่อหันมาก็ชนกับร่างสูงของเขาที่ยืนซ้อนหลังอยู่โดยที่ยังไม่ได้สวมเสื้อและระยะก็ใกล้เธอเหลือเกิน ใกล้จนเธอกลัวว่าเขาจะได้ยินเสียงหัวใจเธอเต้น...

“แค่นี้ทำตื่นเต้นไปได้ ตอนเดินส่ายสะโพกยั่วน้ำลายผู้ชายเป็นร้อยๆ ไม่เห็นจะสะทกสะท้าน”

“นี่คุณ จะมากเกินไปแล้วนะคะ มนไม่เคยทำแบบนั้นเสียหน่อย” เธอแย้งเสียงเขียวเมื่อเขาพูดว่าเธอแบบนี้หลายครั้งแล้วและมันทำให้เธอไม่พอใจจนเผลอขึ้นเสียงกับเขาทุกครั้งด้วยความลืมตัวทุกทีด้วย...

“แล้วเธอมีสิทธิ์มาขึ้นเสียงใส่ฉันตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”

“ก็ ก็มนไม่ชอบให้ใครมาว่ามนแบบนั้นนี่คะ” เธอโต้ตอบเขาด้วยน้ำเสียงที่ลดความฉุนเฉียวลงแต่ยังคงมีท่าทีถือตัวอยู่

มนตรากับชลิตามีบางอย่างที่เหมือนกันมากเหลือเกิน... อัครวัฒน์รู้สึกได้ถึงข้อนี้และต้องรีบปัดความคิดนั้นออกไป ไม่เห็นจะเหมือนกันตรงไหน หนูเล็กของเขาน่ารักและนิสัยดีอ่อนโยนมีความเป็นผู้ดีกว่าคนตรงหน้าเขามากมาย...

แต่ทำไมเมื่อเขามองเธอเขาถึงต้องรู้สึกแปลกๆ ด้วยล่ะ... นั่นคือคำถามหนึ่งที่ผุดขึ้นมากลางใจของเขาอย่างช่วยไม่ได้อีกเช่นกัน...

“ฉันว่า ฉันให้เวลาเธอมากเกินไปรึเปล่านะมนตรา...”

คำพูดของเขาทำให้มนตราตาโตถอยห่างเขาทันทีแต่ก็เหมือนจะสายไปเมื่อราชสีห์เริ่มหิวกระหายและปล่อยให้เธอตายใจมานานว่าเขาจะปล่อยเธอไป วงแขนแกร่งที่ตวัดรอบเอวบางนั้นบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่า เวลา ของเธอได้หมดลงแล้วจริงๆ

“คุณอัครวัฒน์คะ คือ หากมนทำให้คุณไม่พอใจมนขอโทษค่ะ ปล่อยมนก่อนนะคะ”

“ไม่อีกต่อไปแล้วสาวน้อย... ฉันให้เวลาเธอมานานแล้วนี่เพราะเห็นว่าเธอต้องมาป่วยเพราะฉันเป็นต้นเหตุหรอกนะเลยปล่อยเธอไปก่อน แต่ตอนนี้เธอหายป่วยแล้ว มาทำหน้าที่ผู้หญิงของฉันเสียทีจะดีกว่า...”

“มะ ไม่นะคะ มนยังไม่พร้อม หนะ ไหนคุณว่าจะให้มนจัดเสื้อผ้าให้ไงคะ ปละ ปล่อยให้มนทำงานก่อนเถอะค่ะ”

“ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ทำอย่างอื่นก่อนดีกว่า...”

สิ้นคำพูดของเขาร่างเล็กก็ตกอยู่ในอ้อมแขนแกร่งของเขาอย่างไม่มีทางจะหลบหลีกไปไหนได้ มนตราหน้าตื่นพยายามตั้งสติใช้ความไหลลื่นที่เคยมีที่เคยใช้หลบเลี่ยงพวกลูกค้ามือไวหรือพวกเสี่ยหัวงูที่พยายามจะแตะนิดแตะหน่อยตอนที่เธอเป็นพนักงานขายเครื่องดื่มสมัยที่ยังเรียนอยู่มาใช้แต่สมองเจ้ากรรมมันทำงานเชื่องช้าเสียเหลือเกินและมันก็ใช้ไม่ได้ผลกับคนตรงหน้าเสียด้วยสิ...

“คุ คุณโดม อุ๊ย อื้ม...”

เสียงใสที่พยายามจะพูดเบี่ยงเบนความสนใจเขามีอันหายไปในลำคอเมื่อริมฝีปากหยักสวยของเขาทาบลงมาอย่างรวดเร็วเกินได้ตั้งตัวต่อต้าน... ความจริงแล้วเธอไม่มีแม้แต่แรงจะต่อต้านเขาเสียมากกว่า...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel