บทที่ 12. เสือเผยลาย
เป็นเวลาเกือบสองสัปดาห์ที่คุณดารากับคุณอีริคพักผ่อนอยู่ที่บ้านริมหาดและคุณดาราเองก็ถอดเฝือกออกแล้ว และกิจวัตรประจำวันของนางคือต้องออกกำลังกายเบาๆ ในตอนเช้าตรู่และเข้าครัวทำอาหารให้สามีกับลูกชายร่วมกับสาวหน้าใสนามว่ามนตรา
คุณดาราเอ็นดูมนตรามากและสั่งให้มนตรามานอนเป็นเพื่อนอยู่บ่อยครั้งด้วยความเห็นด้วยและแรงสนับสนุนจากสามีทั้งนี้ก็เพื่อดัดนิสัยของใครบางคนที่ไม่ยอมเผยตัวตนที่แท้จริงออกมาทั้งยังคอยมาตามตอแยพูดจาถากถางหญิงสาวให้เกิดความน้อยเนื้อต่ำใจอยู่เสมอ ซึ่งการกระทำที่เหมือนลักกินขโมยกินของอัครวัฒน์จะต้องได้รับการสั่งสอนจากคนเป็นแม่ที่จะไม่ยอมให้เกียรติของลูกผู้หญิงถูกเหยียบย่ำรังแก...
“อุ๊ย... คุณโดม...” มนตราอุทานออกมาอย่างตกใจเมื่อเอวบางถูกตวัดจากด้านหลังแล้วดึงรั้งไปยังมุมลับตาคน
“ทำเป็นดัดจริตตกใจไปได้...” คำพูดของเขาทำให้คนฟังเจ็บจี๊ดในใจได้เสียทุกครั้ง เดี๋ยวนี้อัครวัฒน์อารมณ์เสียใส่เธอบ่อยๆ และคอยพูดจายียวนบ้างก็ถากถางเธอบ่อยๆ ทั้งต่อหน้าและลับหลังบิดามารดาของเขา ยิ่งยามลับหลังสายตาผู้อาวุโสทั้งสองแล้วเขามักพูดถากถางเธอจนบางครั้งมนตราก็แทบน้ำตาร่วงเลยทีเดียว...
“มนเปล่านะคะ แล้วคุณโดมก็ปล่อยมนด้วยค่ะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้ามันจะไม่เหมาะ”
“ในบ้านนี้จะมีใคร นอกฉันพ่อแม่ฉัน เธอ สองคนนั่นแล้วก็ฉันหรือเธอแอบซ่อนใครไว้ล่ะ”
“อย่าหาเรื่องมนนะคะ ถึงมนจะเป็นเพียงแค่ลูกสาวพ่อบ้านแต่มนก็มีศักดิ์ศรีนะคะ” หญิงสาวมองเขาอย่างเดือดดาลขึ้นมาบ้าง
ตอนนี้เธอเองก็กล้าที่จะขึ้นเสียงใส่เขาเช่นกันเมื่อคุณดาราคอยเข้าข้างอยู่และให้กำลังใจเธอเสมอ แล้วจะต้องกลัวเขาทำไม หากเขาบีบคั้นเธอมากๆ เธอจะบอกคุณดาราเสียเลยว่าเขาทำอะไรกับตนบ้าง...
มนตราคิดอย่างเข้าข้างตัวเองว่าหากคุณดารากับคุณอีริครู้เรื่องนี้พวกท่านจะต้องช่วยตน หากแต่อัครวัฒน์ไม่ได้คิดอย่างนั้นจึงยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่หน้าเธอ...
“เธอคิดว่าคุณพ่อกับคุณแม่ฉันจะช่วยเธอได้อย่างนั้นสิ... คิดผิดแล้วสาวน้อย ยิ่งถ้าพวกท่านรู้ว่าเธอทำอะไรหรือเป็นอะไรกับฉัน เธออาจจะถูกเฉดหัวออกไปจากที่นี่เหมือนหมูเหมือนหมาเลยก็ได้ หรือไม่ถ้าโชคดีก็อาจจะได้เงินสักก้อนไปตั้งตัว ในฐานะที่ขายตัวให้ฉัน คนระดับฉัน เธอคิดว่าฉันจะคว้าผู้หญิงที่ไม่มีอะไรอย่างเธอมาเป็นเมียหรือไง หวังสูงเกินไปแล้วมนตรา...”
คำพูดของเขายิ่งกว่ามีดโกนคมกริบบาดลึกลงในใจเธอเสียอีก มนตราขอบตาแดงก่ำมองเขาอย่างตัดพ้อแต่จำต้องสูดลมหายใจลึกๆ ตอบโต้เขา
“ก็ดีสิคะ มนจะได้ไปจากที่นี่เร็วขึ้นและง่ายขึ้นด้วย ขอบคุณนะคะที่ช่วยชี้ทางให้”
“แน่ล่ะ เพราะถ้าเธอไปจากที่นี่เมื่อไหร่ฉันก็สั่งให้หยุดรักษาพ่อของเธอทันที...”
“คนสารเลว”
“เลวน้อยกว่าพี่ชายเธอก็แล้วกัน...” เขาย้อนกลับมาทำให้เธอสะอึกไม่สามารถเถียงเขาได้จึงได้แต่เมินหน้าหนีเขาแล้วนิ่งเงียบ
“พูดไม่ออกล่ะสิ”
“มนไม่มีอะไรต้องพูดค่ะ”
“คืนนี้มาหาฉันที่ห้อง อ๊ะๆ ไม่มีข้อแกตัวใดๆ ทั้งสิ้น หากไม่มาเธอเดือดร้อนแน่...” เขาบอกเธอเรียบๆ เมื่อเห็นท่าทางจะคัดค้านของเธอแล้วเดินจากไปปล่อยให้คนฟังขมขื่นกับคำพูดของเขา...
“เป็นไงบ้างหนูมน อยู่ที่นี่สบายดีไหม...” คุณดาราถามขึ้นขณะนั่งจิบชายามบ่ายด้วยกันที่ศาลาริมหาดที่ร่มรื่นเย็นสบาย
“ก็ดีค่ะ” หญิงสาวตอบเบาๆ แล้วยิ้มเนือยๆ
“ดีค่ะ นี่คือ ดีแบบไหนจ๊ะ”
“ก็ดีค่ะ สบายดี ไม่มีอะไรต้องลำบาก” หญิงสาวบอกแต่หลบตาผู้สูงวัย มือเรียวก็พับกลีบดอกบัวหลวงดอกใหญ่สีขาวละมุนไปเรื่อยๆ ด้วยกิริยามารยาทเรียบร้อยอย่างไม่น่าเชื่อว่าจะมีหญิงสาวที่หยิบจับงานแบบนี้ได้อย่างชดช้อยงดงามอยู่
“คิดถึงพ่อไหมล่ะ”
“มากๆ เลยค่ะ นี่มนก็รอพ่อกลับมาจนจะทนไม่ไหวแล้วอยากจะไปหาพ่อใจแทบขาด แต่พ่อก็อยู่ไกลเหลือเกิน”
“ตาโดมบอกว่าอาทิตย์หน้านี่นา อดใจอีกไม่กี่วันก็ได้เจอหน้าพ่อแล้ว”
“มนตื่นเต้นจังเลยค่ะ”
“ถึงตาโดมจะเป็นคนพูดจาไม่ค่อยดีกับหนูหรือทำไม่ดีไปบ้าง แต่จริงๆ แล้วเขาเป็นคนจิตใจดีนะจ๊ะ ตาโดมเป็นเด็กน่ารักและร่าเริงมาตั้งแต่เด็กๆ เขาชอบงานศิลปะและชอบท่องเที่ยว งานสายการบินจึงเหมาะกับเขา อีกอย่างในบรรดาสามพี่น้องนี่ตาโดมจะเป็นคนที่อ่อนโยนน่ารักที่สุดด้วยทั้งเป็นคนพูดจายียวนและขี้เล่นพาให้พวกเราทุกคนรู้สึกสนุกอบอุ่นทุกครั้งที่อยู่ใกล้ๆ เขา”
“จนเมื่อปีก่อนที่เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้เขาสูญเสียคนรักไปด้วยสาเหตุจากความเข้าใจผิดกันและมันก็เป็นเหตุการณ์ที่แสนเศร้าซึ่งพวกเราต่างก็เศร้าโศกเสียใจกันทุกคน หลังจากนั้นเขาก็ค่อนข้างเก็บตัว เงียบขรึม อารมณ์ร้ายและค่อนข้างจะหงุดหงิดง่ายจนพวกเราเป็นห่วงว่าเขาจะเป็นแบบนั้นตลอดไปซึ่งเราไม่ต้องการให้เป็นแบบนั้น” คุณดาราเล่าให้เธอฟังเรื่อยๆ เหมือนพูดเรื่องดินฟ้าอากาศ
“โดยเนื้อแท้แล้วตาโดมเป็นคนดีคนหนึ่งเลยทีเดียว เขาอ่อนโยน ไม่ใช่คนร้ายกาจอะไรนัก หากไม่รักไม่ชอบเขาจะไม่ยุ่งหรือตอแยวอแวกับผู้หญิงคนไหน แต่ถ้าคบเล่นๆ เขาก็จะคบเพียงไม่กี่วันเท่านั้น นั่นคือนิสัยของเขา หวังว่าหนูมนคงเข้าใจที่ฉันพูดนะจ๊ะ”
“ค่ะ พอเข้าใจค่ะ แต่คุณโดมเขาคงไม่มองไม่สนใจมนหรอกค่ะ คุณท่านไม่ต้องห่วงนะคะ ในไม่กล้าคิดอาจเอื้อมหรอกค่ะ ที่เขาคอยต่อว่ามนก็คงเพราะมนเป็นน้องสาวของพี่เมือง เป็นคนที่เขาเกลียด เขาเกลียดเรา..” พูดออกไปก็หลบสายตาผู้สูงวัยไปด้วย คุณดาราลอบยิ้มอย่างพอใจเมื่อเห็นบางอย่างในแววตาของหญิงสาวตรงหน้า...
“หนูมีอะไรอึดอัดขัดข้องใจก็บอกฉันได้นะ”
“ค่ะ หากมีมนจะบอกคุณท่านแน่นอนค่ะ”
“ดีจ้ะ ไปเถอะเราเข้าบ้านกัน ไปหาทำของว่างทานกันดีกว่า วันนี้เราจะทำอะไรทานกันตอนเย็นดีนะ หนูมนช่วยฉันคิดหน่อยสิ” คุณดาราหันมาถามด้วยน้ำเสียงสดใส นางรู้สึกเบิกบานอย่างที่สุดเมื่อไม่มีเฝือกที่ขาแล้ว...
มนตราโทรศัพท์หายอดรักด้วยโทรศัพท์เครื่องเดิมของตนซึ่งก่อนหน้านี้มิ่งเมืองแอบเอาไปใช้โดยไม่บอกกล่าวจนเธอคิดว่ามันหายไปแล้วจนแดนนี่กับดาเนียลเอามันมาคืนตอนที่อัครวัฒน์พาเธอไปเยี่ยมพี่ๆ เขาที่ไร่อัครานั่นเอง...
“สวัสดีค่ะพี่ยอดรัก น้องมนเองนะคะ”
“จ้า ว่าไงคะน้องมน” ยอดรักพูดเสียงแจ๋วมาตามสาย
“มนอยากรู้ว่าพี่เมืองเป็นยังไงบ้างน่ะค่ะ” เสียงของทางนั้นเงียบไปจนมนตราใจเสียรู้สึกเบาโหวงในใจอย่างบอกไม่ถูก หากเธอหูไม่ได้ฝาดเธอได้ยินเสียงยอดรักถอนหายใจเบาๆ
“เอ่อ... น้องมนฟังพี่ดีๆ นะ สิ่งที่พี่บอกน้องมนมันอาจจะเป็นไปได้ยากแต่ถ้ามนทำได้ก็ถือว่าเป็นบุญของนายมิ่งเมืองที่มีน้องสาวอย่างมน”
“อะไรคะ บอกมาเถอะค่ะ หากทำได้มนจะทำ”
“นายมิ่งเมืองเขาบอกกับพี่เด่นว่าเขาอยากบวชเพื่อชดใช้ให้กับหนูเล็ก และเราทุกคน... ซึ่งพวกเราไม่รู้ว่าโดมจะว่ายังไง และพวกเราก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะกลับตัวกลับใจได้จริงๆ รึเปล่า...”
“แล้วพี่รักคิดว่าไงคะ”
“มนถามตัวเองดีกว่า ว่าพี่ชายของน้องมนไว้ใจได้ไหม และเราควรจะเสี่ยงรึเปล่า...”
“ค่ะ... มนเข้าใจ”
“ที่สำคัญ โดมจะยอมไหม หากเขายอมปล่อย เราก็พร้อมจะทำตามนั้น...”
“ขอบคุณนะคะพี่รักที่บอกและไม่รังเกียจมน”
“เราไม่เคยรังเกียจใครหรอกจ้ะน้องมน และไม่โกรธน้องมนด้วย สิ่งที่พี่ชายของน้องมนทำมันอาจจะทำให้ใครบางคนเจ็บปวดสูญเสีย แต่มันก็คือการกระทำของคนเพียงคนเดียว เราเองก็ไม่ใช่คนพาลที่จะต้องคอยหาเรื่องทุกคนแบบนั้น โดมเองเขาก็ไม่ได้เป็นคนที่มีจิตใจหยาบกระด้างมาตั้งแต่ต้น โดมเขาเป็นคนน่ารักขี้เล่นและอ่อนโยนด้วยซ้ำไป พี่หวังว่ามนคงเข้าใจ...”
ยอดรักอธิบายและคำพูดของยอดรักก็ทำให้มนตรานึกถึงคำพูดของคุณดาราไปด้วย ยอดรักพูดเหมือนกับที่คุณดาราพูดไม่มีผิดซึ่งมันทำให้มนตรานิ่งคิด...
ทุกคนล้วนแต่บอกเธอว่าอัครวัฒน์นั้นเป็นคนจิตใจดีและอ่อนโยน อะไรที่ทำให้เขาเปลี่ยนไปนั้นเธอก็เข้าใจดี แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เขาจะกลับมาเป็นคนเดิมและเมตตาเธอบ้าง อย่างน้อยๆ ขอให้เขาปล่อยเธอเป็นอิสระจากการเป็นผู้หญิงของเขาและอภัยให้พี่ชายของเธอ เพียงเท่านี้เองที่เธอต้องการ...
“ค่ะ ขอบคุณพี่รักมากนะคะ...”
มนตรานั่งคิดอะไรเงียบๆ อยู่ที่ชิงช้าตัวโปรดเมื่อคุณดาราหลับพักผ่อนในช่วงบ่ายคล้อย และเธอก็กำลังคิดว่าคืนนี้จะไปพบเขาที่ห้องตามที่เขาต้องการและอาจจะพูดกับเขาเรื่องมิ่งเมือง ทางเลือกของเธออาจจะไม่มีเลย แต่เธอจะลองเสี่ยงดูสักครั้ง...
อย่างน้อยๆ เมื่อพ่อกลับมาพ่อก็จะได้เห็นชายผ้าเหลืองของมิ่งเมืองซึ่งยังไม่เคยได้บวชให้บุพการีตามประเพณีไทยเลย มนตรายังคงจมอยู่กับความคิดของตัวเองโดยไม่รู้ว่าตนนั้นตกอยู่ในสายตาของใครบางคนอยู่ตลอดเวลา...
