บท
ตั้งค่า

บทที่ 10. ความสงสารเป็นบ่อเกิดแห่งความรัก...จบตอน

“คุณโดมคะหลีกทางมนหน่อยค่ะ”

“จะไปไหนคุยกันก่อนสิ”

“มน เอ่อ มน...”

“ตกลงกำลังหาอะไร” เขาถามย้ำแล้วเท้าแขนแข็งแรงกั้นเธอไว้ระหว่างโต๊ะแต่งตัวกับตัวเขา ใบหน้าของเขาอยู่ใกล้แค่ผิวแก้มนุ่มจนเธอต้องเอนกายไปข้างหลังเล็กน้อยเมื่อรู้สึกใจสั่นเต้นระทึกไม่เป็นจังหวะ...

“เปล่านี่คะ มนแค่จะมาเก็บของเท่านั้น”

“จริงเหรอ ไม่ใช่หาไอ้นี่อยู่เหรอ...” เขาพูดพร้อมทั้งชูสิ่งที่เธอกำลังหาอยู่

มนตราตาโตด้วยความอับอายและกลัวว่าเขาจะรู้ว่ามันมีอะไรบ้างในนั้นแม้ตอนนี้มันจะใช้การไม่ได้เพราะแบตเตอร์รี่หมดก็ตาม แต่หากเขาชาร์ตแบตฯ มันแล้วเปิดเครื่องโทรศัพท์ของเธอเขาต้องเห็นทุกอย่างในนั้นแน่ๆ ทั้งรูปภาพและบันทึกส่วนตัวที่เขียนไว้ในนั้น แม้ว่ามันจะเป็นโทรศัพท์สมาร์ตโฟนรุ่นเก่าไม่ทันสมัยหรือมีราคาแพงอย่างที่เขาใช้ แต่ฟังก์ชั่นการทำงานของมันก็ทันสมัยและเก็บข้อมูลต่างๆ ได้พอสมควรและมันเป็นโทรศัพท์สมาร์ตโฟนเครื่องแรกที่เธอซื้อมันมาด้วยเงินที่สามารถหามาได้ด้วยตัวเอง...

“เอาคืนมานะคะ มันเป็นของมน” หญิงสาวพยายามเขย่งเท้าขึ้นเอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์คืนมาจากเขาแต่ก็กลายเป็นว่าตนเองต้องตกไปอยู่ในอ้อมแขนแข็งแรงของเขาเสียอย่างนั้น...

“ปล่อยมนนะคะ แล้วก็คืนโทรศัพท์มนมาด้วย คนอะไรไม่มีมารยาทหยิบของคนอื่นไปโดยไม่บอก...” หญิงสาวตำหนิเขาอย่างไม่พอใจจนอัครวัฒน์ต้องเลิกคิ้วมองคนตัวเล็กในอ้อมแขนอย่างทึ่งๆ

นี่เธอเพิ่งจะสร่างไข้และเป็นรองเขาทุกทาง เจ้าหล่อนยังกล้าต่อว่าเขาซึ่งเปรียบเสมือนเจ้าชีวิตของเธอนี่นะ ช่างกล้าจริงๆ ดูเหมือนว่าเธอเริ่มจะเผยอีกด้านที่ดื้อรั้นออกมาแล้วสินะ

ดื้อเงียบ... นั่นคือสิ่งที่เขาบอกให้นิยามกับมนตราในตอนนี้และยามที่เธอทำท่าขู่ฟ่อๆ ใส่เขาพูดจาโต้ตอบกับเขาอย่างไม่ยอมอ่อนข้อให้นี่มันทำให้เขารู้สึกสดชื่นขึ้นและทำให้เขารู้สึกดีอย่างประหลาด เธอช่างเหมือนหนูเล็กเสียจริงๆ

“ไม่ปล่อย อยากได้คืนต้องมีข้อแลกเปลี่ยน”

“ไม่ค่ะ มันเป็นของมน คุณไม่มีสิทธิ์จะมาหยิบฉวยอะไรของมนไป แม้ว่าคุณจะเป็นเจ้าชีวิตมนแต่บางสิ่งบางอย่างมันควรจะเป็นของส่วนตัว เอาคืนมานะ” เมื่อเห็นว่าตนจะเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ มนตราก็เริ่มจะแสดงความดื้อรั้นและมีปฏิกิริยาที่เรียกว่าสัญชาติญาณการปกป้องตนเองออกมา ใบหน้านวลดูจริงจังและแดงก่ำด้วยความรู้สึกบางอย่างที่เจ้าตัวพยายามปกปิด...

“เธอนี่แกล้งทำตัวใสซื่อได้เนียนมาก” ชายหนุ่มเย้าไม่จริงจังนักเพียงแต่อยากจะแกล้งแหย่ให้มนตราแสดงอารมณ์อื่นออกมามากกว่าเย็นชาหน้าบึ้งไม่มองไม่สนใจเขาเหมือนตอนที่นั่งรถกลับมาจากไร่อัครา เพราะเขาเองก็ไม่ชอบบรรยากาศแบบนั้นเลยทั้งที่ตั้งใจจะกลั่นแกล้งทำให้เธอเสียใจ เจ็บปวด แต่เป็นเขาเสียเองที่ทนไม่ได้และไม่อยากเจอสภาพแบบนั้นมันทรมานจนเขาอึดอัดไปหมด ยิ่งเห็นน้ำตาของเธอเขาก็ยิ่งรู้สึกเจ็บ... นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเขากันนะ

“มนไม่เคยแกล้งทำตัวใสซื่ออย่ามาหาความมนนะคะ ปล่อยมนเลยคนไร้หัวใจ...” ยิ่งคิดถึงสิ่งที่เขาทำและคำพูดของเขามนตราก็ยิ่งรู้สึกเดือดดาลและหงุดหงิดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ทั้งที่เธอเป็นคนที่ค่อนข้างเก็บอารมณ์ได้ดีและไม่เคยแสดงกิริยาก้าวร้าวเสียงดังใส่ใคร

แต่ตอนนี้ไม่ว่าอะไรก็ทำให้เธอหงุดหงิด น้อยใจและร้องไห้ได้ง่ายๆ อย่างตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนถูกเขาเหยียบย่ำจนเธอไร้ซึ่งศักดิ์ศรีและไร้ค่า ยิ่งหากเขารู้ความลับของเธอเขาก็คงจะยิ่งดูถูกเธอมากกว่านี้แน่นอน... คนอารมณ์แปรปรวนเริ่มวิตกกังวล

“เดี๋ยวนี้เถียงเก่งจริงนะ ใครสอนล่ะ รักหรือว่าน้องบี หรือว่าจริงๆ แล้วเธอมันตัวร้ายนะ...”

“คุณโดม ปล่อยมนนะ แล้วเอาโทรศัพท์ของมนคืนมาเดี๋ยวนี้เลย”

“ไม่ จนกว่าเธอจะบอกว่าทำไมถึงได้หวงมันนัก”

“มันเรื่องของมนปล่อยนะ คนบ้า คนใจร้าย นี่แน่ะๆๆ ไม่คืนใช่ไหม...” คราวนี้เหมือนคนตัวบางจะฉุนจัดมือเล็กทุกลงบนเนื้อตัวแข็งกระด้างของเขาอย่างไม่นับใบหน้านวลใสแดงก่ำนั้นน่าดูกว่าใบหน้าเรียบเฉยเย็นชาจนคนที่ถูกทุบเผลอมองเธอด้วยความรู้สึกที่นับวันยิ่งเสน่หารุนแรง...

“เธอนี่ดื้อใช้ได้เลยนะสาวน้อย หึหึ แบบนี้ล่ะฉันชอบ...” ใช่ว่ามนตราคนเดียวที่เผลอแสดงอารมณ์ฉุนเฉียวแปรปรวนออกมาได้ง่ายๆ แต่อัครวัฒน์ก็เริ่มเผยตัวตนที่แท้ออกมา จากที่ซ่อนเร้นตัวตนที่แท้จริงด้วยหน้ากากแห่งความกระด้างเย็นชามากว่าสองปีหลังจากที่ต้องสูญเสียคนรักออกมา... ชายหนุ่มหัวเราะถูกใจกับท่าทางของเธอเขาวางโทรศัพท์เจ้าปัญหาลงแล้วหันมาสนใจร่างที่ดิ้นเร่าๆ ในอ้อมแขนซึ่งทำให้เขาอยากจะทำอะไรๆ ตามที่ใจปรารถนา...

“คุณจะทำอะไร... ปล่อยมนนะคนบ้า” หญิงสาวหน้าตื่นสลับแดงก่ำเมื่อเขายกร่างบางขึ้นนั่งบนเคาน์เตอร์โต๊ะแต่งตัวซึ่งมีกระจกเงาบานใหญ่อยู่ด้านหลัง แววตาคมที่ฉายแววกระด้างเย็นชาของเขาดูจะเปลี่ยนไปเป็นประกายบางอย่างที่เธอรู้ความหมายดี...

“ก็ทำอะไรที่สนุกกว่าทะเลาะกับเธอน่ะสิ”

“ไม่นะ ปล่อยมน มนเพิ่งหายป่วยนะคะ” มนตราพ้อรู้ความหมายในแววตาของเขาหน้าตื่นหาทางออกให้ตัวเองทันที แค่นี้เธอก็หลวมตัวหลงลืมหัวใจไปกับเสน่ห์ของเขามากพอแล้วเธอไม่อยากถลำลึกให้ตัวเองเจ็บปวดมากกว่านี้...

“ก็ใช่ แต่แรงดีขนาดนี้เรามาทำอย่างอื่นกันดีกว่า...” พูดจบริมฝีปากหยักสวยของเขาก็ทบลงมาปิดปากคนช่างแย้งทันที

“อื้ม...” เสียงหวานที่กำลังจะคัดค้านหายไปในลำคอมือบางที่พยามดันแผงอกกว้างก็มีอันอ่อนเปลี้ยสิ้นไร้เรี่ยวแรงต่อต้านเขาไปด้วย ดังนั้นสิ่งที่ทำได้คือเธอต้องยึดไหล่กว้างของเขาไว้เป็นหลักเพื่อไม่ให้ตัวเองลิ่วลอยหล่นลงไป...

“รู้ไหม ฉันอยากทำแบบนี้ตั้งแต่อยู่ที่ไร่แล้ว...” ชายหนุ่มกระซิบงึมงำอยู่ชิดแก้มแดงๆ ของเธอแล้วค่อยๆ ปลดเปลื้องชุดสวยของเธอออกจากกายบางเปล่งปลั่งด้วยความปรารถนาที่โลดลิ่วร้อนแรง...

มือเรียวใหญ่ระอุร้อนลูบไล้ไปตามผิวกายนุ่มละมุนมืออย่างเป็นเจ้าของแล้วกอบกุมอกอวบไว้ในอุ้งมือและบีบเฟ้นมันอย่างเมามันก่อนจะก้มลงครอบครองยอดอกสวยแล้วดูดดื่มอย่างหิวกระหาย มนตราแอ่นอกขึ้นโดยอัตโนมัติด้วยความเสียวซ่านรัญจวนยิ่งมือร้อนบีบเฟ้นและลิ้นร้ายระรัวลิ้มรสยอดทรวงอย่างหิวกระหายมากเท่าไหร่เธอก็รู้สึกร้อนระอุที่ใจกลางร่างสาวมากขึ้นเท่านั้น...

“อื้ม คุ คุณโดม... อา...”

เสียงหวานครางกระเส่าอย่างไม่อาจต้านทานกระแสพิศวาสที่ลุกลามแผดเผา เสียงหายใจหอบกระเส่าของหนุ่มสาวทำให้ต่างรู้ดีว่าคนทั้งคู่โหยหาและปรารถนากันมาเท่าใด มือเล็กสอดเสยดึงทึ้งเรือนผมดกหนาและบ่ากว้างระบายความซ่านกระสันทั้งยังสูดปากราวกินของเผ็ดร้อนเพื่อระบายลมหายใจที่ติดขัดแต่ดูเหมือนมันจะไม่ได้ผลเท่าที่ควร

ลิ้นร้ายกาจยังไม่หยุดโจมตีร่างสาวมันยังคงทำหน้าที่สร้างความเสียวซ่านให้เธอมากขึ้นไปอีกด้วยการไล้ต่ำลงมายังสะดือน่ารักและตรงกลางสวนดอกไม้ที่ส่งกลิ่นเย้ายวนให้ดื่มกินดอมดมและเขาก็ไม่พลาดที่จะทำมันทันทีที่เห็นความงดงามของอิสตรีที่ตนปรารถนา และทันทีที่ลิ้นร้อนแตะแต้มลงบนยอดเกสรสาวอัครวัฒน์ก็ดูดเม้มระรัวลิ้นอย่าเมามันดื่มกินน้ำหวานจากเกสรสวาทอย่างเอร็ดอร่อย โดยที่มนตราได้แต่ส่ายสะโพกร่อนร้อนเร่าไปกับจังหวะลิ้นร้ายที่โจมตีสร้างความเสียวกระสันให้เธอไม่หยุดหย่อน...

“อ๊ะ อะ อ๊ายยยย...” สะโพกมนส่านร่อนก่อนจะกระตุกเกร็งค้างอยู่ชิดริมฝีปากร้อนระอุของเขาเมื่อเธอก้าวไปสู่แดนสรวงสุขสมกับ หญิงสาวหอบกระเส่าจนทรวงอกอวบใหญ่ไหวกระเพิ่มยอดอกสีหวานสั่นไหวระริกราวดอกไม้ชูช่อต้องลมพายุ ริมฝีปากอวบอิ่มบวมเป่งเพราะจุมพิตเร่าร้อนเผยอครางกระเส่าช่างเป็นภาพที่ทำให้คนมองปวดหนึบรวดร้าวไปทั้งกายแกร่งที่คึกชันพร้อมพรัก...

“โอ มนตรา เธอสวยเหลือเกิน สวยจนฉัน... ไม่เคยห้ามใจได้เลยสักครั้ง...”

อัครวัฒน์ครางเหมือนคนละเมอเมื่อผละเรียวลิ้นออกจากดงดอกไม้งามหลังจากที่ส่งเธอลิ่วลอยไปสู่แดนสรวงได้ก่อนด้วยปากและลิ้นของตน ร่างงดงามอรชรแต่เต็มตึงทุกสัดส่วนแดงปลั่งไปทั้งตัวมันเร้าใจของเขาให้หลงใหลได้ไม่ยากเลย แค่มองเธอเขาก็ร้อน และลุกพร้อมจะเป็นไฟ เธอทำให้เขาลืมตัวและ ทำให้เขากลับมาเป็นตัวของตัวเอง...

มือร้อนผ่าวจับร่างบางให้หันหลังในลักษณะก้งโค้งสะโพกมนลอยเด่นเสมอกับท่อนกายแกร่งที่คึกคะนองของตนแล้วจับเอวคอดไว้มั่นก่อนจะดันกายเข้าไปในกลีบกายสาวสดฉ่ำด้วยหยาดน้ำหวานในคราครั้งเดียวสุดตัว จนเขาและเธอต้องสูดปากครางออกมาพร้อมกันด้วยความเสียวกระสันอย่างที่สุด...

“อ๊า / โอ้ว... สุดๆ ไปเลยมนจ๋า... ยายแม่มดของฉัน...”

อัครวัฒน์จับใบหน้าเล็กๆ ให้หันตะแคงข้างเพื่อที่เขาจะได้บดขยี้จุมพิตเร่าร้อนลงบนกลีบปากนุ่มซึ่งเธอก็เต็มใจจูบตอบเขาด้วยความร้อนแรงไม่แพ้กันในขณะเดียวกันสะโพกมนกับสะโพกหนาก็สอดประสานแอ่นรับสวนกันด้วยจังหวะที่เร่าร้อนรัวเร็วตามแรงอารมณ์ที่เดือดปะทุ...

“โอ้ว ขอแรงๆ เลยนะมน อย่างนั้น สุดๆ อา... เก่งจัง...” อัครวัฒน์เอ่ยชมเมื่อหญิงสาวเท้าแขนกับเคาน์เตอร์มั่นแล้วกระดกสะโพกเข้าสวนเสยสอดรับกับเขาอย่างร้อนแรง ใบหน้างามแดงจัดดวงตาหรี่ปรือเผยอปากครางครวญอย่างลืมอาย

ทรวงอกอวบไหวสะท้านตามจังหวะการสอดประสานที่เร่าร้อนซึ่งสะท้อนอยู่ในกระจกยิ่งทำให้อัครวัฒน์ร้อนยิ่งกว่าร้อน เสียวซ่านยิ่งกว่าที่เคยเป็น สอดลึกยิ่งกว่าเคย มือใหญ่เอื้อมไปข้างหน้าทั้งบดขยี้ยอด อกสาวและสะกิดตุ่มไตไวต่อความซ่านกระสันอย่างเมามันทั้งยังรัวสะโพกแกร่งเข้าหาความอ่อนไหวของเธอด้วยความแรงและเร็วขึ้นๆๆ จนจับจังหวะสะโพกแกร่งไม่ทันเลยทีเดียว...

“อ๊าๆ โอ้วววว สุดๆ มันจริงๆ เลยมนจ๋า โอ้ว มนจ๋า ซี๊ดดดด... ฉันไม่ไหวแล้ว...”

“อะ... อ๊า คุณโดมขา มน มะ ไม่ไหวเหมือนกัน มน... อา...”

หญิงสาวครางเสียงแหลมสบตาเขาด้วยความมันเมาปรือปรอยเมื่อความซ่านรัญจวนมีมากเกินบรรยาย จนทำให้เธอลืมอายลืมตัวตอบสนองเขาได้อย่างเร่าร้อนถึงเพียงนี้ เสียงเนื้อหนุ่มสาวกระทบกันดังก้องไปทั้งห้องผสานกับเสียงครางที่บ่งบอกว่าไม่นานพวกเขาจะจับจูงมือกันไปสู่แดนสวรรสวาทอันสุขสม...

“โอ๊วววว / อ๊ายยยย...” แล้วเสียงครางหนักๆ และหวานแหลมดังก้องไปทั้งห้องก่อนที่ร่างเปลือยของทั้งสองจะซวนซบกันอยู่เคาน์เตอร์หน้ากระจกอย่างอ่อนแรง...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel