บทที่ 3
“คนแถวนั้นบอกว่าเขามาอยู่ที่รีสอร์ตได้ประมาณสองปีกว่า ไม่มีญาติ เป็นคนไม่มีหัวนอนปลายเท้า ไม่มีใครรู้จัก นอกจากพม่าสองคนที่ไปพบเขาจากในถ้ำที่บนเกาะห่างจากที่นั่นไปพอสมควร ถ้ามองจากแผนที่ คุณภูรินทร์น่าจะถูกกระแสน้ำพัดไปไกลมาก เขาอาจจะหลงไปอยู่ในถ้ำที่ไหนสักแห่งที่ต่อกันใต้น้ำแล้วพยายามหาทางออกแต่ไม่สำเร็จจนเกือบเสียชีวิต โชคดีว่าพม่าสองคนไปหาเก็บรังนกแล้วเจอ”
คำพูดยืดยาวเหล่านั้นแทบจะไม่เข้าหูของรมิตาเสียด้วยซ้ำ น้ำตาหยดเล็กๆ ไหลลงบนจอไอแพดที่ปรากฏรูปของชายหนุ่มผิวเข้มในหลายอิริยาบถ เขาดูผอมและผิวเข้มกว่าเดิม เหมือนเป็นคนละคนกับนักธุรกิจหนุ่มทายาทบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่โตของประเทศไทย แต่ทุกอย่างที่ประกอบขึ้นมาเป็นเขา หล่อนจำได้... และจำได้ไม่เคยลืม
“คุณภูยังไม่ตาย...” คำพูดเดิมซ้ำๆ เหมือนเจ้าตัวยังประคองสติไว้ไม่ไหว
“คุณภูยังไม่ตายจริงๆ”
“แต่เขาสูญเสียความทรงจำ ดูเหมือนเขาจะจำอะไรไม่ได้เลย”
ข้อมูลที่ได้รับรู้นั้นไม่ได้ทำให้หล่อนรู้สึกหนักใจแม้สักนิด... รมิตาจับมือเลขานุการของตัวเองไว้แน่น ป้ายน้ำตาออกจากหางตาแล้วบอก
“เคลียร์งานทั้งหมดเดี๋ยวนี้... มิตาจะไปตามคุณภูกลับมา”
รถสปอร์ตคันงามที่แล่นเข้ามาจอดหน้ามุขบ้านนั้นไม่เร็วเท่าเจ้าของร่างบางที่เดินเข้ามาอย่างรวดเร็วปานพายุ หญิงชราที่นั่งอยู่บนรถเข็นโอบกอดรมิตาไว้ด้วยความยินดี ต่างคนต่างนิ่งไปเนิ่นนาน
“มิตาคิดถูกค่ะคุณแม่... คุณภูยังไม่จากมิตาไปไหน”
น้ำตาของหล่อนไหลซึมเช่นเดียวกับน้ำตาของคนเป็นแม่... ลูกชายของคุณสมสมรหายสาบสูญไปจากเหตุการณ์อุบัติเหตุทางเรือเมื่อสามปีก่อนหลังจากเจ้าตัวไปดำน้ำลึกกับเพื่อนในทริป นอกจากเขาจะเป็นนักธุรกิจที่มีความสามารถโดดเด่นจนใครๆ ก็จับตามองแล้ว ภูรินทร์ก็ยังเป็นนักดำน้ำที่เก่งและผาดโผนกว่าใครอีกด้วย
อุบัติเหตุครั้งนั้นทำให้ทุกคนในบ้านตกอยู่ในความโศกเศร้า เพียรพยายามตามหาเท่าใดก็ไม่พบหลักฐานถึงการมีอยู่ เช่นเดียวกับไม่พบหลักฐานถึงการจากไป
มีแต่เพียงรมิตาที่ไม่หยุดความพยายาม... ในฐานะนักดำน้ำด้วยกัน หล่อนมีความหวังว่าเขาอาจจะพลัดไปตามกระแสน้ำและหยุดอยู่ที่ไหนสักแห่ง ภูรินทร์เพิ่งลงน้ำไปได้ไม่นานก่อนจะเกิดอุบัติเหตุ เขาเป็นคนใช้ออกซิเจนน้อยเมื่อเทียบกับคนทั่วไป หล่อนคำนวณในฐานะนักดำน้ำ ภูรินทร์ยังสามารถหายใจใต้น้ำได้อีกเป็นชั่วโมงหากเขารู้สึกตัว
เขายังมีโอกาสที่จะล่องลอยไปที่ไหนสักที่ และบริเวณใต้น้ำของทะเลบริเวณนั้น เต็มไปด้วยถ้ำมากมายที่ยังสำรวจไม่หมด... เขาอาจจะรอดมาได้ ถึงแม้จะติดอยู่ด้านในนานนับเป็นสัปดาห์
และในฐานะภรรยา... เหมือนอีกครึ่งหนึ่งของชีวิตที่ฝากไว้กับเขา เหมือนมีบางสิ่งคอยกระซิบบอกอยู่ตลอดเวลาว่าเขายังอยู่ เขายังไม่ได้จากหล่อนไปไหน
“นักสืบบอกว่าคุณภูสูญเสียความทรงจำ กลายเป็นคนไม่มีญาติ ทำงานอยู่ที่ร้านดำน้ำในรีสอร์ต... คุณแม่ไม่ต้องกังวลนะคะ มิตาจะไปพาคุณภูกลับมา ต่อให้คุณภูอยู่ในสภาพไหน มิตาก็จะพาเขากลับมาหาคุณแม่ให้ได้”
คุณสมสมรลูบศีรษะลูกสะใภ้ด้วยความรัก สะอื้นไห้จนตัวโยน เมื่อภูรินทร์จากไปแล้วก็มีแต่เพียงรมิตาที่ยังอยู่ ช่วยดูแลธุรกิจทั้งหลายของครอบครัวโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย จากผู้หญิงตัวเล็กๆ ทายาทคนสุดท้องของบริษัทนำเข้ารถสปอร์ตชั้นนำของเมืองไทย หล่อนมาช่วยรับภาระดูแลบริษัททั้งหลายของภูรินทร์ ทำงานไม่มีเกี่ยงงอน ไม่รู้จักทดท้อ
เพราะได้สะใภ้ดี... คนที่ยังอยู่จึงมีกำลังใจที่จะสู้ต่อ
“ดูรูปสิคะ... ทั้งผอมทั้งเข้ม ทำงานเหมือนไม่ใช่คุณภูมินทร์เจ้าของโครงการคอนโดมิเนียมพันล้านเลย” สะใภ้คนดีปาดน้ำตา เปิดรูปให้แม่สามีดูแล้วหัวเราะ ทั้งดีใจ ทั้งโล่งใจอยู่ในอก “คุณนักสืบบอกว่าคุณภูช่วยเขาไว้จากตอนที่เมาเรือ แถมเก็บเงินเฉพาะค่าอุปกรณ์ ไม่คิดค่านำเที่ยวเพราะมัวแต่อ้วกอยู่ริมชายหาด”
หญิงชราหัวเราะทั้งน้ำตา กอดลูกสะใภ้ไว้แน่นอย่างแสนรัก มองดูรูปลูกชายตัวเองในมุมที่ไม่เคยเห็น ความคิดถึงแผ่ล้นออกมานอกอก
ความคิดถึงมีค่ามากแค่ไหน... ในวันที่คิดว่าต้องจากกันชั่วนิรันดร์เท่านั้นถึงได้รู้...
“ขอบคุณโชคชะตานะคะคุณแม่ ที่อย่างน้อยเขาก็ไม่ใจร้ายพรากคุณภูไปจากเรา”
อากาศเช้าวันนี้ที่รีสอร์ตไม่มีฝนตก แต่แดดก็ไม่ได้จ้าเหมือนอย่างฤดูร้อน เข้มพาลูกค้าดำน้ำออกไปสน็อกเกิลอย่างที่ทำทุกวันเป็นกิจวัตร ในวันที่ฝนไม่มีทีท่าว่าจะตก จนบ่ายคล้อย เจ้าตัวถึงกลับมาพร้อมกับคนขับเรือที่รีสอร์ตจ้างไว้ประจำ
ร่างสูงกระโดดลงจากเรือและหยิบสะพานเหล็กมาวางให้ลูกค้าลงมาได้สะดวก เก็บอุปกรณ์ใส่ถุงแล้วลากไปวางบนรถลากที่จอดอยู่ริมหาดทราย รับทิปจากลูกค้าก่อนจะโบกมือลา เดินกลับมายังรถลากของตัวเองแล้วลากกลับไปยังร้านดำน้ำที่อยู่ไม่ไกลเงียบๆ
“เข้ม... คุณกาเอลเรียกหา ให้ไปที่ออฟฟิศด่วน”
เสียงคนงานตะโกนบอกโหวกเหวก เขานิ่วคิ้วด้วยความประหลาดใจ เอาน้ำจืดราดอุปกรณ์และโยนลงถังเสียก่อน ล้างตัวจนสะอาดแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้า เดินไปยังออฟฟิศที่อยู่ด้านบนอย่างรวดเร็ว
