บทที่ 7 พลาดแล้ว
น้ำเสียงกวนอารมณ์คู่สนทนาดังขึ้นราวกับมันเป็นสิ่งที่น่าสนใจสายตาแวววาวดูสดใสขึ้นเป็นเท่าตัวเพียงเพราะได้เห็นความเจ็บปวดของผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า ใบหน้าได้รูปสวยเต็มไปด้วยสิ่งที่เรียกว่าน้ำตาเอ่อไหลอีกครั้งทั้งที่มันได้แห้งเหือดหายไปแล้วก็ตาม
“…”
ความปวดใจที่เหมือนกับมีใครเอาเหล็กรนไฟมาจี้ทั้งที่ยังร้อนๆ ปลุกความทรมานความปวดร้าวที่ต่างซุกซ่อนเอาไว้ให้รุกช่วงโชติอีกครากับเรื่องเก่าๆ
“อีกอย่างเธอก็มีนินิชา...”
“แอล!”
ฉันพลาดแล้ว
พลาดที่เอ่ยเรื่องแบบนี้ขึ้นมากับผู้ชายอย่างเขาผู้ชายที่เหมือนกับหมาป่านักล่าที่ไม่เคยกัดแล้วจะปล่อยไปง่ายๆ ถ้าเหยื่อของเขาไม่หายใจรวยรินอ่อนล้าหรือสิ้นใจต่อหน้าต่อตา บทเรียนที่กล้าไปต่อล้อต่อเถียงกับเขามันก็เกิดขึ้นแล้วทำไมฉันไม่คิด
“ไม่ใช่สิ...จะพูดให้ถูกเธอเคยมีก่อนหน้าในหกเดือนที่ผ่านมาต่างหาก” รอยยิ้มเหยียดเผยอย่างไม่ปิดบัง “ย้ำนะว่าเคยมี”
“ปล่อย..”
ทำไมฉันจะไม่เข้าใจว่าคนชั่วร้ายตรงหน้าพูดขึ้นมามันหมายความเปรียบเทียบกับสิ่งไหนในตัวของฉันเอง ฉันรับรู้ในสิ่งที่แอลพูดขึ้นดีดีเยี่ยมด้วยซ้ำไป
“จะรีบไปไหนล่ะ อยู่รื้อฟื้นหน่อยเป็นไร?”
“…”
“แต่ถ้ารื้อฟื้นก็โปรดทำความเข้าใจไว้ด้วยว่ามันอาจไม่เหมือนเดิมเท่าไหร่นัก ไม่มีเลือดสีแดงจางๆ เปื้อนตรงผ้าปูที่นอนเหมือนครั้งนั้น...”
นักล่าอยากผมไม่มีวันปล่อยผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเหยื่อหลุดไปง่ายๆ แน่ถ้าเหยื่อตัวนั้นไม่ได้แผลกับไปเป็นของขวัญฝากร่างกายถึงแม้ว่าร่างกายของจะดูบอบซ้ำจนเกินเยียวยาแล้วก็ตามเพราะว่าตอนนี้มันก็ดูเหมือนคนติดโรคด้วยซ้ำไปแต่ช่างแม่งสิใครสนล่ะ
“พอ..ฉะ ฉันไม่อยากฟัง”
“รับไม่ได้หรือไงว่าเธอไม่มีสิ่งนั้นแล้ว?” ผมไม่สนใจอะไรนอกจากเธอต้องฟังจนจบถึงแม้มิชาจะเริ่มดิ้นกายแค่ไหนเพื่อปลดฝ่ามือของผมออก “แต่เธอมีได้นะถ้าฉันทำฉีกขาด”
“นะ นายมัน..”
“มันชั่วเลวสารเลว ถุย!”
คำนี้ฟังมาตลอดแล้วถ้าไม่ฟังวันหนึ่งก็ไม่ตายหรอก มิชาพูดใส่หน้าของผมทุกวันแล้ววันนี้ผมก็พูดขึ้นเองบ้างไง
“…”
“สนใจทำด้วยกันไหม?”
“นายมันโรคจิตประสาทไปแล้วแอล!” ยิ่งเมื่อแอลใช้ลิ้นไล่เลียไปตามริมฝีปากของตัวเองพร้อมกับเริ่มขยับเข้ามาใกล้ใบหน้าของฉันเรื่อยๆ “ปล่อยฉัน อย่าเข้ามาใกล้!”
“คิดว่าสั่งได้ก็ลองดูวะ”
จบประโยคใบหน้าที่พระเจ้าช่างแต่งปั้นให้ดูดีราวเจ้าชายก็ซุกไซร้จมูกโด่งเป็นสันเข้ามาโลมเลียซอกคอขาวซ้ำด้วยริมฝีปากได้รูปจากนั้นลิ้นร้อนก็จัดการแทรกแซงออกมาจากริมฝีปากสัมผัสบริเวณกระดูกไหลปลาร้าวนไปเวียนมาจนสุดท้ายเขาก็เลือกจัดการฝังรอยฟันขาวลงไปในเนื้อนุ่มโดยปราศจากความปรานี
“อือ..โอ้ยเจ็บ!”
เสียงร้องโหยหวนของฉันเองออกมาค่อนข้างดังมากพร้อมทั้งร่างกายได้เข้าไปประชิดกับอกแกร่งของแอลทันทีถึงแม้มือทั้งสองข้างจะผลักเขาออกไปจากร่างกายมากเพียงความเจ็บปวดก็ยิ่งรุนแรงมากเท่านั้น
“…”
“โอ้ย...เจ็บ ปะ ปล่อย”
“…”
“ยะ หยุดนะ ฉันเจ็บ”
หรือเขาจะไม่ต้องการให้ผลักร่างกายจึงเปลี่ยนเป็นการโอบกอดแล้วเปลี่ยนเป็นจิกเล็กเข้ากับเนื้อกลางแผ่นหลังของเขาบ้างเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดที่ได้รับมา
หึ คิดจะแลกความเจ็บปวดที่ได้รับกับการใช้แรงเพียงเล็กน้อยที่ต่างระดมเล็บทั้งสิบนิ้วเข้ามาจิกลงไปยังเนื้อของผมงั้นเหรอเป็นการตอบโต้ที่สมน้ำสมเนื้อดีวะ แต่ทว่าผมไม่ทำอยู่จุดเดียวหรอกจึงเปลี่ยนที่กระทำเหมือนเดิมไปอีกข้างหนึ่งทำในลักษณะเดียวกัน
“อ๊ะ แอลยะ หยุด”
ตุบๆ
จากการใช้เล็กจิกเข้ากลางหลังแต่ขณะนี้ฉันต้องเปลี่ยนเป็นตุบตีบ้างเพื่ออยากให้เขาหยุดทำร้ายทารุนร่างกายของตัวเองที่มันเจ็บปวดจนเกินไปแล้วและมันจะเป็นแบบนี้ไม่ได้อีกต่อไป
พึ่บ!
ผมกระชากผ้าห่มที่ปกปิดอกใหญ่ได้รูปของมิชาออกหลังจากที่รู้สึกเบื่อกับการกัดบริเวณกระดูกไหลปลาร้าของเธอแล้ว ก็อย่างว่าความเบื่อหน่ายสำหรับผมมันเป็นสิ่งที่คู่กันอยู่แล้วไง
