ตอนที่ 8
กว่า 3 ปีที่ทำงานร่วมกันมา เธอไม่รู้เรื่องส่วนตัวของเจ้านายมากไปกว่า คุณติกรานต์นี้... แต่งงานมีครอบครัวแล้ว และมีลูกชายวัย 6 ปีอยู่ 1 คน เขาจะทำงานอยู่ที่อยุธยาในวันจันทร์-พฤหัส และจะกลับไปบ้านที่นนทบุรีตอนเย็นวันศุกร์-อาทิตย์ สิ่งที่เธอรู้มีเท่านี้จริงๆ เพราะเจ้านายไม่เคยพูดคุยเรื่องส่วนตัว ตลอดทั้งวันเขามีแต่งานๆๆ และก็งาน แต่คนต้นสายเมื่อสักครู่ “น้องมน” ที่เมมไว้นั่นต้องเป็น “คุณมนทิพย์” ภรรยาของเขาแน่ๆ ใบหน้าสวยคมส่ายไปมาอย่างงงๆ ไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้านายถึงไม่รับโทรศัพท์และดันให้บอกว่าเข้าห้องน้ำแล้วเธอจะไม่เข้าใจผิดหรือนี่
“ครับพ่อ วันศุกร์นี้ครับพ่อ... คุณครูเขาให้ไปถึงที่โรงเรียนก่อน 9 โมงน่ะครับ... ครับ... ครับ... แล้ววันพฤหัสพ่อจะถึงบ้านกี่โมงล่ะครับ... ก็พฤกษ์อยากกินต้มจืดปลาหมึกยัดไส้... ครับ... ก็แม่จะทำแค่ตอนพ่อกลับบ้านนี่ครับ... ได้ครับ... พฤกษ์กับแม่จะรอพ่อนะครับ ครับ... เดี๋ยวพฤกษ์บอกให้ครับ พฤกษ์ก็รักพ่อครับ สวัสดีครับ”
เด็กชายพฤกษ์ยื่นโทรศัพท์มือถือคืนให้มารดาพลางทำหน้าตาแหยๆ เมื่อเห็นแววตาคาดโทษนั้น ก่อนใบหน้าป้อมๆ นั้นจะส่ายไปมาแบบไม่รู้ไม่ชี้ ก็มารดาไม่ยอมรับโทรศัพท์หนิเขาก็เลยต้องเป็นคนรับเสียเอง
“ก็พฤกษ์อยากกินนี่ครับ”
“แล้วทำไมไม่บอกแม่จ๊ะ ไปบอกพ่อเขาแบบนั้น เดี๋ยวพ่อเขาก็ดุแม่หรอกว่าไม่ทำให้ลูกทาน”
“พ่อจะได้รู้ไงครับว่าแม่น่ะทำไว้รอพ่อทุกวันศุกร์เลย”
“น้องพฤกษ์... แก่แดดแก่ลมอีกแล้วนะเรานี่ มานี่เลยแม่จะทำโทษ”
มนทิพย์ตรงเข้าโอบกอดลูกชายไว้และทำท่าหอมแรงๆ อย่างหมั่นเขี้ยวไปที่แก้มทั้งสองข้าง หน้าผาก ปลายจมูกและจุ๊บที่ริมฝีปากเบาๆ ฝ่ายลูกชายก็ไม่น้อยหน้า ท่อนแขนป้อมๆ นั้นเหนี่ยวเอาต้นคอนวลเนียนไว้พลางหอมแก้มซ้ายหอมแก้มขวา หน้าผาก ปลายจมูกและจุ๊บเบาๆ ที่ริมฝีปากมารดาเหมือนกัน ก่อนจะโผเข้ากอดต้นคอนั้นไว้อย่างแสนรัก
“แม่ครับ”
“จ๋าลูก”
“พฤกษ์รักแม่นะครับ”
“จ้า... แม่ก็รักน้องพฤกษ์ รักมาก มากที่สุดในโลกเลย”
น้ำตาปริ่มๆ จะรินไหล แม้เขาจะรีบโทรกลับมา แต่ก่อนหน้านั้นเขาทำอะไรอยู่ และผู้หญิงที่ไหนจะมารับสายแทนในขณะที่เขาเข้าห้องน้ำ ระหว่างคบกันติกรานต์ไม่เคยแสดงออกถึงความเจ้าชู้ใดๆ ให้เธอเห็นเลยสักครั้ง แววความรักที่เจืออยู่ในดวงตาคมเข้มคู่นั้นมันบ่งบอกว่าเขามีเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น
แม้เขาจะจัดว่าเป็นชายหนุ่มที่หล่อมากก็ตามแต่ความขรึมของเขากลับเป็นเกราะกำบังแรงยั่วเย้าจากสิ่งภายนอกได้เป็นอย่างดี แต่ระหว่างที่แยกกันอยู่... คงต้องเรียกว่าแยกกันอยู่นั่นแหละถูกแล้ว
แม้คนอื่นจะมองว่าเป็นเพียงสามีภรรยาที่แยกกันทำงานเท่านั้น แต่ใครเล่าจะรู้ดีเท่าเธอว่านั่นมันหมายถึงการแยกกันอยู่อย่างถาวร เกือบ 7 ปี ที่ผ่านมานี้ พายุรัก... ที่รุนแรงของเขาจะไม่เคยพัดพาไปที่เรือนร่างใดบ้างเลยหรือ
ภาพลูกชายบรรจงติดดอกพุทธรักษาที่หน้าอกสามีและผู้เป็นพ่อนั้นหอมซ้ายขวาที่แก้มป้อมพร้อมโอบกอดบุตรชายไว้แนบอก แววตาคมเข้มที่คลอไปด้วยหน่วยน้ำแห่งความปลื้มใจคือสิ่งที่เธอสัมผัสเห็น
แม้จะมองผ่านกล้องวีดีโอที่เธอตั้งใจถ่ายเอาไว้ให้ลูกดูตอนโตแต่ก็ดูเหมือนภาพนั้นจะสั่นไหวเล็กน้อย เพราะคนถ่ายนั้นเหมือนจะกลั้นก้อนสะอื้นเล็กๆ ไม่ให้เล็ดลอดออกมา มนทิพย์อดใจหายไม่ได้ถ้าเธอต้องพรากลูกไปจากเขา ทั้งน้องพฤกษ์และเขาจะเสียใจมากมายเพียงไหน แต่ถ้าทนอยู่อย่างนี้คนที่เสียใจก็คือเธอ หรือว่าอาจจะเป็นเขาด้วย
ภาพความรักของพ่อและลูกที่เห็นนี้อาจทำให้เธอต้องคิดทบทวนการตัดสินใจอีกครั้ง เพิ่งเข้าใจจริงๆ ในยามที่เห็นหลายครอบครัวต้องอดทนอยู่ร่วมกันเพื่อลูก เธอเพิ่งเข้าใจความรู้สึกนั้นว่าทำไมคนเหล่านั้นต้องทน และสามารถเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ไปถึงหัวใจ “ทนอยู่เพื่อลูก”
คำนี้ที่ได้ยินนั้นไม่จริงเลย จริงๆ แล้วสิ่งที่ทำให้ทนอยู่ได้นั้นคือ ความรักที่มีต่อลูกและพ่อของลูกต่างหากเล่า นี่คือสิ่งที่ติดอยู่ส่วนลึกของหัวใจจริงๆ เธอไม่ได้ทนเพื่อลูกเพียงอย่างเดียว นั่นเป็นเพียงข้ออ้างยามผู้คนถามไถ่เท่านั้น แท้ที่สุดแล้ว สิ่งที่ทำให้อดทนได้นั้นคือ “ยังรักเขาอยู่ต่างหาก”
“โห... ปลาหมึกยัดไส้ของโปรดของพ่อ หอม... น่าทานจังเลย”
น้องพฤกษ์ยิ้มแก้มปริเมื่อเห็นแกงจืดปลาหมึกยัดไส้หมูที่มีไอร้อนหอมกรุ่นวางอยู่บนโต๊ะทานข้าวพร้อมกับข้าวอีกหลายอย่างที่ล้วนจะเป็นของโปรดของพ่อทั้งนั้น กิริยาทำท่าหอมน่าทานนั้นเรียกรอยยิ้มได้จากผู้เป็นพ่อ
“ชอบก็ทานเยอะๆ จะได้โตไวๆ”
“พ่อครับทานกันเถอะครับ ใครได้ตัวสุดท้ายก่อนชนะ!” ผู้เป็นลูกชายคะยั้นคะยอให้พ่อทานให้หมดและต้องแข่งกันทานด้วยใครได้ทานตัวสุดท้ายคนนั้นจะเป็นผู้ชนะ
เสียงหัวเราะระหว่างพ่อลูกที่ดังออกมาจากในตัวบ้าน ก็อดทำให้คนเป็นแม่ยิ้มรับตามไม่ได้ อย่างน้อยเธอก็มีความสุขกับสิ่งนี้ไม่ใช่เหรอใช่ว่าจะทุกข์ไปหมดเสียเมื่อไรกัน นิ้วบางบรรจงเด็ดดอกมะลิจากระเบียงหน้าบ้านที่แข่งกันออกดอกโชยกลิ่นหอมปรุงใจไปทั่วบริเวณ
