ตอนที่ 7
“น้องชอบดอกของเขาไหมจ๊ะ”
“ชอบสิคะ ชื่อเหมือนน้องด้วย คุณนพว่าไหมคะกลีบดอกของเขานี่เหมือนเปลวไฟเลย ดูเข้มแข็งแต่ทว่าก็สวยงามอ่อนหวาน แต่เสียอย่างเดียวที่ไม่หอมนะคะ ถ้าหอมนะน้องจะยิ่งชอบกว่านี้คะ” ช่อดอกไม้งามสีแดงเพลิงถูกยกขึ้นสัมผัสสูดดม
“หึหึหึ... ถ้าน้องได้กลิ่นนี่ พี่คงจะขาดใจเสียเป็นแน่”
“ทำไมหรือคะ” รอยยิ้มที่ฉายออกมาทั้งสีหน้าและแววตากรุ้มกริ่มนั้นเรียกรอยวูบวาบขึ้นตามใบหน้านวล
“กรุ่นกลิ่นปาริชาตนี้จักได้กลิ่นจรุงใจแม้นเพียงอยู่ในเทวโลกน่ะสิ แลผู้ที่ได้สูดดอมความหอมนั้นจักรำลึกชาติได้ทั้งชาติที่ใกล้และที่ไกลตามใจปรารถนา ในยามนั้นน้องคงระลึกถึงแต่แดนดินสวรรค์ที่จากมา จะให้ระลึกนึกถึงพี่... มนุษย์เดินดินนี้คงจะอย่าหมาย”
เขาปลิดพวงดอกงามสีแดงเพลิงแลจับทัดประดับไว้ที่เรือนผมงาม พลางจมูกโด่งโน้มใกล้หมายสูดดอมดมพวงดอกไม้ที่เจ้าตัวเพิ่งเจรจาถึงสภาพความหอมที่จะรับได้เพียงเทวโลก
“อื้อ... อย่าแกล้งสิคะ”
เฮือก... หญิงสาวผวาขึ้นสุดตัวความหนาวเหน็บเข้าจู่โจมจิตใจ มือบอบบางไขว่คว้าหมอนหนุนใบโตของคนเคยเคียงข้างเข้ามากอดกระชับไว้แน่น อาการวูบวาบบนใบหน้ายังคงรับรู้ ดวงตาคมเข้มหวานลึกล้ำของเด็กหนุ่มคนนั้นที่มองมา คำพูดโต้ตอบกันและกัน ทุกสิ่งทุกอย่างในความฝันนั้นทำให้เธอคิดว่าเด็กสาวที่เจรจาอยู่กับเขาคนนั้น “คุณนพ” และ เด็กสาวคนนั้น “ปาริชาต” คือตัวเธอเอง
แม้ยามปาริชาตเอียงอายเธอเองก็มีอาการไม่ต่างกัน ทำไมเธอถึงฝันถึงเขาคนนั้นซ้ำๆ ไปมาแบบนี้ และดูเหมือนเขาคนนั้นจะเข้ามามีตัวตนอยู่ในทุกความทรงจำของเธอนับตั้งแต่เธอคิดได้ว่า เธอรักพ่อของน้องพฤกษ์มากมายเพียงใด เธอยอมแล้วที่จะทำทุกอย่างขอเพียงให้ติกรานต์กลับมาเป็นดังเดิม แต่ไม่ว่าเธอจะพยายามเท่าไร พยายามเปิดใจเปิดความรู้สึกมากมายเพียงใด สามีก็ไม่เคยจะเห็นค่า ต่างกันกับเจ้าของดวงตาคมเข้มแต่ทว่าอบอุ่นคู่นั้น ยามสายตาเปี่ยมรักทอดมองมายังเธอนั้นให้รู้สึกถึงความรักที่คุ้นเคยอีกครั้ง
จดหมายจากทางโรงเรียนเชิญร่วมงานวันพ่อแห่งชาติ และขอความร่วมมือคุณพ่อตอบกลับถึงความสะดวกที่จะเข้าร่วมในพิธี มนทิพย์อ่านเอกสารในมือสลับกับมองโทรศัพท์ในมือตัวเอง ความยุ่งยากใจความไม่แน่ใจที่จะโทรหามันทำให้เธอนั่งอยู่ในท่านี้มาสักพักนึงแล้ว
“แม่ครับ เดี๋ยวพฤกษ์โทรหาพ่อเองครับ”
“ไม่... ไม่เป็นไรลูก แม่แค่รอเวลาพ่อเขาเลิกงานน่ะจ้ะ ตอนนี้น่าจะยังขับรถอยู่อาจจะไม่สะดวกคุย”
“วันที่ 2 เป็นวันศุกร์นี่ครับ พ่อน่าจะสะดวก”
แววตาครุ่นคิดเหมือนคนโตๆ ที่ลูกชายของเธอทำเรียกรอยยิ้มได้จากใบหน้างาม มนทิพย์รู้สึกว่าโลกสดใสขึ้นเยอะยามพิศดูใบหน้าอ้วนป้อมนั้น ใช่ว่าเธอจะทุกข์ใจมากมายอย่างไร อย่างน้อยที่สุดก็ยังมีคนหนึ่งที่พร้อมจะยิ้มไปกับเธอทุกขณะและมักจะทำให้เธอมีรอยยิ้มได้เสมอในยามหัวใจเปลี่ยวเหงา
เสียงโทรศัพท์มือถือที่ดังติดๆ กันหลายครั้ง แต่เขาก็ไม่คิดจะรับ ส่งผลให้คนนั่งอยู่ด้วยต้องช้อนสายตามองเจ้านายของเธออย่างงงๆ นิดาไม่เข้าใจว่าทำไมคุณติกรานต์ถึงไม่รับโทรศัพท์ อาการชำเลืองมองทุกครั้งที่มีแสงไฟวาบขึ้นทำให้รู้ได้ว่าผู้ที่โทรเข้ามาเป็นใครแต่เจ้าของร่างสูงที่หล่อเหลาเอาการนั้นก็ไม่ได้แม้แต่จะขยับตัว
“นิดา... รับให้ทีสิ บอกด้วยว่าฉันเข้าห้องน้ำ”
“เอ่อ... ค่ะ”
“สวัสดีค่ะ” เสียงผู้หญิงที่ได้ยินตอบกลับมาสร้างความรู้สึกชาวาบไปทั้งร่าง “เขาอยู่กับใคร”
“สวัสดีค่ะ” น้ำเสียงหวานใสยังคงสื่อสาร
“เอ่อ... นี่... ใช่โทรศัพท์ของคุณติกรานต์หรือเปล่าคะ”
น้ำเสียงสั่นๆ ที่สื่อออกไปพร้อมกับภาวนาขอให้เธอโทรผิด แม้จะรู้ว่าไม่มีทางที่เธอจะโทรผิดก็ตามเพราะเธอต่อสายหาเขาหลายครั้งแล้วแต่กลับไม่มีคนรับ
“ใช่ค่ะ พอดีคุณติกรานต์เข้าห้องน้ำน่ะค่ะ” น้ำเสียงใสซื่อตอบกลับอย่างไม่คิดอะไร
“เข้าห้องน้ำ... เหรอคะ” ผิดกับคนต้นสายที่แทบจะทรงกายไม่อยู่เพียงแค่ได้ยิน
“ใช่ค่ะ”
“นั้นไม่เป็นไรค่ะ ไม่เป็นไร”
“จะฝากข้อความไว้ไหมคะ”
“เอ่อ... ค่ะ รบกวนแจ้งคุณติกรานต์ให้โทรกลับดิฉันด้วยนะคะ”
นิดายกโทรศัพท์มองดูชื่อที่เมมไว้ “น้องมน” ก่อนจะรับคำคนต้นสายแล้วค่อยวางโทรศัพท์คืนไว้ที่โต๊ะทำงานอย่างเดิม ดวงตาคมดุที่มองสบมาเหมือนเธอทำอะไรผิดไว้อดที่ทำให้เจ้าตัวร้อนรนไม่ได้
“เธอให้เจ้านายโทรกลับด้วยค่ะและดูท่าเธอจะตกใจที่เป็นเสียงดา”
น้ำเสียงอ่อยๆ บ่งบอก เพราะไม่รู้จะวางหน้าวางตาอย่างไร ยิ่งเห็นติกรานต์ยกมือไล่ให้รีบออกไปเร็วๆ เพราะความไม่สบอารมณ์เริ่มจะทวีมากขึ้นแล้ว นิดารีบรุดเร็วรี่ให้พ้นจากรัศมีพิฆาตนั้นในทันที
ปกติเจ้านายของเธอก็เป็นคนเงียบขรึมพูดน้อยอยู่แล้ว หน้าตาที่หล่อจัดนั้นแม้จะดูเงียบๆ ขรึมๆ และมีเจ้าของแล้วเสียด้วย แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคให้บรรดาสาวเล็กสาวใหญ่สาวแก่แม่ม่ายทั่วบริเวณนี้จะแอบหมายปองและพากันมาทอดสะพานเสริมคอนกรีตให้เจ้านายสุดหล่อของเธออยู่เสมอ จนทำให้เธอได้อานิสงฆ์ได้กินทั้งอาหารและขนมอร่อยๆ เสมอเพราะแม่พวกนั้นมักจะมีมาติดสินบนเสาะหาข่าวที่นายของเธอจะออกตรวจพื้นที่บริเวณไหนบ้าง แม่พวกนั้นจะได้สร้างสถานการณ์ “บังเอิญเจอ” ได้ถูก เพราะก็มีแต่เธอที่ได้ทำงานใกล้ชิดมากถึงขนาดนี้
