ตอนที่ 5
“ก็หลายอย่างจ้ะ มีแกงจืดปลาหมึกยัดไส้ที่พฤกษ์ชอบด้วยนะลูก”
“แล้วพ่อก็ชอบด้วยใช่ไหมครับ”
“เอ่อ... จ้ะ ไปเถอะเข้าบ้านกันก่อน ถามแม่อยู่อย่างนี้แม่หนักนะ” หญิงสาวแกล้งทำหน้าเง้าที่เหมือนจะถูกลูกชายไล่ต้อนให้จนมุม ส่งผลให้คนร่างป้อมต้องเข้ามากอดรัดเอวบางอย่างเอาใจ
“โอ๋! มาพฤกษ์จะช่วยถือ”
“จ้า... พ่อตัวน้อย...”
“ครับ ก็พฤกษ์น่ะเป็นพ่อตัวน้อยจริงๆ นี่”
รอยยิ้มแจ่มใสส่งให้กับลูกชายคนเดียว มนทิพย์ส่งถุงเล็กๆ ให้พลางรีบรุนหลังให้ลูกชายเดินเข้าสู่ตัวบ้านเร็วๆ ส่วนตัวเธอนั้นรับรู้ได้ถึงทั้งใจทั้งขาที่สั่นของตนเองกับสิ่งที่มองเห็นอยู่ตรงหน้า
รถยนต์คู่ชีพคันโตของเขามันเหมือนถูกล้างทำความสะอาดเป็นอย่างดีอีกทั้งพื้นซีเมนต์ด้านล่างยังมีรอยเปียกชื้นค้างอยู่แสดงว่าเขากลับมานานแล้ว นานพอที่จะทำความสะอาดรถและนานพอที่รอยเปียกชื้นนั้นซึมจางลง เขาจะต่อว่าเธอไหมหนอที่พาน้องพฤกษ์ไปตะลอนเสียจนเย็นค่ำขนาดนี้ ทั้งที่รู้ว่าวันนี้เขาจะต้องกลับ “บ้าน” บ้านของเรา
“บ้านของเราครับ...”
น้ำเสียงทุ้มนุ่มกระซิบอยู่ข้างหูยามฝ่ามือใหญ่ที่ปิดตาของเธอเปิดออก ภาพที่เห็นนั้นทำให้หน่วยตาคู่งามเหมือนมีน้ำรื้นขึ้นในทันที บ้านเดี่ยวชั้นเดียวเล่นระดับออกแบบและตกแต่งแบบสไตล์รีสอร์ท
ความกว้างของพื้นที่ทั่วทั้งบริเวณมากกว่า 2 ไร่ บ้านที่ถูกจัดสรรปลูกสร้างและตกแต่งจนดูกลมกลืนไปกับพรรณไม้โบราณต่างๆ ทั้งมะลิ ปีบ แก้ว กรรณิการ์ จำปี จำปา ทั้งไม้ผลจำพวก มะยม มะม่วง ฝรั่งขี้นก ตะลิงปลิง ซึ่งต่างกำลังออกดอกออกผลแข่งกันรับเจ้าของใหม่ที่มาเยือน และไม้ยืนต้นอื่นๆ ที่มีแต่ใบยังไม่ให้ดอกให้ผลอีกมากมายหลายต้นด้วยกัน
“ชอบไหมครับ”
“ชอบค่ะ สวยมาก มนชอบบ้านหลังนี้ค่ะ”
“พี่รู้ว่ามนต้องชอบ นี่เป็นที่มรดกของพี่เองต้นไม้พวกนี้เขาก็มีมาแต่เดิมนะครับ พี่แค่ตัดออกในส่วนที่สร้างเป็นตัวบ้านเท่านั้นเอง แต่ที่เห็นหน้าบ้านนี่พี่ก็มีปลูกแซมบ้าง มีดอกไม้ไทยๆ ที่มนชอบหลายชนิดเลย... มนครับ”
“ค่ะ พี่กรานต์”
“แต่งงานกับพี่กรานต์นะครับ บ้านนี้เขารอเจ้าของอยู่นะ”
อ้อมแขนที่กอดกระชับจากด้านหลังสร้างความอบอุ่นถึงหัวใจ มนทิพย์ยิ้มรับกับภาพความสุขนั้น ความสุขที่หล่อเลี้ยงหัวใจของเธอให้ยังคงเต้นอยู่ได้ยามหวนนึกถึง
เสียงพ่อลูกหัวเราะกันร่า ดังมาจากห้องพักผ่อนด้านใน เธอเลี่ยงที่จะเดินเข้ามาในครัวก่อนที่จะได้เจอหน้าเขา ไม่ใช่ว่าไม่อยากเห็นหน้าตาผู้ที่เธอ “รัก” เขาอย่างหมดใจ แต่เธอไม่อยากทำลายความสุขของลูก ไม่อยากให้ความประดักประเดิดใจมาทำให้บรรยากาศกรุ่นรักของสองพ่อลูกต้องจางลง ฝ่ามือยังคงสาละวนกับการหยิบจับข้าวของที่ซื้อมา พร้อมทั้งเตรียมทำอาหารเย็นซึ่งดูเหมือนจะกลายเป็นอาหารค่ำไปเสียแล้วอย่างรวดเร็ว
ร่างบอบบางที่กำลังหยิบจับข้าวของและจัดเตรียมกับข้าวหลากหลายอย่างที่เขาเดาได้ว่าเธอจะทำอะไรบ้างในวันนี้ ทุกอย่างที่เธอจัดเตรียมพร้อมปรุงนั้นล้วนแต่เป็นของโปรดของเขาทั้งนั้น ดวงตาคมเข้มมีแวววูบไหวอย่างรุนแรง เบื้องหลังร่างบอบบางในชุดเดรสเข้ารูปสวมทับด้วยผ้ากันเปื้อนและเรือนผมดำยาวสยายที่ถูกขมวดไว้อย่างหลวมๆ บริเวณท้ายทอยเผยให้เห็นต้นคอนวลเนียนนั้น ความรู้สึกที่ตีตื้นขึ้นมาในหัวใจปฏิเสธไม่ได้ว่า “ไม่รัก” “ไม่คิดถึง” เพราะสิ่งที่มันร่ำร้องอยู่ในใจของเขานี้มันเจ็บปวดนัก “ทั้งรักทั้งช้ำ”
รอยยิ้มพิมพ์ใจที่เธอมีให้ลูกชายยามเดินเข้ามาในรั้วบ้านนั้นก็แทบทำให้เขาลืมทุกความรู้สึกแล้วเข้าไปสวมกอดเธอไว้ แต่เขากลับทำไม่ได้ ความรู้สึกที่มันค้านกันอยู่ในใจนี้มันคืออะไรกันแน่ ติกรานต์แหงนหน้าพิงศีรษะกับประตูห้องครัว ดวงตาคมเข้มปิดลงอย่างต้องการสะกดกลั้นความต้องการสุดส่วนลึกของหัวใจ ฝ่ามือแกร่งยกขึ้นปิดกระชับใบหน้า ไม่อยากรับรู้ความรู้เจ็บลึกอย่างนี้เลย
“อุ๊ย!” ดวงตาสวยหวานตะลึงมองคนร่างสูงด้านหลังไม่คาดคิดว่าเขาจะมายืนอยู่ตรงนี้
“ขอโทษที่ทำให้คุณตกใจ”
“คุณ”
คำที่เขาใช้เรียกเธอมันช่างเหินห่างหมางเมินนัก น้ำตาปริ่มๆ ที่จะไหลออกมาให้ได้ มนทิพย์รีบหันกลับไปสนใจกับอาหารที่กำลังปรุงต่อ หน้าตาท่าทางของเขาบ่งบอกว่ามีเรื่องไม่สบายใจจนมันเหมือนกับคนทุกข์ใจอย่างแสนสาหัสเสียมากกว่า หรือว่าเขาลำบากใจมากที่จะต้องกลับมา
“พี่... เอ่อ... ขอโทษนะคะที่กลับมาช้า รอเดี๋ยวนะคะ เดี๋ยวก็จะเสร็จแล้วล่ะค่ะ ไปรอที่โต๊ะอาหารก่อนก็ได้”
คำเรียกขานเมื่อครั้งก่อนจำต้องเก็บกลืนลงสู่หัวใจ ส่วนคำเรียกแทนตัวเธอก็ไม่กล้าที่จะใช้ “พี่กรานต์” “มน” คงจะไม่ได้ใช้อีกแล้ว
เมื่อประสาทรับรู้บ่งบอกว่าเขายังไม่ได้ไปไหนและยังคงยืนอยู่ที่เดิม ใบหน้างามจึงอดไม่ได้ที่จะหันมองอีกครั้ง ดวงตาคมเข้มคู่นั้นถ้าเธอไม่ได้เข้าข้างตัวเองเธอสาบานได้ว่าเธอเห็น... แววความรักยังคงเต็มเปี่ยมอยู่ในนั้น แต่เพียงครู่เดียวเท่านั้นก่อนที่จะกลายเป็นเฉยชาตามเดิม
