บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 4

ดวงตาหวานเหม่อมองออกไปนอกตัวรถทั้งที่ควรจะสตาร์ทและขับเคลื่อนออกไป ทำให้ทิวลิปและเด็กชายพฤกษ์ต้องมองหน้ากันไปมาอย่างงงๆ มือที่จับพวงมาลัยยังคงนิ่งเฉยและไม่มีทีท่าว่าจะขยับ

“มน... มน... มน!”

“อ่ะ... ว่าไงทิวลิป”

“ฉันสิต้องถามแกว่า... ว่าไง ทำไมไม่ออกรถ”

“เออ... ใช่ ขอโทษจ้ะ” ใบหน้างามยิ้มแหยๆ ให้ทั้งเพื่อนและลูกชายตัวน้อยที่นั่งอยู่บนตักของเพื่อนสาว

“มาเลย มานั่งนี่เลย เดี๋ยวฉันขับเอง ให้แกขับมีหวังฉันได้ไปเกิดใหม่ก่อนมีสามีแน่ ลงมาเลย”

“...” ดวงตาหวานยังคงเหม่อมองไปด้านนอกตัวรถอย่างไร้จุดหมายเหมือนไม่ได้ยินในสิ่งที่เพื่อนสาวบอกเลยสักนิด

“เฮ้ย! มน นี่ฉันพูดกับแกอยู่นะ นี่... หรือว่าแกไม่ได้ฟังที่ฉันพูดเลย”

“ฟังจ้ะ ฟังอยู่ จะไปไหนกินไอศกรีมร้านไหนดีล่ะ”

“เฮ้อ!” ทิวลิปส่ายศีรษะไปมาอย่างเซ็งสุดขีด

ในห้างสรรพสินค้าใหญ่ มนทิพย์ขอตัวไปจ่ายของสดในซูเปอร์มาร์เก็ต ทิวลิปจึงทำหน้าที่ดูแลเด็กชายพฤกษ์พร้อมทั้งสังเกตอาการของเพื่อนรักยามจับจ่ายซื้อของในซูเปอร์ฯ ที่อยู่ไม่ไกลกับร้านไอศกรีมไปด้วย อาการเหม่อลอยครุ่นคิดของเพื่อนสาวยิ่งทำให้ทิวลิปไม่สบายใจมากยิ่งขึ้น เธอรู้ดีว่ามนทิพย์เริ่มมีปัญหาครอบครัวนับตั้งแต่ตั้งท้องน้องพฤกษ์ แต่ผู้หญิงอย่างมนทิพย์ก็เลือกที่จะใช้ความรู้สึกรักที่เธอมีให้กับสามีมาทุ่มเทเลี้ยงดูบุตรชายที่ผู้เป็นพ่อไม่ค่อยจะมีเวลาให้เสียเท่าไร

ปัญหาลึกๆ ระหว่างมนทิพย์และคุณติกรานต์นั้นคงไม่มีใครให้คำตอบได้ดีเท่ากับทั้งสองคน เพราะทุกครั้งที่เธอพบสามีของเพื่อน สายตาที่เขาใช้มองมนทิพย์มันก็ยังคงเจือไปด้วยความรักไม่เปลี่ยนแปลงและในหน้าที่แห่งความเป็นพ่อนั้น คุณติกรานต์ก็ดูจะรักน้องพฤกษ์มากไม่แพ้เพื่อนสาวของเธอเลย แต่เหตุผลอะไรหรือสาเหตุอะไรที่ทำให้ทั้งสองคนไม่เข้าใจกันนั้นคนนอกอย่างเธอก็ไม่อาจรู้ได้ จะให้เข้าไปยุ่มย่ามก้าวก่ายเรื่องครอบครัวของเพื่อนมากจนเกินไปเธอก็คงทำไม่ได้ถ้าเจ้าตัวเขาไม่ได้ร้องขอ แต่หลายวันมานี่เหมือนกับว่ามนทิพย์จะหลุดมากขึ้น

“น้องพฤกษ์...”

“ครับ น้าทิวลิป” เด็กชายละสายตาจากถ้วยไอศกรีมและมองเพื่อนสาวของมารดา

“คุณพ่อน้องพฤกษ์จะกลับบ้านวันไหนจ๊ะ”

“วันนี้แหละครับน้า ป่านนี้คุณพ่อก็คงจะถึงบ้านแล้วล่ะครับ”

“เอ... แล้วน้องพฤกษ์เคยเห็น เอ่อ... คุณพ่อกับคุณแม่... เขา... ทะ... เอ่อ... ไม่สิ เคยเห็นเขาเสียงดังใส่กันไหมจ๊ะ”

“ไม่นะครับ คุณพ่อน่ะรักคุณแม่มากนะครับ แต่คุณแม่ไม่รู้”

เด็กชายตัวน้อยยังคงนั่งทานไอศกรีมไปและตอบคำถามไปมาอย่างซื่อๆ

“อ้าว... แล้วทำไมคุณแม่จะไม่รู้ล่ะ”

“ก็คุณแม่ปิดหัวใจน่ะสิครับ”

“โห! ลูกใช้คำพูดซะ นี่แม่เราเขาปล่อยให้เราดูละครมากไปหรือเปล่าเนี่ย” นิ้วมือเรียวบีบแก้มยุ้ยๆ นั้นอย่างหมั่นเขี้ยว

“จริงนะครับน้าทิวลิป ความรักน่ะมันต้องใช้หัวใจมอง ใช้ตามองไม่เห็นนะครับ”

ทิวลิปมองเด็กชายพฤกษ์อย่างอึ้งๆ ก็รู้อยู่หรอกว่าลูกชายของเพื่อนนี่มักจะพูดจาเกินเด็ก 6 ขวบ แต่ถึงขนาดพูดได้เป็นคุ้งเป็นแควแบบนี้มันก็แปลกพิสดารเกินเด็กไปหน่อยแล้ว

“แล้วน้องพฤกษ์รู้ได้ไงครับว่าคุณพ่อรักคุณแม่มากน่ะ” ทิวลิปยิ้มย่องเมื่อรู้แล้วว่าจะต้องถามข้อข้องใจกับใครได้ ถ้าน้องพฤกษ์ดูท่ารู้มากขนาดนี้ต้องรู้เรื่องของพ่อแม่แน่ๆ

“พฤกษ์รู้สิครับ ก็พฤกษ์น่ะเป็นผู้ชายเหมือนกันแค่มองตากันก็รู้แล้ว”

คำพูดแก่แดดเกินวัยแทบจะทำให้ทิวลิปสำลักไอศกรีม

“โห! แก่แดดแก่ลมจริงนะเรา อืม... น้าเข้าใจ พ่อคนหนุ่ม”

น้ำเสียงเหน็บแนมพร้อมกับนิ้วมือน้อยๆ ที่จับแก้มเด็กชายตัวน้อยบีบเบาๆ อย่างหมั่นไส้ เรียกเสียงหัวเราะขบขับได้จากทั้งสองน้าหลาน

มนทิพย์ไม่ได้เอารถเข้าบ้าน เธอให้ทิวลิปขับกลับไปเพราะเมื่อช่วงเย็นทิวลิปจอดรถไว้ที่ออฟฟิศและไปเป็นเพื่อนเธอรับน้องพฤกษ์ที่โรงเรียนรวมทั้งยังเลยไปซื้อของและทานไอศกรีมกันต่อ ทำให้ถ้ากลับไปเอารถที่ออฟฟิศก็จะเสียเวลามาก

เธอโบกมือให้เพื่อนสาวที่มองมาอย่างสื่อความหมายให้เธออดทนต่อสิ่งที่กำลังจะเผชิญหน้าต่อจากนี้ ดวงตาหวานก้มมองมือตนเองที่ลูกชายบีบกระชับแน่นขึ้นอย่างกับจะให้กำลังใจกับหัวใจที่ใกล้จะอ่อนล้าเต็มทีนี้ รอยยิ้มที่เหือดแห้งเต็มทนแต่พยายามอย่างยิ่งที่จะทำให้เห็นว่ามันสดชื่นอย่างที่สุด ในเมื่อวันนี้เป็นวันของครอบครัวเป็นวันที่เขาและเธอจะต้องทำเพื่อลูก

“จ๋าลูก... ว่าไง”

“แม่เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”

“ไม่นี่จ๊ะ เข้าบ้านกันเหอะ พ่อคงรอน้องพฤกษ์แย่แล้ว”

“ครับ พฤกษ์คิดถึงพ่อ เอ... วันนี้แม่จะทำอะไรให้พฤกษ์ทานครับ”

เด็กชายตัวน้อยอมยิ้มพลางมองไปที่ข้าวของพะรุงพะรังที่มารดาช็อปมาจากซุปเปอร์มาร์เก็ตของห้างสรรพสินค้าที่น้าทิวลิปพาเขาไปทานไอศกรีม

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel