ตอนที่ 3
สัมผัสอุ่นวาบที่ทาบทับลงมาโดยไม่ทันตั้งตัว เหมือนโลกหมุนคว้างอยู่กลางอากาศ มือน้อยที่ถูกยื้อยุดไว้นั้นถูกประทับวางทาบไว้ที่แผงอกแกร่ง แรงกอดรัดที่แน่นเสียจนรับรู้ได้ถึงความแข็งแกร่งของท่อนแขน สัมผัสที่ได้รับนั้นอ่อนโยนอ้อยอิ่งดั่งอยากหยุดยั้งเวลาไว้เพียงเราสอง
ฝ่ามือลูบไล้สัมผัสริมฝีปากตนเองไปมา ความอุ่นวาบที่ทาบทับลงมานั้นคล้ายความรู้สึกยังคงรับรู้ได้แม้จนบัดนี้ สิ่งที่เธอเห็นในความฝันนั้น แท้จริงเธอฝันไปเอง... ใช่ไหม
“เฮ้ย! มน จะชงอีกนานไหมเนี่ย ฉันยืนรอแกจนขาแข็งแล้วนะ”
“อ่ะ... ขอโทษจ้ะ”
มนทิพย์ชะงักมือที่กำลังคนถ้วยกาแฟ มุมกาแฟแคบๆ ที่แยกโซนออกมาจากออฟฟิศทำให้เธอต้องเบี่ยงตัวออกมาให้เพื่อนสาวเข้าไปแทน
สาวสวยเก๋ผมสั้นระต้นคอมองดูเพื่อนสาวของตนเองนิ่ง ใบหน้าสวยเก๋มีแววกังวลเพียงครู่ แต่แล้วก็รีบสลัดทิ้งไปเพื่อไม่ทำให้คนตรงหน้ารู้สึกแย่ลงไปมากกว่านี้
“มน... แกเป็นอะไรหรือเปล่า แก... แกทำท่าเหมือน... เหมือน...”
“เหมือน... เหมือนอะไรทิวลิป” ดวงตางามมีแววตื่นเร้าอยู่ภายใน ยิ่งทำให้ทิวลิปมั่นใจในสิ่งที่ตนเองคิด
“แกทำท่าเหมือน เหมือน... เหมือนแกเพิ่งถูกจูบมาเลยว่ะ”
คำพูดที่โพล่งออกไปพร้อมกับแววตาจับผิดที่คาดคิดว่าจะเห็นอากัปกิริยาที่เพื่อนสาวเป็น และอาการประดักประเดิดที่เห็นนั้นก็ไม่ผิดเลย มนทิพย์ผู้แสนอ่อนหวานแต่ไม่อ่อนแอ เพื่อนรักที่รักกันเสียยิ่งกว่าพี่น้องทำให้เธอรับรู้ทุกปัญหาของมนทิพย์ หญิงสาวเรือนร่างสูงโปร่งบอบบางใบหน้างดงามสวยหวานคล้ายรูปนางในวรรณคดีที่เคยเห็น ความงดงามอ่อนหวานที่มองเห็นแต่ภายนอกนั้น ใครจะรู้บ้างว่าเจ้าของเรือนร่างบอบบางนี้ต้องชอกช้ำและเดียวดายขนาดไหน
“เขากลับมาแล้วเหรอ...”
คำถามที่โพล่งออกไปแล้วแทบอยากจะกัดลิ้นตัวเองตาย สีหน้าของเพื่อนสาวที่หมองลงเป็นคำตอบได้อย่างดี หรือว่าเธอคิดผิด คนที่ทำให้มนทิพย์มีสีหน้าประดักประเดิดนั้นไม่ใช่ “คุณติกรานต์” แล้วจะเป็นใครได้
“มน... แกมีอะไรแกต้องบอกฉันนะ อย่าเก็บไว้กลุ้มคนเดียวล่ะสองหัวน่ะดีกว่าหัวเดียวนะ”
“ดีกว่าตรงที่ว่าหัวเดียวกินไม่อิ่มใช่ม้า...”
“มนนี่แก... กำลังจะทำซึ้งซะหน่อย”
“ไปเหอะ เดี๋ยวฉันต้องรีบไปรับน้องพฤกษ์ด้วย ไปสายเกรงใจคุณครูเขา”
ดวงตาหมองเศร้าปรับเปลี่ยนตัดบทเป็นเรื่องอื่นอย่างรวดเร็ว ไม่อยากให้เพื่อนรักต้องมารับรู้เรื่องราวทุกข์ใจของเธอมากไปกว่านี้ และที่สำคัญ... ไม่อยากให้ค่ำคืนแห่งความฝันนั้นหลุดลอดออกจากห้วงจินตนาการ
ความฝันที่ชัดเจนทุกความรู้สึก ความฝันที่รบกวนจิตใจตั้งแต่แรกตื่นจนถึงบัดนี้ และความฝันที่ทำให้หัวใจเธออิ่มเอมอีกครั้ง แม้จะไม่รู้เลยว่าเด็กหนุ่มนั้นเป็นใครมีตัวตนอยู่จริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงจินตนาการจากหัวใจที่อ้างว้าง สร้างมโนภาพให้เธอมีความรู้สึก “รัก” เข้ามาเติมเต็มหัวใจที่โหยหาความรักและไออุ่นจากกายเนื้อนั้น... เพียงจินตนาการแห่งความสุขเธอก็ยังอยากที่จะเก็บมันไว้... ขอเพียงเท่านี้เท่านั้น
“มน แกสบายดีจริงๆ นะ ฉันเป็นห่วง”
“อืม... สบายดี ไม่ต้องเป็นห่วง”
“จะไม่ให้ห่วงได้ไง ก็ท่าทางแก... ปกติที่ไหนล่ะนั่น”
ท่าทางเหม่อลอยใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวของมนทิพย์ทำให้ทิวลิปรู้สึกไม่สบายใจเลยสักนิด
“สบายดีจริงๆ จ้า... ถ้าไม่สบายแล้วจะบอกทิวลิปเป็นคนแรกเลยดีไหม” ใบหน้างามที่ฝืนยิ้มเสียจนสุดกู่ไม่ได้ทำให้ใบหน้าสวยเฉี่ยวนั้นดีขึ้นเลย
“มน... ฉันเป็นเพื่อนแกนะ ปรึกษาได้ทุกเรื่อง แกก็รู้หนิ”
“จ้ะ... ทิวลิปเป็นเพื่อนรัก เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับมนนะ ทิวลิปก็รู้หนิว่ามนเป็นยังไง”
“ใช่ สินะ” ก็เพราะรู้น่ะสิว่ามนทิพย์เป็นอย่างไร ถึงได้ยิ่งเป็นห่วง คนที่เก็บความรู้สึกเก่ง คนที่ไม่เคยที่จะทำให้ใครเดือดเนื้อร้อนใจ คนที่ไม่เคยถือโทษโกรธใครเลย ทุกสิ่งทุกอย่างจึงถูกฝังเก็บมาโดยตลอด แล้วจะไม่ให้ห่วงได้ไง
“อืม... ไป เดี๋ยวฉันไปรับตาพฤกษ์ด้วยคน เดี๋ยวจะพาหลานชายไปกินไอศกรีมเสียหน่อย ไม่ได้เจอคนหล่อมาหลายวันแล้วด้วย”
มนทิพย์ยิ้มรับกับคำของเพื่อนสาว “ใช่” ตาพฤกษ์นั้นมีเคล้าที่จะหล่อเหลาเอาการเมื่อโตขึ้น เพราะรูปร่างหน้าตาที่ถอดแบบเขาคนนั้นมาอย่างไม่ผิดเพี้ยน โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้นที่ทำให้ทุกครั้งที่เธอมองสบมันเหมือนความรักของเขาไม่ได้ห่างหายไปจากตัวเธอเลยสักนิด ความรักของเขาทั้งหมดนั้นถ่ายทอดให้แก่ลูกชายเพียงคนเดียวของเธอกับเขา แววความรักที่ฉายอยู่ในดวงตาของลูกชายมันเหมือนกับว่าเขา... “ยังรักเธออยู่” ทั้งที่มัน “ตรงกันข้าม”
