บทที่ 5 เงียบหายไปเลย
มือน้อยที่ยกขึ้นจะเคาะประตูห้องเพื่อบอกคนในห้องว่าตนมาแล้วหยุดค้างกลางอากาศ ไม่รู้ทำไมฟองเบียร์ถึงได้ประหม่าถึงเพียงนี้ ทั้ง ๆ ที่คุยกับนาธานมาหลายปีแล้ว และเขาก็รู้ทุกเรื่องของเธอ แต่ทำไมหล่อนรู้สึกว่าตอนนี้คนในห้องไม่ใช่คนที่ตนรู้จักเลย ลางสังหรณ์บอกมาแบบนี้ ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ทันได้เข้าไปในห้องของผู้ป่วย
“เอาน่าอีฟองเบียร์ ไหน ๆ ก็มาแล้ว เขาก็แค่นักอ่านและเป็นแค่เพื่อนเอง” เมื่อคิดได้ดังนั้นก็เคาะประตูห้องทันที
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“เชิญครับ ประตูไม่ได้ล็อก” เมื่อสิ้นเสียงเคาะประตูก็มีเสียงตอบรับจากข้างในทันที มือน้อยบิดลูกบิดประตูช้า ๆ ด้วยหัวใจเต้นระรัว
แกร๊ก!
เสียงปิดประตูห้องแผ่วเบา และด้วยความเคยชินเมื่อปิดประตู ฟองเบียร์ก็เผลอกดล็อกประตูทันที เมื่อล็อกเสร็จเจ้าตัวก็เดินถือถึงผลไม้เดินไปยังเตียงของผู้ป่วยที่นอนหันหลังให้ตัวเองด้วยหัวใจสั่นระรัว
“คุณธานคะ ฉันมาเยี่ยมค่ะ” เอ่ยเรียกคนนอนหันหลังให้ พลางมองหาที่วางผลไม้ เมื่อเห็นโต๊ะรับแขกในห้องผู้ป่วยก็เอาถุงผลไม้ไปวางไว้ แล้วกลับมายืนข้างเตียงผู้ป่วยอีกครั้ง
“ฉันซื้อผลไม้มาเยี่ยมนะคะคุณธาน”
“ขอบคุณครับคุณฟองเบียร์” น้ำเสียงทุ้มบอกขอบคุณพร้อมกับขยับพลิกตัวมาหาฟองเบียร์ แล้วนาทีนั้นเอง เมื่อนักเขียนสาวได้เห็นใบหน้าหล่อ เจ้าหล่อนก็อ้าปากค้างเอามือทาบอก
“คุณ!"
“ครับ ผมนาธาน นักอ่านของคุณ”
นาธานเอ่ยยิ้ม ๆ ขยับตัวลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงพลางส่งสายตาทรงเสน่ห์ของตนจ้องมองร่างเล็กยืนข้างเตียงด้วยความสนใจ ร่างเล็กกะทัดรัด เอวเล็กที่ซุกซ่อนแอบอิงภายใต้เสื้อลายสกอตสีแดง กางเกงยีนส์ขาสั้นที่อวดเรียวขาเล็กและรองเท้าผ้าใบ มันเป็นอะไรที่เหมาะกับหล่อนมาก ๆ และการจ้องมองของนาธานทำให้ฟองเบียร์รู้สึกประหม่ากลัวจนต้องก้าวถอยห่างจากเตียงของเขาอย่างระแวดระวัง
“ฉันกลับแล้วนะคะ คุณก็ดีขึ้นมากแล้ว ไม่เห็นเจ็บป่วยหนักตรงไหนเลย”
ฟองเบียร์รู้สึกกลัวสายตาที่จับจ้องมาทางเธอเหลือเกิน ตอนนี้ฟองเบียร์รู้แล้วว่าตนโดนผู้ชายคนนี้หลอกมาตลอด และสัญชาตญาณก็บอกให้เธอถอยห่างจากผู้ชายบนเตียงผู้ป่วย และควรหนีไปให้ไกลจากสายตาคู่คมของบุรุษที่ชื่อว่านาธาน
“คุณกลัวผม?” เขาถามน้ำเสียงตัดพ้อ
“ใช่ ฉันกลัวคุณ คุณไม่น่าไว้ใจ และวันนั้นคุณก็ไม่ได้คุยโทรศัพท์กับเพื่อนที่ชื่อฟองเบียร์ด้วย แต่คุณเรียกฉัน และคุณก็รู้มาตลอดว่าฉันมีหน้าตายังไง” ฟองเบียร์ตอบพลางก้าวถอยห่างเตียงของเขาไปอีกก้าวเดิน
“ผมคิดว่าหลายปีที่เราคุยกันมันทำให้เราสนิทกันมากพอจะ...”
“ไม่เลยค่ะ ไม่สนิทเลย คุณไม่ใช่คุณธานที่ฉันรู้จักแล้วตอนนี้ ฉันขอตัวก่อนนะคะ และเราก็ไม่ต้องคุยกันอีกค่ะ ขอบคุณตลอดเวลาหลายปีที่เป็นเพื่อนพูดคุยและฟังเรื่องปัญญาอ่อนของฉันนะคะ”
เธอไม่อาจทนฟังคำอธิบายของชายหนุ่มได้ ตอนนี้หล่อนรู้สึกเจ็บตรงอกซ้ายเหลือเกินเมื่อถูกคนที่คิดว่าเป็นเพื่อนสนิทและเป็นคนที่เข้าใจเธอมากที่สุดหลอก แม้แต่ลลิตาก็ยังไม่รู้เรื่องของหล่อนเท่ากับชายหนุ่มคนนี้เลย แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว เขาเหมือนคนแปลกหน้าสำหรับหล่อนแล้ว
“เราต้องคุยกันก่อนฟองเบียร์” นาธานถลาไปตวัดเกี่ยวเอวเล็กเข้ามากอดอย่างถือวิสาสะ
"ว้าย! คุณจะทำอะไร เราไม่มีอะไรต้องคุยกันแล้ว มันจบแล้ว และนิยายฉัน คุณก็ไม่ต้องอ่านแล้ว ไปอ่านของนักเขียนท่านอื่นเถอะค่ะ” ร่างเล็กดิ้นรนหาอิสระ แต่ดูเหมือนยิ่งดิ้นรน คนตัวโตไร้มารยาทก็ยิ่งกอดรัดเอวของเธอแน่นขึ้นกว่าเดิม
“ผมจะปล่อยคุณไปได้ยังไง คุณไม่รู้สึกเหมือนผมบ้างเลยเหรอ” นาธานไม่ได้สนว่าคนในอ้อมกอดจะดิ้นรนหาอิสระ ชายหนุ่มเอาแก้มสากระคายไปด้วยหนวดเคราที่ไม่ได้ดูแลมาหนึ่งอาทิตย์แนบถูไปกับแก้มนวลของฟองเบียร์
“ฉันจะไปรู้สึกกับคนแปลกหน้าแบบคุณได้ยังไงกันคุณนาธาน...” เจ้าหล่อนเอ่ยเรียชื่อเขาเน้นย้ำ เพื่อตอกย้ำตัวเองว่าตนนั้นโดนชายหนุ่มหลอกมาตลอดหลายปีที่รู้จักกัน
“ทำไมพูดแบบนี้ฟองเบียร์ เรา...”
“อย่าใช้คำว่าเรากับฉัน และก็ปล่อยฉันได้แล้ว ฉันรังเกียจและขยะแขยงคุณ” มือเล็กแกะมือใหญ่ที่กอดรัดเอวเล็กของตัวเองออกแต่ก็ไม่เป็นผล เพราะเขากอดรัดหล่อนแน่นเหลือเกิน
“เห็นทีจะไม่ได้หรอกฟองเบียร์ เราต้องคุยกันก่อน อีกอย่าง เรียกผมเหมือนเดิมเถอะ ผมไม่อยากเป็นคนอื่นสำหรับคุณ ฟองเบียร์” เขาเอ่ยกระซิบเสียงอ่อนโยนชินริมหูของเจ้าหล่อน เอาเคราสากถูไถแก้มนวลเนียนไปมา
“ยะ...อย่า...อย่าทำกับฉันแบบนี้”
สาวเจ้าเอ่ยเสียงติดขัด เมื่อเคราสากของเขามันแนบถูไถกับแก้มนวลเนียน มันทั้งสากและระคาย และที่หนักไปกว่านั้นมือของเขาที่กอดรัดหน้าท้องแบนเรียบได้เคลื่อนมาอยู่ตรงราวนมและมือใหญ่ของนาธานกำลังคุกคามเต้าเล็กของหล่อนอยู่
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะฟองเบียร์ ผมกับคุณก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลกัน ทำไมจะทำไม่ได้” เอ่ยกระซิบเสียงพร่า มือใหญ่คุกคามบดคลึงเต้าเล็กกะทัดรัดของเจ้าหล่อนไม่หยุด และก็เป็นที่พึงพอใจเมื่อสาวร่างเล็กในอ้อมกอดเผลอหลุดครางกระเส่ารับ
“อือ…พะ...พอ....พอได้แล้วคุณนาธาน คุณอยากคุยอะไรกับฉัน ฉันก็จะคุย แต่ไม่ใช่ทำต่ำช้าแบบนี้กับฉัน” ร่างเล็กขืนตัวเองไม่ให้ตัวเองถูกคุกคามไปมากกว่านี้ พลางจับมือใหญ่ให้หยุดการบีบเคล้นหน้าอกของตน
“ผมรู้จักนิสัยคุณดีฟองเบียร์ คุยกันแบบนี้ดีที่สุดแล้วสำหรับเรา” ว่าแล้วก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงเหมือนเดิม โดยเกี่ยวร่างน้อยในอ้อมกอดนอนล้มไปกับตนด้วย ตอนนี้สาวเจ้าร่างเล็กนอนทาบทับบนร่างใหญ่ โดยมีท่อนแขนแข็งแรงกอดรัดไว้
“คุณจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้นะ ฉันเป็น...”
“คุณเป็นคนที่ผมอยากอยู่ใกล้ที่สุดตอนนี้ฟองเบียร์ อยู่กับผมนะคืนนี้ ผมขอแค่กอด คนดี” เอ่ยจบจูบซอกคอระหงแผ่วเบา จนร่างน้อยถูกล่วงเกินสั่นสะท้านไหวด้วยความร้อนเร่าในทรวงกาย
“ไม่ได้! นี่มันชีวิตจริง ไม่ใช่นิยายที่ฉันเขียนให้คุณอ่านนะที่คุณจะมาทำกับฉันแบบนี้” หล่อนค้านเสียงแข็ง ดิ้นรนไปมา แต่ก็เหมือนดิ้นเสียแรงเปล่า
“ทำไมจะไม่ได้ ก็ในเมื่อนิยายถูกเขียนจากเรื่องจริงทั้งนั้น หรือบางทีชีวิตจริงก็ยิ่งกว่านิยาย เหมือนเรื่องของเราสองคนไงที่รัก เรื่องของเราสองคนที่คุณไม่เคยคิดถึง แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว คุณรู้ไหม ผมเฝ้าแต่กอดจูบรูปถ่ายของคุณ แต่วันนี้ผมได้สัมผัสกายและกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากตัวคุณ มันวิเศษมากแค่ไหนฟองเบียร์”
ไม่มีทางปล่อยให้โอกาสดี ๆ แบบนี้หลุดมือไปได้หรอก ฟองเบียร์ไม่รู้หรอกว่าเขาทรมานแค่ไหนที่ไม่สามารถสัมผัสแตะต้องเนื้อตัวของหล่อนได้ ตลอดเวลาทำได้แค่เพียงกอดจูบและยิ้มให้กับรูปถ่ายที่นักสืบส่งมาให้ แต่ต่างจากตอนนี้ที่สามารถกอดจูบลูบคลำและสูดดมกลิ่นหอม ๆ จากร่างเล็กดิ้นรนเหนือร่าง และที่สำคัญ เขาสามารถทำได้มากกว่าที่เคยทำเสียด้วยซ้ำ
