บทที่ 2 อิโรติกสื่อรัก
บ่ายโมงแล้ว ฟองเบียร์ยังนอนแช่อยู่บนเตียงไม่ยอมขยับไม่ไหน มือเล็กเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่องโลกโซเชียล ส่องไปส่องมา คุยกับเพื่อนนักเขียนปกติเหมือนกับชีวิตประจำวัน ก่อนจะทักไลน์ไปหานาธานเหมือนกับทุก ๆ วันที่จะทำทุกครั้งเมื่อตื่นนอน
‘คุณธานคะว่างมั้ยคะ ฟองเบียร์มีเรื่องอยากคุยด้วยค่ะ’ ส่งข้อความไปไม่ถึงห้าวินาทีก็มีข้อความตอบกลับ
‘ว่างครับ’
“พอดีฟองเบียร์มาคิด ๆ ดูแล้วว่าไม่ไปสักลายใหม่ พอดีว่าตอนี้ก็ลายเต็มตัวแล้ว กลัวเนื้อคู่ฟองเบียร์ตกใจค่ะเวลา....กัน คริคริ’ กดส่งไปพร้อมสติ๊กเกอร์หัวเราะ
นาธานยิ้มขำกับข้อความที่สาวเจ้าส่งมา คิดได้ยังของเธอกันแน่
‘คนสวยจะสักเยอะแค่ไหนก็สวยครับ’ นาธานพิมพ์ข้อความกลับไปอย่างเอาใจ
‘ว่ามะคุณธาน ฟองเบียร์สวยทำยังไงก็สวยเนาะ’ หล่อนพิมพ์กลับไปพร้อมนอนกลิ้งหัวเราะชอบใจไปมาบนเตียง ก่อนจะพิมพ์ตอบไปอีก
‘สวยแค่ไหนคุณธานก็ไม่ได้เห็นฟองเบียร์หรอกค่ะ เพราะฟองเบียร์สวยลำพัง คริคริ’
หากฟองเบียร์รู้ว่าคนที่ตนคุยด้วยนั้นรู้เรื่องราวของตนละเอียดแค่ไหน หล่อนจะยังคุยกับชายหนุ่มอยู่อีกไหม ไม่ใช่แค่รายละเอียด หน้าตาของเธอ เขาก็เห็นบ่อยและเห็นทุก ๆ วันก่อนนอนด้วย กอดจูบลูบคลำรูปถ่ายที่นักสืบส่งมาให้ตลอด
นาธานยิ้มขำกับข้อความของคนน่ารักก่อนจะพิมพ์ตอบกลับไป
‘ไม่รู้สิครับ แต่ความรู้สึกของผมบอกว่าคุณสวย แค่นี้ก่อนนะครับ เลขาฯ ของผมมาคุยงานน่ะ’ เอ่ยตัดบทสนทนาพร้อมกับส่งสติ๊กเกอร์งานยุ่งมาให้
ฟองเบียร์เห็นข้อความพร้อมสติ๊กเกอร์ของชายหนุ่มก็เลยส่งสติ๊กเกอร์สู้ ๆ ไปให้กำลังใจเขา เมื่อได้คุยกับนาธานแล้ว เจ้าหล่อนก็ลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว เพราะวันนี้มีนัดทานข้าวกับเพื่อนที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
“ว่ายังไงคุณวิทวัส”
ทันทีที่เลขาฯ คนสนิททรุดกายลงนั่ง เขาก็ปรับสีหน้าให้เป็นเรียบเฉย เหมือนกับว่าก่อนหน้านี้เขาไม่ได้ยิ้มขำมาก่อนเลย วิทวัสรู้ดีว่านายหนุ่มของตนเป็นคนเช่นไร เวลางานจะเด็ดเดี่ยวดุดันแบบนี้เสมอ
“คือว่าวันนี้เราต้องไปงานมอเตอร์โชว์รถของเราที่ห้าง....ครับ”
“กี่โมงครับ”
“บ่ายสามโมงครับ”
“อืม อีกแค่ 30 นาที งั้นเราไปกันเถอะ กว่าจะไปถึง รถเมืองกรุงเทพฯ ยิ่งไม่ติดน้อยซะด้วย” เมื่อก้มมองนาฬิกาข้อมือก็ลุกขึ้นเดินนำเลขาฯ คนสนิทออกไปทันที วิทวัสเดินตามพร้อมกระเป๋าทำงานของนายหนุ่ม
เวลาผ่านไปไม่นานนาธานกับเลขาฯ ก็มาถึงงานมอเตอร์โชว์ เมื่อดูงานตรวจงานเรียบร้อย ชายหนุ่มก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำโดยสั่งให้เลขาฯ เดินดูรอบ ๆ งานเพื่อดูความเรียบร้อยอีกครั้ง
ระหว่างที่เดินไปเข้าห้องน้ำนั้นสายตาคู่คมก็ไปสะดุดกับร่างเล็กผมยาวสลวย กางเกงขาสั้น เสื้อยืดเอวลอย สะพายถุงย่ามเดินพูดคุยกับเพื่อนผ่านหน้าตัวเองไปอย่างถึงพริกถึงขิง แล้วจังหวะนั้นเองเขาก็ร้องเรียกชื่อของคนตัวเล็ก
“ฟองเบียร์”
“คะ?”
เจ้าของชื่อขานรับพร้อมหันเอี้ยวมามองทางต้นเสียงที่หยุดยืนอยู่ห่างไม่กี่ก้าว ฟองเบียร์กับเพื่อนตกตะลึงในความหล่อของชายแปลกหน้า
ให้ตายเถอะนึกว่าเทพเจ้าองค์ไหนเรียก หล่อโคตร ๆ เลยไอ้ฟองเบียร์
ฟองเบียร์ชื่นชมชายแปลกหน้าในใจ ก่อนจะสะบัดมือของเพื่อนรักที่เกาะเกี่ยวแขนตนเองออก แล้วเดินมายืนประจันหน้าชายแปลกหน้าพร้อมส่งกับมองสำรวจชายหนุ่มตรงหน้าที่ใส่แบรนด์เนมทั้งตัว แล้วใบหน้าหล่อก็แต่งเติมด้วยแว่นตาอีก
โคตรดูดีเลยว่ะ
“ขอโทษนะคะ เรารู้จักกันเหรอคะ” ฟองเบียร์ถามชายหนุ่มที่เอาแต่ยืนนิ่งจ้องมองตน พร้อมเดินวนรอบตัวของเขาอย่างสำรวจ “ฉันแน่ใจว่าเราไม่เคยรู้จักกัน แล้วทำไมคุณรู้จักชื่อฉันคะ”
นาธานไม่ได้ยินน้ำเสียงหวานแหบของเจ้าหล่อนเลย ตอนนี้สายตาบุรุษจับจ้องริมฝีปากอวบอิ่มน่าสัมผัสเคล้าคลึง ราวกับต้องมนต์สะกดจากนักเขียนสาว
“คุณคะ ฉันถามไม่ได้ยินรึไงคะ” ฟองเบียร์เพิ่มเสียงให้ดังขึ้น และนั่นแหละนาธานถึงได้สติกลับมา
“ฟองเบียร์อย่าไปยุ่งกับเขาเลยแก” เพื่อนสนิทของฟองเบียร์พยายามฉุดดึงเพื่อนหนีออกจากตรงนี้ เพราะรู้สึกผู้ชายหน้าตาดีตรงหน้าเพื่อนไม่น่าไว้ใจเอาเสียเลย
“ไม่แก ฉันต้องรู้ก่อนว่าเขารู้จักชื่อฉันได้ยังไง”
นาธานมองสองสาวพูดคุยกันอย่างสนใจ ชายหนุ่มเผลอยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยตอบ พลางล้วงเอาโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าเสื้ออกมาโชว์
“คุณชื่อฟองเบียร์เหรอครับ ชื่อเหมือนเพื่อนผมเลย พอดีเมื่อกี้ผมคุยโทรศัพท์น่ะ”
“นั่นไงแก แกเข้าใจผิดไปเอง เขาไม่ได้เรียกชื่อแก” ลลิตาเอ่ยบอกเพื่อน
“งั้นเหรอคะ งั้นขอโทษด้วยนะคะที่เสียมารยาท” ฟองเบียร์ส่งยิ้มแห้ง ๆ ให้คนแปลกหน้าก่อนจะรีบดึงลลิตาเดินออกจากตรงนี้อย่างเร่งรีบด้วยความเขินอาย โดยไม่สนใจจะฟังคำพูดของชายหนุ่ม
"หึหึ"
นาธานมองตามแผ่นหลังเล็กไปด้วยความขบขัน ก่อนจะเดินไปทำธุระของตนต่อ เขาไม่คิดเลยว่าจะได้เจอคนตัวเล็ก และตอนนี้เขาก็ปวดร้าวกลางหว่างขาเหลือเกิน เพียงแค่เห็นร่างน้อยเขาก็เกิดความปรารถนาร้อนขึ้น
