2 งูพิษ (3)
กาเรมถึงกับสะดุ้ง นางหันไปมองหน้าเจ้าของน้ำเสียงดุดัน ก่อนถ่มเลือดในปากทิ้ง แล้วนางก็เห็นชีคหนุ่มยกมือห้าม
“ไม่มีอะไร เขาช่วยเราไว้”
อาลีหันมามองขอทานน้อยอย่างไม่ไว้ใจ เมื่อนึกได้เขาก็หันไปหาผู้ติดตามที่ถูกงูกัด อาลีปฏิบัติเช่นเดียวกับหนุ่มน้อยอย่างเข้าใจอะไรมากขึ้น
หญิงสาวถ่มน้ำลายที่ยังมีคาวเลือดทิ้ง แล้วเงยหน้ามองชายหนุ่มอีกครา หนวดเคราที่ขึ้นรกใบหน้านั้นกาเรมไม่ได้สนใจอะไรมากไปกว่าดวงตาสีนิลกาฬนั่น เหมือนมีอำนาจบางอย่างแฝงอยู่ในนั้น
ใช่กาเรมสัมผัสมันได้...
“ขอบใจเจ้ามากเจ้าหนุ่มน้อย เราเป็นหนี้เจ้าแล้ว”
น้ำเสียงอ่อนโยนฟังเพราะหูดังขึ้นอีกครั้ง กาเรมถึงกับหน้าร้อนวูบ เสมองใครอีกคนที่ก้าวเข้ามา
“ให้กระผมช่วยนะขอรับ” อาลีทำท่าว่าจะช่วยพยุงชีคหนุ่ม
“ไม่ต้อง เราเดินเองได้”
สีหน้าของอาลียังห่วงใย “ไปโรงหมอดีกว่านะขอรับ”
“กลับที่พักเถอะ ที่นั่นมียา” คำกล่าวของชีคอาร์เรมัลถือเป็นบทสรุป แล้วเขาก็หันไปหาเจ้าขอทานน้อย
“ไปเจ้าหนุ่ม ไปกับข้า”
อาร์เรมัลหันมามองเจ้าหนุ่มน้อยหน้าตามอมแมมที่สูงประมาณหัวไหล่เขา แต่สีหน้าของหนุ่มน้อยดูไม่สู้ดีนัก แล้วชีคหนุ่มก็มองตามสายตาของหนุ่มน้อยไป
“ทางการ” ชายหนุ่มเอ่ยเบา ๆ พลางเลิกคิ้ว
พอหันกลับมามองขอทานน้อยที่ได้ช่วยชีวิตเขาไว้ เขาก็พบว่าหนุ่มน้อยนั่นกลับหลังหันวิ่งหนีไปเสียแล้ว เขาเห็นเครื่องดนตรีที่สะพายหลังห่างออกไปจนกลืนหายไปในความมืดของรัตติกาล
“วณิพก...” เสียงนั้นแผ่วเบายิ่งนัก ชีคอาร์เรมัลทอดสายตาอ่อนโยน ก่อนเปลี่ยนมาเป็นสายตาดุดันเมื่อตวัดไปมองเจ้าสองโจรที่ถูกจับกุม
“กลับ” เสียงนั้นสั้นและห้วน แต่ผู้ติดตามก็รับคำสั่งโดยไม่ต้องพูดกันให้มากความ...
กาเรมล้มตัวนอนบนเศษกองฟางในบ้านร้างปรักหักพังหลังคาโหว่ นางเงยหน้ามองดวงจันทร์นิ่ง นานราวกับไม่เคยเห็นมาก่อน
แสงจันทร์นวลขาวเกือบเต็มดวงกอปรกับลมยามดึกทำให้จิตนาการของกาเรมล่องลอย มือสองข้างผสานที่ท้ายทอยหนุนต่างหมอน และนางยังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
สายตาดำดุจนิลกาฬคู่นั้นยังลอยอยู่ในมโนภาพ ผู้ชายตัวโตคนนั้นคือชีคอาร์เรมัล แม้จะผิดจากตาแก่หนวดยาวที่กาเรมจินตนาการไว้ แต่เขาก็มีอิทธิพลกับนางนัก
“ป่านนี้ท่านชีคอาร์เรมัลจะทำอะไรอยู่นะ” กาเรมพึมพำกับตัวเอง ความคิดถึงยังส่งถึงบุรุษทะเลทราย
แล้วเสียงหอนยาว ๆ ของสุนัขจิ้งจอกทะเลทรายก็ดังขึ้น แม้เสียงเย็นเยือกจะอยู่ไกลพอสมควร แต่มันก็ทำให้กาเรมรู้สึกขนลุกวังเวงอย่างบอกไม่ถูก หญิงสาวอ้าปากหาวหวอดแล้วข่มตาลง
“หลับเถอะกาเรม วันพรุ่งนี้กำลังรออยู่” หญิงสาววางมือบนเครื่องดนตรี นางลูบเบา ๆ แล้วหลับไป...
ณ ค่ายพักแรมของชีคอาร์เรมัล...
“แผลเป็นอย่างไรบ้าง?” ชีคหนุ่มทิ้งกายนั่งข้าง ๆ ผู้ติดตามนาม ‘อานนท์’ ที่ได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้ น้ำเสียงห่วงใยส่งตรงให้ผู้ป่วย โดยมีอาลีคอยติดตามอยู่ไม่ห่างกาย
“ไม่ค่อยปวดแล้วขอรับ”
ชายหนุ่มพยักหน้า คลายกังวลลง
“อาลีหาคนดูแลอานนท์ด้วย”
“ขอรับนายท่าน” อาลีรับคำแล้วออกไปถ่ายทอดคำสั่งให้ลูกน้องผู้ติดตามอีกทอดหนึ่ง
“เจ้าพักเถอะอานนท์ หายดีแล้วค่อยมาปฏิบัติหน้าที่”
มือหนาตบไหล่ลูกน้องเบา ๆ ก่อนจะก้าวออกจากกระโจมไป
สายตาอานนท์ที่มองชายหนุ่มมานั้นเปี่ยมไปด้วยความตื้นตันใจที่ท่านชีคมาเยี่ยมถึงกระโจมที่พัก แต่อานนท์ก็แปลกใจใช่น้อย เพราะเขารู้ว่าชีคอาร์เรมัลก็ถูกงูกัดเช่นกัน แล้วทำไมเขาถึงไม่มีอาการอะไรเลย
ฤามัจจุราชแห่งทะเลทรายไร้ความรู้สึก...
ชีคหนุ่มม้วนผ้าสีหม่นเล่นในอิริยาบทแสนสบาย แต่ในหัวของชายหนุ่มกลับนึกถึงแต่เจ้าของชายผ้า ดวงตาสุกใส งามดุจอัญมณีชั้นเลิศของเจ้าหนุ่มน้อยคู่นั้นฉายแววกังวลและตื่นตระหนกอยู่เต็มเปี่ยมในมโนภาพ
เหตุไฉยเจ้าหนุ่มน้อยถึงได้ดูหวาดระแวงตลอดเวลา ทั้ง ๆ ที่เจ้าหนุ่มนั่นตั้งใจช่วยเหลือเขา
แล้วห้วงภวังค์ของอาร์เรมัลก็ถูกเปลี่ยนเป็นภาพทารกดาเรีย หากดาเรียยังมีชีวิตอยู่แล้วตกอยู่ในสภาพนั้น นางจะเป็นอย่างไรบ้าง
ชายหนุ่มสะบัดหน้าไล่ความคิดนั้นออกจากหัว พร้อมเตือนตัวเอง ‘ชักไปกันใหญ่แล้วอาร์เรมัล’
ชายหนุ่มปรายตาไปยังทางเข้ากระโจมทันทีเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า
