1 วณิพกกาเรม (4)
เสียงดนตรีแสนไพเราะถูกบรรเลงโดยวณิพกกาเรม หญิงสาวแอบเรียกตัวเองเช่นนั้นเพราะฟังแล้วดูดีกว่าขอทานยาจกเยอะเลย
เครื่องดนตรีประเภทสายแม้จะเก่า แต่เสียงของมันยังดี ยิ่งอาศัยฝีมือการบรรเลงของกาเรมด้วยแล้ว ทำให้เด็กหนุ่มเร่ร่อนดูขะมุกขะมอมในสายตาผู้พบเห็นได้รับอัฐอยู่ไม่น้อย
ที่เมืองนี้ผู้คนค่อนข้างพลุกพล่าน นั่นหมายความว่าโอกาสงาม ๆ ที่จะได้รับเงินจากผู้ใจดีมีมากขึ้นด้วย กาเรมไม่ร้องเพลงเหมือนที่เคย เพราะน้ำเสียงเล็กแหลมของนางจะทำให้ใคร ๆ รู้ว่านางเป็นหญิงและนางอาจจะได้รับอันตราย
แสงแดดที่แผดเผาทำให้หญิงสาวต้องหาที่ร่มเพื่อหลบพัก กาเรมมองอัฐจำนวนหนึ่งที่ได้มาในวันนี้ นับว่ามากพอดูสำหรับรายรับต่อวัน สายตาของหญิงสาวเมียงมองผู้คนแปลกหน้าเดินผ่านไปมาอย่างให้ความสนใจ
บางคนแต่งตัวดีบ่งบอกถึงฐานะความเป็นอยู่ บางคนแต่งกายธรรมดาด้วยชุดพื้นเมืองผ้าทอมือ แล้วสายตาของหญิงสาวต้องหยุดลงเมื่อหันไปเห็นชายฉกรรจ์สองคนที่แต่งตัวแปลกจากใครอื่น ความจริงมันก็ไม่มีอะไรน่าติดใจ
แต่ที่ทำให้กาเรมอดสงสัยไม่ได้ เป็นเพราะท่าทางหลบ ๆ ซ่อน ๆ มีพิรุธนั่น กาเรมจึงแอบติดตามไปเงียบ ๆ
กาเรมเดินตามคนพวกนั้นไปโดยทิ้งระยะห่างพอสมควร เมื่อคนทั้งสองหยุดลง หญิงสาวก็รีบซ่อนตัวอยู่ด้านข้างของกระโจมหลังเล็กเงียบ ๆ แต่หูยังฟังเจ้าสองคนพูดคุยกันอย่างตื่นเต้น
ซึ่งกาเรมไม่รู้เลยว่าตลอดเวลาที่นางเคลื่อนไหวนั้นได้มีสายตาสามคู่จากมุมมืดจับจ้องมาที่นางอย่างมาดหมาย...
“เจ้าแน่ใจได้อย่างไรว่าเจ้านั่นคือชีคอาร์เรมัล”
ชื่อยาว ๆ ที่หลุดออกจากปากหนึ่งในสองของพวกมันทำให้กาเรมหูผึ่ง มีหรือที่นางจะจำนามผู้มีคุณไม่ได้
“ข้าเคยประมือกับชีคนั่นมาครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว ตอนนั้นนายข้าถูกสังหาร ข้ารอดมาได้แต่สาหัสพอดู” คนตัวเล็กเค้นเสียงตอบด้วยความแค้นที่ยังไม่จางหาย
“ค่าหัวเท่าไหร่?”
ผู้ถูกถามตอบจำนวนเงิน ซึ่งเงินจำนวนนั้นมากมายมหาศาลเรียกว่ากินอยู่อย่างสบายได้ไปเป็นชาติเลยทีเดียว
“ดี หากงานสำเร็จเราแบ่งกันครึ่ง ๆ คนละห้าสิบห้าสิบ”
กาเรมรีบเอามือปิดปากเงียบกลัวว่าน้ำเสียงอุทานจะเล็ดลอดออกมา
‘ตายล่ะหว่าชีคชื่อยาวนั่นกำลังจะถูกฆ่า ทำไงดี’ หญิงสาวคิดในใจ
‘จะเตื่นภัยเขาอย่างไรดี?’ คำถามดังขึ้นในหัวด้วยความห่วงใย หน้าตาชีคอาร์เรมัลเป็นเช่นไร นางก็ไม่เคยเห็น นางได้ยินแต่ชื่อของเขาเท่านั้น แล้วหญิงสาวก็เงี่ยหูฟังพวกมันคุยกันต่อ
“ข้ารู้มาว่าคืนนี้ชีคอาร์เรมัลจะผ่านเส้นทางนี้ เราชิงลงมือได้” ลูกสมุนโจรที่รอดชีวิตเอ่ยขึ้น
“แล้วเจ้าจะลงมือยังไง?”
“เดี๋ยวก็รู้”
เสียงนั้นเยือกเย็นนัก กาเรมรู้ว่าเจ้าสองคนนี้ไม่ปล่อยชีคอาร์เรมัลแน่ ยิ่งมีค่าหัวจำนวนมหาศาลล่อใจอยู่ด้วย พวกมันฆ่าเขาแน่
กำลังจะเผ่นหนี แต่แล้วกาเรมก็สะดุ้งโหยงเพราะมีก้อนหินไม่รู้ทิศทางถูกโยนข้ามหัวมาตกตรงหน้า หญิงสาวตั้งใจจะผละหนีแต่ก็สายไป เพราะเจ้าสองตัวนั่นรู้ตัวว่ามีคนแอบฟังสิ่งที่พวกมันพูดกัน
“จะไปไหนเจ้าหนู” เสียงนั้นดังขึ้น พร้อมถูกดักหน้า
“เอาไงกับเจ้านี่ดี?”
คำปรึกษาและสายตาเย็นเยือกไร้แววแห่งความปรานีทำเอากาเรมสะท้านเยือก หญิงสาวมองทั้งสองด้วยแววตาหวาดกลัวใบหน้าขาวซีด แต่นางก็บอกตัวเองให้ใจเย็นเข้าไว้
หญิงสาวเกาหัวมองหน้าคนทั้งสองแบบไม่รู้ไม่ชี้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พลางก้มหน้าก้มตาดีดบับซอส่งเสียงร้องเพลงเกร็งลิ้นแข็งดั่งคนใบ้
ท่าทางของกาเรมทำให้ไอ้สองคนนั่นต้องหันมองหน้ากัน
“โธ่ ลูกพี่จะเอาอะไรกับคนใบ้ มันได้ยินเราพูดหรือเปล่ายังไม่รู้เลย”
ใครคนหนึ่งพูดขึ้นแต่กาเรมไม่ได้หันไปมอง ในใจได้แต่ภาวนาขอให้เทพีแห่งโชคเข้าข้างนาง
กาเรมได้ยินที่พวกมันพูดแล้วใจชื้นขึ้นมาบ้าง นางทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ตีหน้าซื่อร้องเพลงที่คิดว่าไพเราะที่สุดตามประสาคนใบ้ก่อนจะเดินห่างไปทีละก้าวอย่างใจเย็น
“เดี๋ยวก่อน!”
คนตัวเตี้ยไม่ไว้วางใจ หากนางหยุดก็หมายความว่านางได้ยิน ไม่ได้หูหนวกอย่างที่พวกมันเข้าใจ นั่นล่ะนางอาจได้รับอันตราย นางจึงทำเป็นไม่ได้ยินไป
“เจ้าใบ้”
เสียงเรียกดังขึ้นอีก แต่กาเรมก็ทำเป็นดีดบับซอไม่รู้ไม่ชี้ออกห่างไปเรื่อย
“ตะโกนให้คอแตกมันก็ไม่ได้ยินหรอก เชื่อข้าเถอะ จะไปสนใจพวกขอทานทำไม เอาเวลามาวางแผนกันดีกว่าว่าเราจะเด็ดหัวเจ้าอาร์เรมัลอย่างไร”
คนตัวเตี้ยทิ้งสายตามาที่กาเรมอีกครั้งก่อนจะผละไปเงียบ ๆ นั่นล่ะหญิงสาวถึงกับถอนหายใจโล่ง
‘คนพวกนี้ร้ายกาจนัก ขนาดคนเฒ่าคนแก่ก็ยังไม่เว้น’ กาเรมคิดในใจ
หากชีคอาร์เรมัลเป็นนายของชาวเบดูอินผู้ใจดีคนนั้น อายุของชีคนั่นคงไม่น่าจะต่ำกว่าห้าสิบปี
‘เอ๋...หรือเขาจะอายุมากกว่านั้นนะ’ หญิงสาวงึมงำกับตัวเองเบาๆ และไม่มีคำตอบอีกเช่นเคย
แต่กาเรมรู้ว่าได้เวลาเตรียมตัวเช่นกัน เพราะคืนนี้มีงานใหญ่รออยู่ เมื่อกาเรมจากบริเวณนั้นไปแล้ว ฝีเท้าของคนทั้งสามที่แอบสะกดรอยตามกาเรมอย่างเงียบกริบก็เป็นอันตรธานหายเช่นกัน...
