1 วณิพกกาเรม (3)
“มีจดหมายจากท่านชาร์มาขอรับ”
เสียงห้วนห้าวภายนอกกระโจมเรียกให้คนสนิทนาม ‘อาลี’ ออกมารับจดหมายจากบุรุษผู้นั้น แล้วอาลีก็นำสาสน์มาส่งให้ชีคอาร์เรมัล อับดุลราเชน ผู้เป็นนายอย่างนอบน้อมอีกที
ชายหนุ่มผู้มีดวงตาสีนิลดูทรงอำนาจรับสาสน์นั้นมาเปิดอ่านอย่างสนใจ ตราประทับสีแดงรูปเหรียญทองสัญลักษณ์พ่อค้านามชาร์มาโดดเด่นอยู่บนหัวกระดาษ พออ่านจบชีคหนุ่มก็ถอนหายใจออกมายาว
“เกิดอะไรขึ้นหรือขอรับ?” อาลีถามอย่างให้ความสนใจ
“ชาร์มาได้ข่าวว่าสมุนโจรทะเลทรายที่ลงมือสังหารครอบครัวอัลนาจาห์ ถูกทางการปราบไปเมื่อหลายปีก่อน”
“โดยมีท่านชาร์มาและนายท่านเป็นผู้ร่วมกวาดล้าง”
อาลีต่อความให้ ชายหนุ่มพยักหน้าแล้วส่งจดหมายให้กับอาลีอ่าน คิ้วที่ขมวดเข้าหากันของอาลีทำให้ชีคหนุ่มต้องเลิกคิ้ว
“ดูท่านหนักใจกว่าเราซะอีกนะ อาลี”
อาลียิ้มบาง “มิได้นายท่าน กระผมเพียงสงสัยว่าเจ้าโจรกลุ่มนี้ทำไมถึงไม่ยอมเปิดปาก”
“ความว่าพวกนี้นอกจากปล้น ฆ่า ชิงเสบียงแล้ว พวกมันยังค้ามนุษย์ สาเหตุที่ไม่เปิดปากอาจเป็นเพราะกลัวทางการกวาดล้างลูกสมุนที่ยังกบดาน” ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนพลางเอามือลูบปลายคางทำท่าครุ่นคิด
“เป็นไปได้ไหมว่าน้องดาเรียอาจถูกขายไป”
“มีความเป็นไปได้สูง แต่กระผมภาวนาไม่ให้เป็นเช่นนั้น” อาลีตอบตามความคิด เพราะหากคุณหนูดาเรียถูกขายไป ชีวิตของนางคงน่าสงสารมากนัก
“บางทีโชคชะตาอาจเล่นตลก เราไม่เคยรังเกียจเลย หากดาเรียยังมีชีวิตอยู่ไม่ว่านางจะอยู่ในสภาพไหน ขอเพียงนางยังไม่แต่งงาน เราก็พร้อมที่จะรับนางและรักนางในฐานะภรรยา” ชีคหนุ่มเอ่ยตามความรู้สึก
“นายท่านขอรับนอกจากสร้อยคอประจำตระกูลท่านแล้ว พอมีอะไรที่พอจะพิสูจน์และแสดงตัวว่านางคือคุณหนูดาเรียได้บ้างขอรับ”
คำถามของอาลีทำให้ชีคหนุ่มนิ่งไป
“เรารู้แค่ว่า ตอนนี้อายุนางคงประมาณสิบเก้า”
‘และนางคงเป็นสาวเต็มตัวแล้ว...’ ความคิดนั้นไม่ถูกเอ่ยออกมา
“ขอเครื่องเขียนให้เรา บางทีเราอาจได้อะไรที่มากกว่านั้นจากชาร์มา”
“ขอรับ” อาลีน้อมรับคำสั่ง
ชีคอาร์เรมัลคือ สหายคนสนิทของชาร์มา ครอบครัวของทั้งสองยึดอาชีพค้าขายเหมือนกัน ด้วยความสนิทและรักใคร่ชอบพอกันมานาน ทั้งสองครอบครัวจึงมีความคิดที่จะดองทั้งสองตระกูลเข้าด้วยกัน พวกเขาจึงได้หมั้นหมายบุตรสาวคนเล็กของตระกูลอัลนาจาห์ อิบรารัมไว้ให้กับอาร์เรมัล
อาร์เรมัลในครานั้นยินดีและเต็มใจอย่างยิ่งที่จะรับดาเรียเป็นคู่หมั่น แม้ตอนนั้นเขาจะมีอายุเพียงสิบปีเศษก็ตาม
ทารกน้อยแก้มแดงผิวขาวยังติดตรึงอยู่ในความทรงจำตลอดมา เขาเคยขโมยหอมแก้มนางบ่อย ๆ ยามที่นางหลับใหล แต่นั่นล่ะเวลาผ่านมาร่วมยี่สิบปีแล้ว จะมีใครจำคุณหนูดาเรียได้
พอเขียนจดหมายเสร็จอาร์เรมัลก็เป่าปาก เจ้านกอินทรีถูกฝึกมาอย่างดีบินมาหาเจ้านายของมันทันที ชายหนุ่มมัดอะไรบางอย่างที่ข้อเท้าของมัน
“นำไปส่งให้ชาร์มา”
สิ้นคำผ้าผืนบางที่ช่องหน้าต่างกระโจมเปิดขึ้นโดยอาลี เพื่อให้เจ้านกอินทรีนั้นบินผ่านไปได้ ดวงตาสีนิลกาฬมองตามเจ้าซีเรียงสยายปีกจนลับตา โดยที่อาลีอ่านความรู้สึกไม่ออก
“นายท่าน มีพ่อค้าชาวเบดูอินขอเข้าพบขอรับ”
คนรายงานยืนอยู่เพียงด้านนอกของกระโจมเท่านั้น ชายหนุ่มพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต
“ให้เข้าพบได้” อาลีกล่าวแทนเจ้านาย
ใคร ๆ ก็อยากทำการค้ากับชีคหนุ่มผู้มั่งคั่งทั้งนั้น ด้วยความไม่ถือเนื้อถือตัวกอปรกับความชอบช่วยเหลือผู้ตกยาก ชีคอาร์เรมัลจึงเป็นที่ยกย่องและนับถือของชาวเบดูอินเร่ร่อน
พวกเขากล่าวขานถึงชีคอาร์เรมัล อับดุล ราเชน เป็นเยี่ยงวีรบุรุษในทะเลทรายก็ว่าได้ ซึ่งรวมถึงคำนำหน้าที่พวกชาวเบดูอินเติมให้ ทั้งที่ชายหนุ่มไม่เห็นด้วย...
แต่อาร์เรมัลก็พูดติดปากเสมอ ‘เราเป็นเพียงพ่อค้า ไม่ใช่ท่านชีค’
แม้เขาจะปฏิเสธกับคำนำหน้านามอันทรงเกียรติ หากแต่ชาวเบดูอินเผ่าทูยะนั้นต่างก็คงยกย่องเขาในฐานะท่านผู้นำ
ทุกคนรู้จักเขาแค่ว่า เขาเป็นชายหนุ่มผู้รักชีวิตอิสระ หลงใหลในเสียงดนตรี และนั่นเป็นเพียงด้านเดียวที่คนทั่วไปรู้จัก หากแต่อีกด้านหนึ่งนั้นกลับโหดร้าย เลือดเย็นโดยเฉพาะกับกองโจร การสูญเสียครอบครัวตระกูลอัลนาจาห์ อิบรารัม มีส่วนทำให้ชายหนุ่มเป็นเช่นนั้น...
เขาได้ปฏิญาณตนต่อหน้าบิดาของชาร์มา ว่าเขาจะปราบโจรเหล่านี้ให้สิ้น เพื่อแก้แค้นให้กับนายหญิงและครอบครัวสหายรักรวมถึงการนำตัวดาเรียกลับมา
สิ้นคำปฏิญาณชายคหบดีไซคานผู้เป็นบิดาของชาร์มาก็สิ้นใจตามภรรยาไปอีกคน และนั่นก็นำมาซึ่งความโศกเศร้าให้กับเขาและชาร์มายิ่งนัก
