5. สงสัยแต่ไม่ได้คำตอบ
“ที่นี่ไม่มีความเชื่อเช่นนั้นเลยค่ะ คนทำบาปจะมาล้างบาปด้วยน้ำไม่ได้หรอกค่ะต้องล้างด้วยจิตใจที่ใสสะอาด ด้วยการละทำบาปทั้งปวง ถ้าคุณฐานิกา มาช่วงเดือนมกราคมจะมีพิธีปฏิบัติธรรมริมฝั่งแม่น้ำมามุนีค่ะ ทุกคนจะใส่ชุดขาวมานั่งเพ่งมองที่แม่น้ำสายนี้ เพื่อให้เกิดสมาธิเพราะความใสสะอาดของน้ำจะช่วยให้ระลึกถึงสิ่งที่เคยทำไม่ดีเอาไว้และสัญญาว่าจะกลับตัวกลับใจทำแต่สิ่งที่ดีงามให้จิตใจใสสะอาดเหมือนแม่น้ำมามุนี”
เซเรน่า ให้ข้อมูลเพิ่มเติมต่อจาก มาตาจี
ฐานิกา พยักหน้าด้วยความสนใจ เธอเห็นว่าแม่น้ำ มานุนีใสสะอาดจริง ๆ ไม่มีเศษขยะหรือกลิ่นเหม็นเลย นับว่าประเทศนี้สามารถรักษาความสะอาดได้อย่างน่าชื่นชม และเท่าที่เดินทางผ่านมาก็เห็นแต่ความสะอาดตา และที่แปลกคือฐานิกา ยังไม่เห็นมีแหล่งเสื่อมโทรมอย่างพวกสลัมของเมืองนี้เลย เธอคิดว่าอาจจะเป็นเพราะผู้คนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีกระมัง จึงไม่เห็นมีพวกเร่ร่อนหรือพวกขอทานให้เห็นเลย หรือว่าอาจจะเป็นเพราะความเข้มงวดของกฎหมายที่ห้ามมีพวกเร่ร่อนขอทานก็เป็นได้
“ดีจังเลย มีการปฏิบัติธรรมเหมือนที่ศาสนาพุทธในประเทศไทยของฉันทำเลยค่ะ”
“แต่ที่นี่เรียกว่าบูดาค่ะเป็นศาสนาดั้งเดิมของพวกเราชาวบูซาน..แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้เปลี่ยนแปลงไปบ้าง”
“เช่นอะไรคะ” ฐานิกาถามด้วยความสนใจ
“เอ้อ..เมื่อห้าปีก่อนจะเคร่งครัดในการรักษาศีลมากกว่าค่ะโดยเฉพาะวันสำคัญต่าง ๆ เพราะพวกเราชาวบูซาน อุ๊ย..ชาวสินาการ์เดียน ไม่ดื่มเหล้าหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เลย และจะไม่มีวางขาย ไม่มีบ่อนการพนันให้เห็น แต่ตอนนี้เริ่มมีผับมีบาร์ให้ประชาชนไปใช้บริการได้แล้วค่ะ เมื่อก่อนนี้ก็จะเป็นของชาวต่างชาติและให้บริการเฉพาะชาวต่างชาติ” เซเรน่า เป็นคนพูด
“ดีจังเลย ฉันอยากจะให้ประเทศของฉันเป็นแบบนี้บ้างจัง” ฐานิกาแสดงความเห็นส่วนตัว
“ฉันก็อยากจะให้ประเทศของฉันเป็นเหมือนเมื่อห้าปีก่อนมากกว่าค่ะ ที่ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงไปตามกระแสโลกมากมาย แต่ทำไงได้ล่ะคะในเมื่อการเมืองการปกครองเปลี่ยนไป นโยบายของรัฐบาลเปลี่ยน เราก็ต้องยอมรับ และนโยบายที่เปลี่ยนอีกอย่างหนึ่งก็คือด้านการท่องเที่ยวค่ะ” มาตาจีเล่า
“เปลี่ยนยังไงคะ” ฐานิกาถาม
“เมื่อก่อนนี้ ประเทศของเราไม่ได้เปิดรับนักท่องเที่ยวอย่างเสรี จะมีการจำกัดปริมาณนักท่องเที่ยวในแต่ละปี เราจะเน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณค่ะ แต่ว่าตอนนี้ก็จะเปิดรับอย่างเต็มที่ ถึงได้มีการประชาสัมพันธ์กันอย่างมากในช่วงนี้ไงคะ”
“แล้วรายได้หลักของประเทศมาจากด้านไหนคะ”
ฐานิกา ถามเพื่อเป็นข้อมูลสำหรับการนำไปบรรยายลงในรายการ
“จากอัญมณีและหินสีค่ะ เรามีชื่อเสียงด้านนี้เป็นที่ยอมรับของทั่วโลก เรามีโปรแกรมที่จะพาคุณไปชมแหล่งผลิตอัญมณี และหินสี ที่มีชื่อเสียงที่สุดของสินาการ์เดียด้วยค่ะอยู่ที่ภาคเหนือชื่อเมืองซาร์มอง” มาตาจีตอบ
“โอ..จริงหรือคะตื่นเต้นจัง ฉันทราบมาว่าเมืองซาร์มอง อยู่ติดกับเทือกเขาหิมาลัยด้วยใช่ไหมคะ”
“ถูกต้องค่ะ เป็นเมืองที่สวยมาก คุณจะได้ไปแน่นอนค่ะมิสฐานิกา” เซเรน่า บอกด้วยรอยยิ้ม
“ออกจากที่นี่แล้วเราจะไปที่ไหนต่อคะ”
“พระราชวังจำลองค่ะ” เซเรน่าบอก
ที่พระราชวังจำลอง ฐานิกาต้องเดินบันทึกภาพตามคนนำเที่ยวทั้งสองโดยไม่ปริปากบ่น แม้ว่าจะต้องเดินชมโดยรอบเป็นเวลาเกือบชั่วโมงแต่ก็ยังไม่ทั่วถึง
“พระราชวังเปตาบาฮะดูร์ ของจริงจะกว้างขวางใหญ่โตมากกว่านี้หลายเท่าค่ะ” เซเรน่า บอก
“นี่แค่พระราชวังจำลอง ฉันก็เดินแทบไม่ไหวแล้วค่ะ ถ้าเป็นพระราชวังจริง ๆ ฉันคงจะแวะพักระหว่างทางแน่นอน”
ฐานิกา พูดติดตลก สร้างเสียงหัวเราะให้กับสองสาว
“คงจะเป็นเช่นนั้นค่ะ เพราะที่พระราชวังจะมีตำหนักแต่ละหลังอยู่ห่างกันตำหนักละสองถึงสามกิโลเมตร ยิ่งตำหนักสีฟ้ากับตำหนักสีแดงนั่นอยู่ไกลกว่าเพื่อน น่าจะห้ากิโลเมตรเห็นจะได้” มาตาจี เล่าให้ฟัง
ฐานิกา รู้สึกสะดุดกับชื่อตำหนักสีฟ้า กับ ตำหนักสีแดง เธอนึกออกทันทีว่าเมื่อคืนนี้มะลิได้เล่าให้ฟังค้างไว้นั่นเอง
“ฉันอยากจะทราบเรื่องราวของตำหนักทั้งสองสีนั่นจัง ทำไมอยู่ไกลกว่าตำหนักอื่นคะ”
ไกด์สาวทั้งสองหันมองหน้ากันอย่างอัตโนมัติ ก่อนที่ไกด์ร่างท้วมจะหันมาส่งยิ้มให้กับฐานิกา คล้ายจะขอร้องว่าอย่าถามได้ไหม เพราะหน้าตาท่าทางของสองสาวฟ้องเช่นนั้น
“ว่าไงคะพอจะเล่าให้ฉันทราบได้ไหมคะ”
ฐานิกา ถามขึ้นเมื่อเห็นสองสาวนิ่งเงียบไม่ยอมพูดเรื่องนี้
“เอ้อ..ความจริงก็ไม่มีอะไรหรอกค่ะก็แค่ที่ประทับชั่วคราวของพระราชานูรีกับเจ้าชายอาบิเชค”
“ใช่ค่ะ..ไม่มีอะไรอย่างที่เซเรน่า บอกค่ะ เป็นเหมือนที่ประทับเพื่อผ่อนคลายจากพระกรณียกิจเท่านั้นเอง”
มาตาจี ยืนยันคำพูดของเซเรน่า
“เอ..แต่ฉันทราบมาว่าทั้งพระราชากับเจ้าชาย ก็มีตำหนักส่วนพระองค์อยู่แล้วนี่คะ ถ้าจะเปลี่ยนไปประทับเพื่อหาบรรยากาศผ่อนคลายน่าจะเป็นนอกพระราชวังไม่ดีกว่า
หรือคะ”
คำถามของฐานิกา ทำให้สองสาวถึงกับนิ่งอึ้งไปและไม่มีใครช่วยอธิบายข้อข้องใจให้กับเธอเลย
“เราไปหาอะไรทานกลางวันกันดีกว่านะคะ”
เซเรน่า เป็นคนพูดขึ้นหวังจะให้ฐานิกา เลิกใส่ใจที่จะรู้เรื่องตำหนักทั้งสองนั้นเสีย
“ใช่ค่ะ..นี่ก็ใกล้จะเที่ยงแล้วด้วย เราจะพาคุณไปรับประทานข้าวหมกแกะที่ขึ้นชื่ออยู่ริมแม่น้ำมามุนีนี้เองค่ะ”
มาตาจี รีบสนับสนุนคำพูดของเซเรน่าทำให้ฐานิกาจำต้องหยุดที่จะซักถามในสิ่งที่อยากจะรู้นั้นและเดินตามสองสาวไปอย่างว่าง่าย
