4. เสน่ห์สาวไทยสะดุดใจสองหนุ่ม
“อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณนิ”
มะลิ กล่าวทักทายฐานิกาที่เพิ่งจะตื่นนอนและเดินออกมาที่ห้องรับแขก
“อรุณสวัสดิ์จ๊ะ..นี่ฉันตื่นสายใช่ไหมเนี่ย”
ฐานิกา ยิ้มขวยเขินให้กับมะลิ
“เพิ่งจะแปดโมงเช้าค่ะ” มะลิบอกยิ้ม ๆ
“นั่นล่ะสายสำหรับฉัน ปกติฉันตื่นหกโมงเช้าจ๊ะ”
ฐานิกา บอกพร้อมกับทรุดนั่งที่โซฟารับแขก
“คงเพราะคุณนิเดินทางมาเหนื่อย ๆ น่ะค่ะ เออ..คุณนิจะรับอาหารเช้าเป็นอะไรดีคะ”
“มีอะไรบ้างจ๊ะ”
“เดี๋ยวมะลิ หยิบเมนูให้ค่ะ” มะลิเดินไปที่เคาน์เตอร์เพียงครู่เดียวก็หยิบเมนูอาหารมาให้
“เมนูอาหารของโรงแรมนี่นา”
“ใช่ค่ะ..คุณนิเลือกได้เลยค่ะ เดี๋ยวมะลิจะโทรไปสั่งที่ห้องอาหารให้เอาขึ้นมาส่ง หรือว่าคุณนิจะลงไปทานที่ห้องอาหารก็ได้นะคะ มีทั้งห้องอาหารประจำชาติสินาการ์เดีย แล้วก็ห้องอาหารนานาชาติ”
“มีอาหารไทยด้วยไม่ใช่หรือจ๊ะ ฉันอยากจะลองชิมฝีมือพ่อกับแม่ของมะลิดูบ้าง”
“อาหารไทยจะเปิดบริการช่วงเที่ยงเป็นต้นไปค่ะ”
“เหรอ...งั้นก็ขออาหารแบบง่าย ๆ ก็แล้วกัน เป็นอเมริกันเบรกฟัสท์ก็ได้จ๊ะ..”
ฐานิกา หันไปบอกมะลิก่อนจะลุกไปเข้าห้องน้ำ เธอจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมก่อนที่จะมีคนมารับไปเที่ยวตามโปรแกรมที่กำหนดไว้ในวันนี้
ฐานิกา เดินลงมาที่ชั้นล่างของโรงแรม หลังจากที่รานียา โทรศัพท์มาแจ้งว่าอีกไม่เกินครึ่งชั่วโมงจะมีคนมารับฐานิกาที่โรงแรม เธออยู่ในชุดทะมัดทะแมงเสื้อยืดคอโปโลสีขาว มีเสื้อแจ็กเก็ตยีนส์สวมทับเข้ากับกางเกงยีนส์สีเดียวกัน พร้อมรองเท้าผ้าใบ และสะพายเป้ใบเล็กด้านหลังซึ่งมีกล้องบันทึกภาพ และขาตั้งกล้องอยู่ในนั้น
ฐานิกา เดินผ่านล็อบบี้ที่จัดตกแต่งสวยงามมีน้ำพุพวยพุ่งออกมาจากสระน้ำรูปวงรี พร้อมเสียงดนตรีเปิดคลอเบา ๆ ทำให้แขกที่นั่งอยู่ตามโต๊ะรายรอบสระน้ำพุได้รับความเพลิดเพลิน มีแขกที่มาพักนั่งพูดคุยกันเป็นกลุ่ม ๆ มีทั้งแขกอาหรับจากตะวันออกกลาง ชาวยุโรปและเอเชีย ซึ่งดูจากการแต่งตัวแล้ว ล้วนแต่งตัวภูมิฐานบ่งบอกถึงฐานะทางการเงินของผู้ที่มาเข้าพักในโรงแรมแห่งนี้
ฐานิกา เลือกที่นั่งหลบมุมนั่งมองน้ำพุด้วยความสบายใจ โดยไม่ทราบเลยว่าตลอดเวลาที่เธอนั่งยิ้มน้อย ๆ อยู่นั้น มีสายตาคมกริบของใครคนหนึ่งเฝ้ามองดูอยู่ด้วยความสนใจ เขามีใบหน้าคมเข้มคิ้วดกดำ ขนตางอนสวยเหมือนผู้หญิง หากไม่มีเคราครึ้มรอบคาง เขาจะดูเป็นหนุ่มสำอางกว่านี้ แต่เคราของเขากลับเพิ่มความเข้มน่ามองให้กับเจ้าของเรื่อนร่างสูงกำยำนั้น จนหลายคนอดที่จะแอบมองไม่ได้ เขากำลังเดินเข้าไปใกล้ฐานิกา
แต่ก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงชายหนุ่มชาวสินาการ์เดียน พูดขึ้นให้ได้ยิน
“สาวสวยคนนั้นเป็นชาวเอเชียหรือเปล่า”
เสียงของชายหนุ่มชาวสินาการ์เดียน นามว่า อิสมาอิล ถามเจ้าหน้าที่โรงแรม
“ใช่ครับ..เธอมาจากประเทศไทย”
คำตอบที่ได้ฟังทำให้ชายเคราครึ้มจำต้องหลบไปอีกทางทันที
“ไทยแลนด์งั้นหรือ...”
อิสมาอิล พึมพำเบา ๆ สายตาจับจ้องไปที่ฐานิกาไม่วางตา
“ใช่ครับ...เธอเป็นแขกพิเศษของเจ้าหญิงแอชวารย่า พักอยู่ห้องสูทชั้นบนสุดครับ”
“พี่หญิงวารย่า เชิญเธอมาเที่ยวใช่ไหม”
ชายหนุ่มถามเจ้าหน้าที่โรงแรมด้วยความคุ้นเคย
“คงใช่ครับ ลองถามคุณรานียาดูก็ได้ครับ”
เจ้าหน้าที่โรงแรมแนะนำอิสมาอิลด้วยความนอบน้อม
อิสมาอิล มองฐานิกา ด้วยความสนใจ ไม่ต่างจากชายเคราครึ้มอีกคนหนึ่งที่กำลังแอบมองฐานิกาอยู่อีกมุมหนึ่งเช่นกัน
“เธอมาทำอะไรที่นี่นะสาวสวยจากไทยแลนด์ ผมจะต้องรู้ให้ได้”
อิสมาอิล บอกกับตัวเอง
ในขณะที่ชายหนุ่มเคราครึ้มอีกคน ที่มองอยู่อีกมุมหนึ่ง ก็แอบยกมือถือถ่ายภาพของฐานิกา เก็บไว้เป็นสมบัติส่วนตัวทันที โดยที่ฐานิกา ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าตกอยู่ในความสนในของชายหนุ่มพร้อม ๆ กันถึงสองคน
ฐานิกา ตื่นตาตื่นใจมากขึ้น เมื่อคนนำเที่ยวทั้งสองสาว คือ เซเรน่า และ มาตาจี พามายังอีกฟากหนึ่งของโรงแรม สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์โดยรอบได้ชัดเจน มีบรรยากาศเป็นเชิงเขา และยังมีแม่น้ำไหลผ่านอีกด้วย
“แม่น้ำนั่น ชื่อมามุนีค่ะ”
มาตาจี ไกด์ร่างท้วมกว่าเซเรน่า เป็นคนบอกพร้อมกับชี้ไปที่แม่น้ำที่อยู่เบื้องหน้าไม่ไกล
“ฉันรู้สึกคุ้นกับชื่อแม่น้ำที่คุณบอกจัง” ฐานิกาว่า
“เป็นชื่อเดียวกับพระนามของพระราชินีมามุนีไงคะ..แต่เมื่อห้าปีก่อนชื่อแม่น้ำซาร็องค่ะ”
เซเรน่า เป็นคนบอก
ฐานิกา พยักหน้าเพิ่งจะนึกออก เธอเริ่มบันทึกภาพเก็บเอาไว้ให้มากที่สุดในมุมต่าง ๆ พร้อมกับขอบันทึกภาพวีดีโอของสองสาวที่เล่าบรรยายนั้นด้วย เพื่อจะได้นำไปตัดต่อและลงเสียงในภายหลัง
“แม่น้ำสายนี้ถือเป็นแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งของสินาการ์เดียค่ะ” มาตาจีเล่าต่อ
“เหมือนแม่น้ำคงคาที่อินเดียหรือเปล่าคะที่ว่าสามารถอาบชำระล้างบาปได้” ฐานิกาถาม
