บท
ตั้งค่า

24. ถูกจับไปพบใครคนหนึ่ง

ฐานิกา ถูกนำตัวมาขังรวมอยู่กับบรรดาตัวประกันอีกสิบห้าชีวิตภายในห้องปรับอากาศอย่างดี ภายในห้องก็กว้างขวางพอที่จะอยู่กันได้อย่างไม่แออัดนักสำหรับสิบหกคน ทุกคนได้รับความสะดวกสบายกันพอสมควร เพียงแต่ขาดอิสรภาพในการที่จะออกจากบริเวณที่กักขังเท่านั้นเอง

ฐานิกา เดินออกจากห้องมายังระเบียงด้านหน้า ที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้โดยรอบเธอรู้สึกสดชื่นกับอากาศยามเช้าท่ามกลางขุนเขาเช่นนี้ ไกลออกไปสุดตานั้น เห็นเงาลาง ๆ ของเทือกเขา

แต่บริเวณโดยรอบของอาคารที่กักขังอยู่นี้กลับไม่มีสิ่งปลูกสร้างใด ๆ ให้เห็น นอกจากคอกม้า ที่มีม้าอยู่นับสิบตัว และเห็นรถจิ๊ปสองคันจอดอยู่ ส่วนบริเวณรอบอาคารสองชั้นก็เห็นมีชายฉกรรจ์จำนวนหลายสิบคน เดินตรวจตรากันไปมา ทุกคนล้วนมีอาวุธอยู่ในมือ หากฐานิกาคิดจะหลบหนีก็คงไม่รอด

มีเสียงเปิดประตูห้องเข้ามา ทุกคนหันไปมองที่ประตูด้วยความหวังว่าจะได้รับการปล่อยตัวออกไป ทุกคนรู้แล้วว่าพวกตนถูกจับเป็นตัวประกันจากกลุ่มก่อการร้ายบารากัส ที่เคยโด่งดังเมื่อห้าปีก่อน

“ใครชื่อฐานิกา จากไทยแลนด์ ก้าวออกมา”

เสียงของชายชุดดำปิดบังใบหน้าโผล่เข้ามาออกคำสั่ง

แม้เสียงคำสั่งจากชายชุดดำนั้นจะไม่ได้ดุดัน แต่ก็ทำให้คนถูกเรียกชื่อที่กำลังอยู่ระเบียงห้องตัวสั่นด้วยความกลัว ค่อย ๆ เดินไปโผล่หน้าเข้าไปในห้อง

“สาม... สอง... ...”

ก่อนที่จะนับถอยหลังไปหนึ่ง ฐานิกา ก็รีบกระโดดออกไปยืนอยู่หน้าชายชุดดำทันทีด้วยความตื่นตกใจ

“ฉะ..ฉันชื่อฐานิกา จากไทยแลนด์ค่ะ” เธอบอกด้วยน้ำเสียงหวาดหวั่น

“ตามมา!..ส่วนคนอื่น ๆ ให้อยู่ในความสงบ”

ฐานิกา จำต้องเดินใจหายใจคว่ำตามชายชุดดำไปขึ้นรถจี๊ปที่มีคนขับจอดรออยู่แล้ว เธอถูกสั่งให้นั่งอยู่ด้านหลังเพียงลำพัง ด้วยความตื่นตระหนกตลอดเวลา รถกำลังวิ่งไต่เขาคู่ขนานไปกับเทือกเขาที่สูงต่ำสลับกันไปมา

หากเป็นเวลาอื่นที่ไม่อยู่ในสถานการณ์เลวร้ายเช่นนี้ ฐานิกา คงจะขอแวะบันทึกภาพระหว่างทางด้วยความดื่มด่ำกับธรรมชาติที่สวยงามของเทือกเขาแห่งนี้อย่างแน่นอน แต่เวลาเช่นนี้เธอได้แต่มองภาพสองข้างทางด้วยหัวใจเหนื่อยล้าหมดอาลัยตายอยากในชีวิต ไม่รู้ว่าจะถูกนำตัวไป ณ ที่แห่งใด แล้วทำไมจึงมีตัวประกันเพียงคนเดียวเช่นนี้ด้วย เธอได้แต่เก็บความหวาดวิตกสงสัยไว้ในใจไม่กล้าที่จะถามอะไรออกไปให้เป็นภัยแก่ตัวเองไปมากกว่านี้

เป็นเวลาตั้งแต่บ่ายจรดเย็น รถจิ๊ป ก็มาจอดที่เชิงเขา

ฐานิกา ถูกปลุกให้ตื่นหลังจากเผลอหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย พอลงจากรถ ก็ถูกนำไปขึ้นบนหลังม้าต่ออีก โดยมีชายชุดดำที่รออยู่แล้ว เป็นคนนั่งขนาบด้านหลังตลอดเวลา

เกือบครึ่งชั่วโมง อากาศก็เริ่มเย็นลงเรื่อย ๆ เช่นเดียวกับความมืดก็เริ่มที่จะปกคลุมท้องฟ้า

ฐานิกา เหนื่อยล้าจนไม่อยากจะคิดอะไรอีกแล้ว ปล่อยชีวิตให้เป็นไปตามยะถากรรม จนกระทั่งม้ามาหยุดอยู่ที่เนินเขา ที่ดูภายนอกแล้วเหมือนเป็นเนินเขาสูงที่ก่อขึ้นมาด้วยฝีมือมนุษย์ มีเถาวัลย์เลื้อยปกคลุมจนเต็มประตูทางเข้าที่ด้านหน้า ซึ่งถ้าไม่สังเกตจะไม่รู้ว่ามีประตูเข้าไป

มีชายหนุ่มสองคน ยืนถือปืนคุมเชิงอยู่หน้าเนินเขา ชายชุดดำหันไปสั่งให้เปิดประตู ฐานิกา รู้สึกแปลกใจที่เห็นชายชุดดำแหวกม่านเถาวัลย์หนาทึบนั้นเข้าไป และพาเธอเดินเข้าไปในโพรงที่ด้านนอกเป็นเหมือนเนินเขานั้น แต่ภายในคล้ายกับเดินลึกเข้าไปในถ้ำ และเพียงไม่ถึงสิบก้าวก็พบประตูห้อง ที่เหมือนประตูบ้านทั่วไป

ชายชุดดำ เคาะประตูสามครั้ง เพียงครู่เดียวก็มีคนมาเปิดประตูให้ แล้วชายชุดดำก็โค้งศีรษะให้กับผู้ที่มาเปิดประตู ก่อนจะหันหลังเดินกลับออกไปทางเดิมทันที ปล่อยให้ฐานิกายืนงงอยู่ที่หน้าประตูนั่นเอง

“สวัสดี คุณผู้หญิง”

เสียงกล่าวทักทายด้วยภาษาอังกฤษที่ชัดเจนนั้น มาจากชายหนุ่มเคราครึ้มที่คาดว่าอายุไม่น่าจะเกิน 30 ปี หากใบหน้าของเขาไม่มีเคราครึ้มรอบคาง คงจะเป็นหนุ่มรูปงามสำอางไม่น้อย แต่การไว้เครานั้นก็ช่วยเพิ่มความเด่นให้ใบหน้าของเขาดูคมเข้มรับกับคิ้วดกดำ และจมูกโด่งได้รูปกำลังดีของเขาไม่น้อย ดวงตาของเขางอนดำขลับราวกับถูกแต่งแต้มทั้งที่เป็นธรรมชาติ ดูโดยรวมแล้ว ฐานิกาต้องบอกว่าเขาเป็นผู้ชายที่หล่อเข้มมาก

ฐานิกา คิดว่าเขาน่าจะเป็นชาวสินาการ์เดียน เหมือนกับเจ้าชายอาบิเชค และอิสมาอิล เพราะลักษณะสีผิว และโครงสร้างรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาคล้ายกัน

ชายเคราครึ้มคนนี้ อยู่ในชุดเสื้อยืดคอกลมสีขาวสะอาดตา กางเกงยีนส์สีซีด แต่ฐานิกา ดูออกว่าชุดเสื้อผ้าของเขาเป็นยี่ห้อดังที่ระดับเศรษฐีของประเทศนี้นิยมกัน

“คุณคงไม่คิดจะจ้องหน้าผมอยู่อย่างนี้หรอกนะ เชิญตามผมมา”

ฐานิกายิ้มแก้เก้อเมื่อเขาพูดขึ้นเช่นนั้น

“เอ้อ..ขอโทษค่ะ ฉันแค่ตื่นเต้น”

“ผมเข้าใจ...ถ้าผมเป็นคุณก็คงจะรู้สึกเช่นนี้เหมือนกัน เชิญครับ”

ชายหนุ่มเคราครึ้มพูดจบ ก็เดินนำฐานิกา เข้าไปด้านใน ซึ่งในความรู้สึกของฐานิกาแล้วสถานที่แห่งนี้ก็คือถ้ำดี ๆ นี่เอง แต่ช่างเป็นถ้ำที่สวยงามที่สุด เท่าที่ฐานิกาเคยพบมา

เมื่อเดินลึกเข้าไปก็กว้างขวางโอ่โถงขึ้นเรื่อย ๆ มีห้องรับแขกที่มีเฟอร์นิเจอร์ครบครัน ถูกตกแต่งอย่างสวยงามมีหลอดไฟที่เป็นคริสตัลประดับประดาบนเพดาน ใครจะไปคาดคิดว่าภายนอกที่ดูเป็นเนินเขาธรรมดามีเถาวัลย์ปกคลุมจนมิดนั้นจะซุกซ่อนความเริดหรูอลังการเอาไว้ได้ถึงเพียงนี้ ภายในยังมีห้องอยู่อีกหนึ่งห้องด้วย คาดว่าน่าจะเป็นห้องนอน

“เชิญนั่งครับ..”

ชายหนุ่มผายมือให้กับฐานิกา นั่งลงบนโซฟาหนานุ่ม ในเวลานี้ฐานิกา พยายามที่จะควบคุมความตื่นตระหนกเอาไว้ให้มากที่สุด เธอไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่เท่าที่ดูจากกริยาท่าทางของชายหนุ่มคนนี้ แม้เขาจะดูเคร่งขรึมแต่ก็มีความสุภาพที่พอจะทำให้รู้สึกผ่อนคลายความกลัวลงได้บ้าง

“คุณคือ..ฐานิกาใช่ไหม”

ชายหนุ่มนั่งลงที่โซฟาตรงข้าม เขาจ้องหน้าถามเป็นภาษาอังกฤษได้ชัดเจนทีเดียว

“ใช่ค่ะ...” ฐานิกาตอบรับด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

“คุณนี่เอง ที่ทำให้ผู้ชายในตระกูลบาฮะดูร์คลั่งไคล้นักหนา”

เสียงนั้นติดจะเย้ยหยันมากกว่าจะชื่นชม ฐานิกา ไม่เข้าใจว่าผู้ชายตรงหน้านี้ต้องการอะไรกันแน่ แววตาของเขาประหนึ่งผู้ปกครองที่จ้องจับผิด

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel