22. คนรักที่เมืองไทย
ที่ประเทศไทย วิลาวัลย์ นัดหารือกับ ชนกานต์ ด้วยความร้อนใจ หลังจากได้ทราบข่าวจากสื่อต่าง ๆ ที่ดังไปทั่วโลก เรื่องที่กลุ่มต่อต้านหัวรุนแรงบารากัส บุกจับชาวต่างชาติที่โรงแรมอาบิเชค ในประเทศสินาการ์เดีย และมีการวางระเบิดที่ด้านหน้าของโรงแรมได้รับความเสียหายแต่โชคดีไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
“ตอนนี้แม่ของยัยนิ เป็นลมไปหลายตลบแล้ว ฉันไม่รู้จะปลอบใจพวกท่านยังไงดี”
วิลาวัลย์ บอกแก่ชนกานต์ ทันทีที่พบหน้ากันภายในร้านอาหารแห่งหนึ่งแถวที่ทำงานของชนกานต์ แต่เขาไม่ได้มาเพียงคนเดียว ทว่ามีเด็กสาวมีนา ตามมาด้วย แต่วิลาวัลย์ ไม่มีกะจิตกะใจ ที่จะจับผิดคนคู่นี้ เพราะเป็นห่วงเพื่อนที่อยู่ประเทศสินาการ์เดีย มากกว่าอื่นใดในตอนนี้
“ฉันก็ตรวจสอบไปที่สถานทูตแล้ว เขากำลังตรวจสอบรายชื่ออยู่ บางทีอาจจะไม่ใช่นิก็ได้”
ชนกานต์ เป็นห่วงคนรักไม่ต่างไปจากวิลาวัลย์ เลย เขาเองก็ได้พยายามเสาะหาข้อมูลรายชื่อที่กลุ่มก่อการร้าย จี้บังคับไป
“แต่ข่าวบอกว่ามีคนไทยหนึ่งคน ที่ถูกจับตัวไปด้วย แล้วยัยนิ ก็พักที่โรงแรมอาบิเชค ที่สำคัญฉันติดต่อยัยนิ ไม่ได้เลย แบบนี้มันจะคิดว่าไม่ใช่ได้ไงล่ะ”
วิลาวัลย์ บอกด้วยสีหน้าวิตกกังวล
“นั่นน่ะสิคะ..มิ้น ว่าป่านนี้พี่นิต้องถูกพาไปขังไว้เพื่อรอการเรียกค่าไถ่ก็ได้นะคะ”
มีนา ออกความเห็นด้วยสีหน้าไม่เป็นทุกข์ร้อนไปกับสองคนเลย เพราะลึก ๆ แล้ว มีนา รู้สึกดีใจด้วยซ้ำ อยากจะให้ฐานิกา ถูกจับอยู่ที่สินาการ์เดีย ไม่ต้องกลับเมืองไทยเลยยิ่งดี
“มิ้น! ไม่ต้องออกความเห็นจะดีกว่านะ..”
ชนกานต์ หันมาต่อว่าเด็กสาวด้วยสีหน้าไม่พอใจ เขาไม่อยากจะให้มีนา ตามมาด้วยเลย แต่เธอก็ดื้อดึงที่จะตามมาเอง เขาจึงไม่อยากจะมีปัญหากับมีนาในตอนนี้
“แต่มันอาจจะเป็นอย่างที่มิ้นว่าก็ได้นะ ถ้าคนร้ายไม่จับไปเรียกค่าไถ่ มันจะจับไปทำไมล่ะ”
วิลาวัลย์ เริ่มวิเคราะห์ทำให้ชนกานต์หน้าซีด แต่มีนานั่งยิ้มหน้าบาน
“ดูจากข่าวไม่น่าจะใช่ มันเป็นความขัดแย้งภายในประเทศ ที่พวกบารากัส จับนิไปพร้อมกับคนต่างชาติก็เพราะต้องการจะต่อรองกับรัฐบาลของกษัตริย์นูรีบาฮะดูร์”
“ซวยจริง ๆ ยัยนิเอ๊ย..นึกว่าจะได้ไปเที่ยวไปทำงานอย่างมีความสุขสนุกสนาน แต่ต้องไปเจอสิ่งเลวร้าย ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง แล้วฉันจะช่วยเธอได้ยังไงเนี่ย”
วิลาวัลย์ คร่ำครวญด้วยความเป็นห่วงเพื่อนรัก
“พรุ่งนี้ฉันจะพาพ่อแม่ของนิไปติดต่อขอให้รัฐบาลช่วยเหลือติดตามหานิ” ชนกานต์บอก
“ดี..ฉันก็จะไปด้วย”
“งั้นพรุ่งนี้เจอกันที่บ้านนิก็แล้วกัน สักแปดโมงเช้า”
วิลาวัลย์พยักหน้า และขอตัวออกไปจากร้านอาหาร ปล่อยให้ชนกานต์อยู่กับมีนาตามลำพัง
“ถ้ามิ้นถูกจับไปอย่างพี่นิ ไม่รู้ว่าพี่เค จะห่วงมิ้นแบบนี้หรือเปล่าคะ”
มีนา เอ่ยถามขึ้นหลังจากที่วิลาวัลย์ออกไปจากตรงนั้นแล้ว
“อย่าถามในสิ่งที่มันเป็นไปไม่ได้ ได้ไหมมิ้น ตอนนี้พี่ไม่มีเวลามาล้อเล่นกับเราหรอกนะ”
ชนกานต์ ทำเสียงดุสีหน้าไม่ชอบใจ ทำให้มีนาหน้าบึ้งขึ้นมาด้วยความน้อยใจ
“มิ้น ก็แค่อยากรู้ว่าพี่เค จะห่วงมิ้นหรือเปล่าเท่านั้นเอง ทำไมต้องหงุดหงิดด้วย”
“แล้วมันใช่เวลาที่จะต้องมาถามอะไรแบบนี้รึเปล่าล่ะ”
“พี่เค!..จะมาอารมณ์เสียกับมิ้นทำไมเนี่ย..ถ้าจะโกรธก็ไปโกรธไอ้พวกโจรก่อการร้ายที่บุกจับแฟนพี่ที่โรงแรมโน่นสิ มาโกรธอะไรมิ้นล่ะ”
“พี่ไม่ได้โกรธมิ้น แต่พี่กำลังจะสอนให้มิ้นรู้จักกาลเทศะต่างหาก”
“ใช่ซี้..ใครเลยจะแสนดีรู้จักกาลเทศะ ดีเลิศเท่ากับยัยพี่นิ แฟนพี่ล่ะ”
มีนา แสดงความน้อยใจจนพูดประชดประชันไปถึงคนรักของอีกฝ่ายด้วยความริษยา
ชนกานต์ ไม่ต่อล้อต่อเถียงเพิ่ม เขารีบเรียกเก็บเงินค่าเครื่องดื่มก่อนจะผลุนผลันออกไปจากร้าน โดยมี มีนาเดินตามไป ด้วยความไม่พอใจที่เห็นเขาห่วงคนรักมากจนน่าหมั่นไส้
