20. ต่อรองเอาตัวรอด
“ได้โปรด..อย่าทำอะไรฉันเลยนะคะเจ้าชาย”
ฐานิกาอ้อนวอนเสียงสั่นพร่าด้วยความกลัว
“งั้นก็สัญญาก่อนสิว่าคุณจะรับข้อเสนอของผม”
“ข้อเสนอ..อะ..อะไรคะ”
ฐานิกาหลับตาถามออกไปทั้งที่รู้ความหมายนั้นอยู่แล้ว
“ยอมเป็นของผมดี ๆ แล้วคุณอยากจะได้เงินเท่าไหร่ก็เสนอมาผมยินดีจ่าย”
“เอ้อ...แต่..”
“เสนอมาเถอะน่าไม่ต้องเกรงใจ อย่างคุณสิบล้านผมก็สู้นะ”
เจ้าชายส่งแววพระเนตรพอพระทัยในตัวของฐานิกาอย่างเปิดเผยทำให้เธอขนลุกซู่ คิดวิธีที่จะตอบเจ้าชายโดยไม่ทำให้พระองค์รู้สึกขัดเคืองพระทัย
“ถ้าอย่างนั้น..ฉันขอเวลาคิดก่อนได้ไหมคะ”
ฐานิกา คิดว่าไม่มีวิธีใดที่จะยอมโอนอ่อนผ่อนตามไปก่อนในช่วงเวลานี้เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง
“ได้..ผมจะไปนอนรอคุณตัดสินใจที่ห้องนอนนะ อย่าช้าล่ะ..ไม่อย่างนั้นคุณอาจจะเสียตัวฟรีก็ได้นะ”
ตรัสเสร็จ ก็เสด็จเข้าไปยังห้องนอนของฐานิกาทันที ปล่อยให้คนที่จะต้องตัดสินใจนั้น ใจเต้นตูมตามด้วยความหวาดผวาตื่นตระหนก ฐานิกากำลังคิดวิธีที่จะเอาตัวรอดให้ได้ในคืนนี้
ใครจะคิดว่าการเดินทางมาประเทศสินาการ์เดียครั้งนี้ จะต้องผจญกับเจ้าชายที่เห็นผู้หญิงเป็นของเล่นเช่นนี้ ถ้าเธอจะโทรศัพท์ไปขอความช่วยเหลือจากอิสมาอิลจะดีไหมนะ
ฐานิกา เฝ้าครุ่นคิดตลอดเวลาที่เดินไปเดินมาอยู่ภายในห้องรับแขก แต่เธอก็อดกลัวไม่ได้ว่าสองคนนี้จะต้องห้ำหั่นกัน ถ้าเช่นนั้นก็ต้องโทรหารานียา เพื่อให้รานียา ไปทูลให้เจ้าหญิงแอชวารย่า ทรงช่วยเหลือ แต่หากไม่มีใครช่วยเหลือเธอได้ล่ะ...ฐานิกาเริ่มเครียด หรือว่าเธอจะโทรไปที่สถานทูตขอความช่วยเหลือ
แต่..ที่นี่เป็นประเทศสินาการ์เดีย หากเธอโวยวายว่าถูกเจ้าชายข่มเหงรังแก จะมีใครเชื่อเธอ นอกจากถูกหัวเราะเยาะแล้ว เธออาจจะถูกยัดเยียดข้อหาหนักติดคุกหัวโตอยู่ที่ประเทศนี้เลยก็ได้ ยิ่งคิดก็ยิ่งกลุ้ม
“ฐานิกา..คุณใช้เวลานานเกินที่ผมจะอดทนรอแล้วนะ”
สุรเสียงกังวานดังก้องออกมาจากในห้อง ฐานิกา ผวาเฮือกเหงื่อผุดเต็มหน้า หันซ้ายหันขวาอย่างคนที่ทำอะไรไม่ถูก
“หมดเวลาแล้ว เชิญคุณเข้ามาข้างในได้แล้วฐานิกา..ยอดรัก”
สุรเสียงล้อเลียนในตอนท้ายสร้างความผะอืดผะอมให้กับฐานิกาอย่างมาก เธอจำต้องค่อย ๆ ก้าวเข้าไปเพื่อเผชิญหน้ากับเจ้าชายจอมเจ้าชู้นี้ให้ได้
“มามะ..ยาหยี..”
ทรงตบที่นอนรอรับเหมือนฐานิกาเป็นเด็กเล็ก ๆ
ฐานิกาค่อย ๆ เดินไปทรุดนั่งที่ริมขอบเตียง ในขณะที่เจ้าชายทรงนอนเอกเขนกอยู่บนเตียงของเธออย่างถือวิสาสะ
“เอาอย่างนี้ได้ไหมคะเจ้าชาย..ฉันขอเวลาให้คำตอบพรุ่งนี้..เอ้อ..ค่ำ ๆ”
ฐานิกาตัดสินใจบอกไป เธอคิดว่าระหว่างนั้นเธออาจจะมีทางออกแล้วก็ได้
“พรุ่งนี้...”
เจ้าชายทวนคำพูดของเธอสีพระพักตร์ไม่ค่อยพอพระทัยนัก
“ค่ะ..ฉันขอเวลาทำใจนิดหนึ่ง เจ้าชายต้องเข้าใจนะคะว่าฉันไม่เคย...เอ้อ..ไม่เคยถูกเสนอยื่นเงื่อนไขแบบนี้มาก่อน”
“ผมเข้าใจ..เอาเถอะ..ผมก็ไม่คิดที่จะเร่งรัดอะไรหรอกนะ ที่เข้ามาหาแบบจู่โจมแบบนี้ก็คิดว่าคุณคงจะตกใจไม่น้อย ความจริงผมก็ไม่มีเจตนาที่จะทำแบบนี้หรอก และคนอย่างผมก็ไม่จำเป็นที่จะต้องทำแบบนี้ด้วย แค่ผมส่งการันต์เข้ามาทาบทามเจรจากับคุณก็พอแล้ว แต่เป็นเพราะอิสมาอิลทำให้ผมใจเย็นไม่ได้ ผมกลัวว่าคุณจะใจอ่อนกับอิสมาอิลไปเสียก่อนจึงต้องรีบตัดสินใจบุกมายื่นเงื่อนไขกับคุณแบบนี้ ผมขอโทษนะฐานิกา”
เจ้าชายทรงลุกจากการนอน ขยับวรกายมานั่งข้าง ๆ
ฐานิกา คราวนี้สีพระพักตร์ดูสบายพระทัยขึ้น สบตากับฐานิกาด้วยแววพระเนตรที่เปลี่ยนเป็นอ่อนโยน ฐานิกา รีบยกมือไหว้เจ้าชายด้วยความนอบน้อมทันที เจ้าชายตกพระทัยรีบรวบมือเธอเอาไว้
“โอ๊ะ..ไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้ฐานิกา”
“หม่อมฉันขอบพระทัยพระองค์ยิ่งนักที่ทรงเมตตาไม่ทำอะไรหม่อมฉันเพคะ”
“บอกแล้วไงว่าให้พูดกับผมแบบธรรมดา..คุณพูดแบบนี้จะยิ่งทำให้เราเหินห่างกันนะ”
“เพคะ..เอ้อ..ค่ะ..”
“ตกลงพรุ่งนี้ค่ำ ๆ ผมจะมาหาคุณที่ห้องนี้นะ..มาทวงคำตอบจากคุณ”
เจ้าชายสบตาด้วยแววพระเนตรล้อเลียน
“ค่ะ..”
“รู้ไหมว่าทำไมผมถึงยอมคุณ..” พระองค์กระซิบที่ข้างหู
“ไม่ทราบค่ะ”
“เพราะผมชักจะหลงเสน่ห์สาวไทยอย่างคุณเข้าแล้ว.ผมได้นอนคิดเมื่อสักครู่ถึงคำพูดของคุณที่บอกว่าหัวใจของคุณต้องซื้อด้วยหัวใจ...ผมว่า..ผมอยากจะซื้อหัวใจคุณด้วยหัวใจของผมเสียแล้วสิ...พรุ่งนี้คุณคงให้คำตอบที่ผมพอใจนะครับ ผมจะรอ...”
ทรงจุมพิตที่หน้าผากเธอเบา ๆ ก่อนจะเสด็จกลับไปอย่างเงียบ ๆ ฐานิกานั่งตัวชาอยู่บนเตียงอีกนานกว่าจะรู้สึกตัวว่าจะต้องรีบไปปิดประตูห้อง
มะลิ รีบเข้ามาปลอบฐานิกา ทันที หลังจากที่การันต์ สั่งให้เธอเข้าไปอยู่เป็นเพื่อนของฐานิกาได้ ฐานิกา เล่าทุกอย่างให้มะลิฟังโดยไม่ปิดบังเพราะเธอคิดว่าคงจะไม่มีใครที่จะเป็นที่ปรึกษาได้ดีไปกว่ามะลิที่เป็นคนชาติเดียวกันได้อีกแล้วในขณะนี้ มะลิมีแววตาแปลก ๆ ที่ฐานิกา ไม่เข้าใจ แต่คำแนะนำของมะลิ ก็ทำให้ฐานิกา คล้อยตาม
“ทางที่ดีคุณนิจะต้องบอกเรื่องนี้ให้คุณอิสมาอิล รู้ค่ะ เธอจะได้ปกป้องคุณนิได้”
“ฉันก็คิดแบบมะลิเหมือนกัน ตอนแรกก็ว่าจะบอกคุณรานียาเพื่อให้เธอช่วยทูลเจ้าหญิงให้ แต่คิดไปคิดมาฉันว่าบอกคุณอิสมาอิลน่าจะดีกว่า”
“คุณนิคิดถูกแล้วค่ะ คุณรานียา คงไม่สามารถที่จะต่อกรกับเจ้าชายได้ แม้แต่ท่านหญิงเองก็ไม่สามารถที่จะห้ามปรามอนุชาของพระองค์ได้ มีเพียงคุณอิสมาอิลเท่านั้นค่ะ ที่จะมีบารมีพอที่จะคุ้มครองคุณได้ในตอนนี้”
“ถ้าอย่างนั้น พรุ่งนี้ฉันจะขอให้คุณอิสมาอิล พาฉันเดินทางไปเที่ยวที่เมืองซาร์มองตั้งแต่เช้าเลยดีไหมมะลิ”
“ดีค่ะ..มะลิเห็นด้วย เพราะพรุ่งนี้ที่โรงแรมแห่งนี้จะไม่ปลอดภัย”
“ทำไมล่ะมะลิ จะเกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ”ฐานิกา ถามด้วยความตกใจ
มะลิ หน้าเจื่อนเมื่อนึกได้ว่าได้เผลอพูดอะไรบางอย่างออกไปอย่างไม่ตั้งใจ เธอจึงรีบบอกว่าเป็นเพราะเจ้าชายอาบิเชค จะต้องกริ้วจนต้องมีเรื่องที่นี่
“แต่ฉันก็คงจะไปแต่เช้าไม่ได้อยู่ดี เพราะพรุ่งนี้จะมีงานเลี้ยงที่เจ้าหญิงทรงประทานแก่คณะทูต และสื่อมวลชนต่างชาติ ฉันจะต้องรอจนกว่างานจบ” ฐานิกาบอก
คืนนี้ฐานิกาคงนอนไม่หลับทั้งคืน เพราะต้องหวาดผวาเกรงว่าเจ้าชายจะบุกรุกเข้ามาหาที่ห้องอีก เธอได้แต่เร่งเวลาให้ถึงพรุ่งนี้โดยเร็วเพื่อจะได้ให้อิสมาอิล พาเธอออกจากเมืองหลวงแห่งนี้ไปยังเมืองซาร์มอง
